“ปิ๋ม ซีโฟร์” ทุ่มสุดตัวตามความฝันทำรายการ “TOP STAR ลาว”
จัดเต็มสำหรับ “ปิ๋ม ซีโฟร์” ที่ตามความฝันทำรายการเรียลลิตี้ชื่อรายการ “TOP STAR ลาว” เพื่อค้นหาผู้ที่มีความฝันอยากเป็นซูเปอร์สตาร์ในประเทศลาวในเรื่องการร้องเพลงลูกทุ่ง โดยล่าสุดเจ้าตัวได้เผยถึงโปรเจ็คท์นี้ว่า
อ่านข่าวต่อ :
เปิดใจ “ปิ๋ม ซีโฟร์” ไม่แคร์มีแฟนเด็ก เมินคนมองสายเปย์
โปรเจ็คท์นี้ชื่อรายการ “TOP STAR LAOS” เป็นรายการประกวดร้องเพลงลูกทุ่ง เรียกว่าเป็นรายการประกวดร้องเพลงลูกทุ่งรายการแรกของประเทศลาวเลยก็ว่าได้ เพราะเป็นรายการแรกที่มีการร่วมมือกันระหว่างผู้ผลิตของประเทศอย่างประเทศไทยและประเทศลาว เป็นรายการร้องเพลงที่ใหญ่มากที่สุดในประเทศลาว
คือส่วนตัวอย่างทำรายการร้องเพลงลูกทุ่งไม่ว่าจะร้องหรือเต้น ก็คืออยากทำไว้อยู่แล้ว แล้วบังเอิญมีผู้ใหญ่ใจดีให้โอกาสได้มาร่วมพูดคุยกันกับทางลาวสตาร์ จนได้เกิดรายการนี้ขึ้น ก็ต้องขอขอบคุณทางลาวสตาร์ที่ให้โอกาสกับเราเป็นผู้จัดรายการนี้ แล้วก็มาออนแอร์ที่ลาวสตาร์
ถ้าถามว่ายากไหม ก็ยากเลย เพราะถ้าเป็นของที่ประเทศไทยเอง เราอยากจะทำรายการอะไรเราก็สามารถทำได้เลย แต่ที่ประเทศลาวไม่ได้เราต้องขออนุญาตก่อน ขออนุญาตทุกอย่างเลยแม้กระทั่งคนไทยที่มาทำงานก็ต้องขอเอกสารด้วย อีกอย่างคือเรื่องของขนบธรรมเนียมประเพณีลาวที่เราต้องเคารพ ต้องระมัดระวังที่สุดด้วย เอกสารเขาต้องตรวจสอบชัดเจน เพราะว่ารายการนี้เป็นรายการแรกที่เราจะมีการประกวดไปตามแขวงต่างๆ ของลาว เราก็จะไปคัดเลือกจนเหลือ 16 คนแล้วก็คัดให้เหลือแค่ 5 คน แล้ว 5 คนนี้เราก็จะพาไปทัวร์คอนเสิร์ตที่ประเทศไทย เพื่อเป็นการเชื่อมสัมพันธไมตรีกับประเทศไทยอีกด้วย หลังจากกลับมาก็จะคัดให้เหลือ 1 คนเป็น Top Star คนแรกของประเทศลาว
และสำหรับคุณสมบัติของผู้เข้าประกวด อายุก็จะประมาณที่ 15 ขวบ ถึง 35 ปี ไม่จำกัดเพศ ก็คือมาร้องเพลงลูกทุ่ง แล้วจะต้องเป็นเพลงลูกทุ่งของลาวเท่านั้น อย่างรายการอื่นที่มีประกวดมาเขาสามารถร้องเพลงอย่างอื่นได้แต่รายการนี้ต้องร้องเพลงของชนชาติลาวประเทศลาวเท่านั้น มันเป็นกฎ แล้วอีกอย่างมันเป็นรายการแรกที่จะมีโค้ชหรือคณะกรรมการเป็นคนไทย อย่างที่บอกมาเลยต้องระมัดระวังให้เป็นพิเศษในเรื่องของการใช้ภาษาลาว ซึ่งคณะกรรมการพี่จะมาตัดสินในรายการแล้วก็จะคัดเลือกจากคนไทยที่สามารถพูดภาษาอีสานได้อยู่แล้วแต่ก็จะต้องมาเรียบเรียงให้ความหมายชัดเจนที่สุด เพื่อที่จะให้เหมือนภาษาลาว ตอนนี้คณะกรรมการก็จะมี “อาร์ เดอะสตาร์” แล้วก็ “แซ็ค ชุมแพ”
แล้วที่สำคัญรายการนี้มีรางวัลพิเศษ คือ รางวัล “เพชร สหรัตน์ อวอร์ด” ถามว่าทำไมถึงได้รางวัลนี้ เพราะคนที่ได้รับรางวัล “เพชร สหรัตน์ อวอร์ด” จะได้ร้องเพลงที่ “เพชร สหรัตน์” แต่งให้แล้วก็มอบลิขสิทธิ์ให้ไปเลย ซึ่ง “เพชร สหรัตน์” จะดังมากๆ ที่ประเทศลาว
ซึ่งยังไม่หมดเท่านี้ เงินรางวัลที่นี่ก็เยอะที่สุดเท่าที่เคยมีมา รวมรางวัลทั้งหมดมูลค่า 5 แสนบาทไทย เราก็มีรางวัลพิเศษที่เราจะพาไปโมดิฟายหน้ามูลค่า 5 แสนบาท แล้วเราก็จะมีเพจท็อปสตาร์ลาวด้วย แต่คนไทยก็สามารถดูได้ที่เพจเลย
(น้ำตาไหล) ที่เราร้องไห้คงจะเป็นเพราะเราดีใจ เราภูมิใจ แล้วก็จะพยายามทำให้ดีที่สุด เพราะเราจะเป็นคนเล็กๆ ที่ทำให้ประเทศไทยมาไกลมากขึ้น แล้วก็ทำให้ชาวลาวที่นี่ยอมรับเราด้วย ก็ต้องขอขอบคุณทางการลาว ที่ให้โอกาสเราและทีมงานทุกคนได้มาพึ่งใบบุญทำงานที่ประเทศลาว เราก็จะพยายามทำให้ดีที่สุด เราก็จะถือโอกาสมีการโปรโมทประเทศไทยไปในตัวด้วย
ด้านกฎระเบียบต่างๆ ที่เราต้องทำตามก็จะเป็นทุกอย่างที่เกี่ยวกับประเพณี การร้องเพลงการแต่งกายไม่ว่าจะไปที่ไหนก็จะมีเจ้าหน้าที่ของทางลาวตามไปด้วยตลอดเพื่อบอกว่าได้หรือไม่ได้ แม้กระทั่งการจัดวางเวทีก็ตาม แล้วถือว่าเราเป็นชนชาติแรกที่ได้มีโอกาสมาร่วมงานกับทางลาว ถือเป็นปรากฏการณ์ครั้งแรกของพวกเราด้วย เพราะเป็นรายการแรกของเราด้วย ที่สำคัญ คือ เรามีผู้ใหญ่ทางประเทศไทย อย่าง “พี่นก บริพันธ์ ชัยภูมิ” ที่เป็นคนให้คำแนะนำเรามาโดยตลอด แล้วก็ต้องขอกราบขอบพระคุณผู้ใหญ่หลายท่านที่ค่อยเป็นครูให้เรา มันเป็นเพราะว่าเราเคยอยู่แต่ข้างหน้าเราไม่เคยอยู่เบื้องหลังถือว่าเป็นรายการและสำหรับเราจริงๆ วันนี้เราทำทุกอย่างด้วยตัวเองได้ ตั้งแต่ปูพรมด้วยซ้ำเราดีใจมากๆ
เรื่องเพลง คือ เพลงไทยกับเพลงลาวจะมีความใกล้เคียงกันมาก ทั้งด้วยเรื่องภาษาแล้วก็อะไรหลายๆ อย่าง รวมไปถึงเรื่องของตนเองตอนนี้ก็แทบจะแยกไม่ออกด้วยซ้ำเพราะเหมือนกันมาก แต่ว่าก็จะมีส่วนเล็กๆ น้อยๆ ที่เรามองไม่เห็นถือว่าครั้งนี้ก็เป็นการศึกษาไปในตัวด้วย ส่วนในเรื่องของโอกาสที่จะมี Season อื่นๆ ตามมา คือรายการในซีซั่นนี้อาจจะเป็นเพลงลาวลูกทุ่งอย่างเดียว แต่ในซีซั่นหน้าเราก็อาจจะประกวดเดินแบบที่เป็น 2 สัญชาติ หรือซีซั่นต่อไปเขาอาจจะเป็นการประกวดเต้น เพราะเราต้องการหาท็อปสตาร์หนึ่งเดียวแต่อาจจะเป็นหลากหลายด้าน ก็แล้วแต่แตกต่างกันออกไป คะแนนส่วนใหญ่ที่ได้ก็จะมาจากคณะกรรมการ ก็จะมีคณะกรรมการลาวอยู่ในนั้น 1 ท่าน ที่เป็นหลักดูแลในการให้คะแนนทั้งหมดเลย แล้วก็คะแนนจากการโหวต เราก็จะได้ค่ายมือถือดังที่สุดจากประเทศลาวเข้าร่วมมือในเรื่องนี้ด้วย เพราะฉะนั้นคะแนนก็จะถูกแบ่งออกมาเป็น 2 ส่วน แล้วรางวัลของ “เพชร สหรัตน์” เขาก็จะเป็นคนเลือกเอง โดยจะเลือกจาก 1 ใน 16 คน ไม่จำเป็นที่จะต้องเป็น Top สตาร์ลาวก็ได้ ทาง วายบีคลินิก เขาก็จะเป็นคนเลือกเองว่าใครจะได้รับรางวัลจากเขา
ซึ่งคนที่จะชนะแน่นอนต้องเป็นคนที่ร้องเพลงเพราะ และพร้อมที่จะเป็นทูตสัมพันธไมตรีระหว่างประเทศไทยและประเทศลาว ซึ่งทั้ง 16 คนที่เราคัดเลือกแล้วทุกคนจะได้รับการเซ็นสัญญาทั้งหมด ซึ่งถ้าให้พูดถึงวงการบันเทิงทางด้านลาวแล้วเราก็จะหาโอกาสให้เขาได้ไปทางวงการของประเทศไทยอีกด้วย
คนต้อนรับตอนนี้ก็ดีมากๆ ซึ่งหลังจากที่เราเปิดเพจไปคนทั้งประเทศลาวก็ตื่นตัว แล้วก็ตื่นเต้นที่จะได้เห็นรายการนี้ แล้วตอนนี้ก็มีคนสมัครเข้ามาเยอะมาก ถือว่านี่เป็นก้าวแรกของเรา จะถามว่าเราจะต่อยอดไหมอาจจะทำงานวงการในด้านอื่นกับประเทศลาวต่อ ตอนนี้เราไม่อยากหวังอะไรเลยไม่อยากฝันเกินอยากทำรายการนี้ทำตอนนี้ให้ดีที่สุด หลังจากนั้นขออนุญาตปรึกษาผู้ใหญ่แล้วค่อยว่ากัน
ส่วนตัวเราเองตอนที่ทำงานที่ประเทศไทยก็อาจจะมีแต่งตัวเซ็กซี่อยู่บ้าง แต่อย่างที่บอกตอนนี้เราอยู่ที่ประเทศลาวแล้วก็อยากจะยึดถือประเพณีของเขาไว้ ก็ต้องแต่งตัวให้เรียบร้อยด้วย แล้วชุดที่เราใส่ในวันนี้เป็นชุดที่ทางการลาวเลือกให้ เป็นชุดพื้นบ้านจริงๆ ตอนใส่ออกมาค่อนข้างที่จะเคอะเขินแต่ก็ภูมิใจ จริงๆ ก็อยากจะใส่ชุดไทยด้วยแต่หลายๆ คนก็คงจะมีโอกาสเห็นแล้วใส่ชุดไทยที่ประเทศไทยอยู่แล้ว มาที่นี่เลยอยากใส่ชุดลาว ก็ต้องขอขอบคุณทางกระทรวงวัฒนธรรมลาวที่ให้การสนับสนุนและอนุญาตให้เราสามารถทำรายการนี้ หลังต่อจากนี้ซึ่งรอบ Final ของเรา ก็จะเป็นการถ่ายทอดสด และเวทีก็จะจัดขึ้นที่ศูนย์วัฒนธรรมประเทศลาวอีกด้วย
โดยระยะเวลาในการแข่งขัน ก็จะประมาณวันที่ 1 กรกฎาคม จะเป็นการประกวดรอบออดิชั่นโดยไปตามแขวงต่างๆ หลังจากนั้นวันที่ 7 กันยายนแล้วก็จะเข้ามาประกวดกันที่นครหลวง และในวันที่ 19-22 จะเป็นการประกวดในสตูดิโอ แล้วรอบสุดท้ายก็คือรอบ Final จัดขึ้นวันที่ 21 กันยายน ซึ่งจริงๆ แล้วเราก็อยากจะจัดวันที่ 28 เพราะตรงกับวันเกิดของเราพอดีแต่ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร สรุปมาแล้วก็คือวันที่ 21 แล้วก็จะได้รู้กันว่าใครจะได้เป็น Top Star ลาวคนแรกของโลก สุดท้ายนี้ก็อยากจะขอฝากรายการนี้ไว้ในความเมตตากับแฟนที่ประเทศลาวแล้วก็ประเทศไทย ขอบพระคุณจริงๆ ที่ให้โอกาสแล้วได้ร่วมทำงาน
