"แม่หมู" ยันกลับถูกเว็บ Thishop ละเมิดจริง เชื่อตนเป็นมืออาชีพพอ
หลังจากที่เป็นประเด็นที่หลายนคนพูดถึงไม่น้อยสำหรับประเด็นของเว็บไซต์ที่ว่าจ้างนักแสดงหนุ่ม “นาย ณภัทร เสียงสมบุญ” ไปเป็นเป็นพรีเซ็นเตอร์แต่ได้ถูกยกเลิกสัญญาไป หลังจากที่มีการนำภาพที่ติดลิขสิทธิถูกเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาต จนก่อนหน้านี้คู่กรณีของ “แม่หมู พิมพ์ผกา เสียงสมบุญ” ได้ออกมาแถลงการณ์ชี้แจงเหตุการณ์ทั้งหมด ล่าสุด “แม่หมู” ได้ออกมาตอบทุกประเด็นสืบเนื่องจากที่คู่กรณีได้กล่าวอ้างทั้งหมดว่า
สำหรับที่บอกว่าทางเรามีส่วนได้ส่วนเสียกับโปรเจ็คท์นี้บอกเลยว่าไม่จริง อีกฝ่ายขอความช่วยเหลือให้เราแนะนำเอเจนซี่ให้หน่อยเราก็พอจะรู้จักอยู่บ้าง เรื่องที่ยกเลิกสัญญา ทางนั้นเขาบอกว่าเป็นเพราะความคิดเห็นไม่ตรงกัน สำหรับเราขอชี้แจงว่าด้วยคำว่าทำให้น้องเสียชื่อเสียงภายในระยะเวลาไม่ถึงหนึ่งเดือน เหตุมาจาก เพจเตือนภัยนักศึกษา เป็นเพจใต้เตียงมธ ออกมาเตือนภัยว่ามีเว็บไซต์หนึ่งมาแล้วเอาบัตรประชาชนนักศึกษาไปถ่ายรูป เมื่อเราเห็นข้อความนี้แล้วเริ่มรู้สึกไม่ดีแล้ว และเพจนี้ถูกแชร์ออกไปในทวิตเตอร์แถมมีคอมเมนต์วิจารณ์กันมากมายว่ามีเหตุการณ์ดึงบัตรประชาชนของนักศึกษาไปถ่ายรูปจริง สิ่งที่เห็นต่อมาคือโบว์ชัวร์ที่เป็นภาพของน้อง ซึ่งเรายังไม่ได้เริ่มงานอะไรกันเลย และเป็นรูปที่มีลิขสิทธิ์
ตอนนั้นเซ็นสัญญาปุ๊ป ทางทีมงานของเราหนึ่งรูป เอาไปติดรูปในเว็บเพื่อเป็นขวัญกำลังใจคยนทำงาน เราก็บอกว่างั้นไปหาในไอจีเอาดีกว่า แต่ทางนั้นปฏิเสธบอกว่าไฟล์เล็กเกินไป อีกฝ่ายตั้งใจรีเควสภาพนี้มาเลย ตนก็เลยโทรไปหาเจ้าของภาพเพื่อใช้เป็นเวลา 1 เดือน หลังจากนั้นจะลบให้ และได้ติดต่อไปแล้วว่าจะนัดถ่ายภาพกันเมื่อไหร่เพราะไม่อยากให้ใช้ภาพมีลิขสิทธิ์แบบนี้อยู่นาน
เหตุขอการยกเลิกสัญญา คือเราเจอเพจเตือนภัย การเอาบัตรประชาชนไปใช้ถือเป็นการละเมิดสิทธิรุนแรง การถูกนำบัตรประชาชนไปใช้ถือว่าเป็นเรื่องที่อันตรายมาก เราไม่รู้ว่าเขาเอาบัตรเราไปทำอะไร เจตนาคืออะไร ทำให้ให้นักศึกษายินยอมเหมือนทั่วไป อันดับสองคือ ทำไมถึงดึงบัตรไปใช้ เริ่มมองเห็นถึงความไม่น่าไว้ใจ สองคือเอารูปที่มีลิขสิทธิไปใช้ ทางเราจึงขอยกเลิกสัญญาในวันที่ 23 พฤษภาคมที่ผ่านมา ก็มีการตกลงกันโดยดี และได้คืนเงินให้ทุกบาททุกสตางค์
เรื่องค่าตัวของน้องตามที่ได้ตกลงกันไว้เบื้องต้นคือทั้งหมด 5ล้าน 8 แสนบาท แต่คนที่ติดต่อมาบอกว่าขอบวกเพิ่ม 5 แสนได้หรือเปล่า เป็นค่านายหน้า ตนก็ได้บอกไปว่าอย่าเอามาเกี่ยวกันเลยเพราะทางเราก็เสียภาษี 20 เปอร์เซ็นแล้วมันหนักหนาเอาการเหมือนกัน แต่ทางนั้นขอร้องให้ช่วยกัน ฝั่งเราก็ขอหักภาษี ณ ที่จ่าย และทางน้องเขาพยายามโอนเงินมาให้เร็วที่สุดได้ไหม ทั้งๆ ที่สัญญาก็ยังไม่ได้เซ็น เลยบอกไปว่าไม่ได้ทุกอย่างต้องเป็นไปตามขั้นตอน ไม่เอาใบเสนอราคาหรอ สุดท้ายก็โอนเงินมาให้เรา หลังจากนั้นเราก็ได้ทำการโอนเงินคืนทั้งหมด และขออย่างเดียวให้ลูกของเราออกไปจากตรงนี้ เพราะคิดว่าถ้าทำงานร่วมกันแบบนี้ต่อไปคงไม่ดีแน่
มาถึงเรื่องที่ถูกกล่าวหาว่าแอบอ้าง สาเหตุที่โพสต์ว่าแอบอ้าง เราเห็นนักศึกษาคนนึงทวิตข้อความเห็น “น้องนาย” อยู่บนตึก ซึ่งเป็นรูปที่ติดลิขสิทธิ์ ไม่มีการขอรูปกับทางเรา สิ่งที่แม่คนนึงทำได้คืองานนี้โผล่มาได้อย่างไร สัญญาก็ยกเลิกไปแล้วมาทำแบบนี้ได้อย่างไร คว่าแอบอ้างของเราคือทำเพื่อปกป้องลูก เราไม่รู้ว่าเขาจะไปมหาลัยไหน ตอนนั้คือทำยังไงก็ได้ให้นักศึกษารู้เรื่องเร็วที่สุด อย่าหลงเชื่อ การแอบอ้างือ การเอารูปที่มีลิขสิทธิ์ ส่วนตัวคิดว่าถ้าไม่ใช้คำว่าแอบอ้างจะใช้คำว่าอะไร
สินค้าของเขาราคาแพง ขออธิบายว่าเป็นสินค้าที่เกินความจำเป็น เด็กนักเรียนนักศึกษาบางคนอายุยังไม่ถึงวัยที่ควรจะเสียเงินมากขนาดนี้ เช่นกระเป๋าแบรนด์เนม นาฬิกา กล้องถ่ายรูป ถามว่านักศึกษาไม่มี ถ้าไม่มีเงินผ่อนจะเกิดอะไรขึ้น เราไม่อยากให้เกิดค่านิยมที่ผิดๆ ปัญหาสังคมตามมาแน่นอน
ส่วนที่ไม่ให้ความร่วมมือในการทำงานไม่ให้คิว แต่ก็ได้นัดเวลามาอยากได้เวลานี้สะดวกหรือเปล่า เราก็บอกไปว่าถ้าล่วงหน้าแค่ 1 สัปดาห์ให้คิวไม่ได้หรอก ทางเราก็เลยแจ้งคิวที่ว่างไปว่าว่างในช่วง 8 16 7 เลือกเอาได้เลยว่าจะใช้วันไหน ทางเขาก็โทรมานักแนะบอกว่างานอาร์ตเวิร์คยังไม่เสร็จ โดยปกติเรามีสิทธิที่จะต้องตรวจสอบก่อนว่าเนื้องานเป็นยังไง แต่คุณเอาสินค้ามาอยู่ในตัวน้องทำแบบนี้ไม่ได้ อีกฝ่ายก็แก้ให้เป็นแบบอยู่รอบตัว เราเลยบอกว่าเอาทีมงานที่ไหนมาทำแบบนี้ไม่รู้กฏกติกาเลย จากนั้นเราเลยเอาตัวอย่างส่งให้เขาดูว่าจะเป็นแบบไหน
มีเพจเตือนภัยอาจจะทำให้เกิดความเสียชื่อเสียงได้ นำภาพมีลิขสิทธิ์ไปติดบิลบอร์ด ทางเราให้เวลา 7 วันในการเอารูปลง สิ่งที่เราจะเอาความคือการเอารูปไปลงบิลบอร์ด เป็นเรื่องที่เราไม่ได้คุยกันไว้ตั้งแต่แรก เส่วนเรื่องเรื่องของการเจรจา โชคดีที่เรามีหลักฐานทุกอย่าง เปแนถึงผู้บริหาร เราจะทำงานต่อและเชื่อถือเขาได้อย่างไร ครั้งแรกคุยกับผู้ช่วยจนอยากคุยกับเราโดย สิ่งที่เราอยากเคลียร์คือต้องเป็นผู้บริหารเท่านั้น เรามองว่าเขาทำธุรกิจและอยากประสบความสำเร็จ เล่าทุกอย่างให้ฟังหมด กลายเป็นว่าเป็นสื่งที่กลับมาทำร้ายเรา ความปรารถนาของเรากลับแถลงข่าวกล่าวหาเรา โบว์โชว์ทำเสร็จแล้วเรียบร้อย สิ่งที่เราขอไปกับทางฝั่งนั้น คือค่าเสียหายที่นำรูปไปใช้ ขอแพลนตารางงานแต่ละอาทิตย์นำรูปไปใช้ที่ไหนบ้าง แสดงความบริสุทธิ์ใจ ออกหนังสือแถลงการณ์ขอโทษเรา เขาจะเอาทนายมาคุยแต่เราบอกว่าแบบนี้เรื่องจะไม่จบ
ด้านทนายได้บอกว่า หลังจากที่ได้รับมอบหมาย รับทราบปัญหาและได้เสนอไปว่าตารางเวลาเฉพาะที่ไปตามมหาวิทยาลัยเท่านั้น อย่างที่อธิบายไปเบื้องต้น เพื่อเป็นการยืนยัน และจะได้มั่นใจว่าจะไม่เอารูปไปใช้อีก เราก็ได้เสนอไปว่าต้องการแบบไหนเดี๋ยวจะนำเรื่องไปคุยต่อให้ และถ้าเป็นไปไม่ได้ในเรื่องของตารางเวลาแต่อีกฝ่ายไม่ตอบกลับเราเลยจนถึงวันที่แถลงข่าว ส่วนข้อเสนอที่ขอไปมีทั้งหมด 3 ข้อ แต่อีกฝั่งคือตอบรับมาเพียง 2 ข้อคือชดใช้ค่าเสียหาย และยอมรับปิดขอโทษ แต่อีกสิ่งที่ทำไมถึงให้ความบริสุทธิ์ใจกับเราไม่ได้ เพราะจะรูปไปใช้อีกหรือเปล่าก็ไม่แน่ใจ ต่อให้ชดใช้ค่าเสียหายกี่สิบล้านแต่ยังเอารูปไปใช้อยู่บอกเลยว่าไม่ยอมแน่นอน
ฝากถึงคุณ เราเล่าทุกอย่างให้คุณฟังอย่างงี้ แต่ทำไมถึงมาพูดว่าไม่เคยได้ติดต่อกันเลย แบบนี้จะให้เราเชื่ออะไรได้อีกสภาพจิตใจตอนนี้มันเป็นอะไรที่กวนใจ อยู่ๆ ก็มาให้ข่าว เราดูด้วยความมึนงง บอกแล้วว่ามีการพูดคุย ยกเลิกสัญญาเพราะอะไร ในเรื่องของงานในอนาคตไม่กังวลและคืดว่าไม่กระทบแน่นอน เพราะเราก็อยู่วงการนี้มาทั้งชีวิต เชื่อว่าคนที่เคยร่วมงานจะรู้ว่าทางเราก็มืออาชีพพอสมควร ทำอย่างไรก็ได้ให้เราสบายใจว่าไม่เอารูปของเราไปใช้แล้ว คุยกันดีๆ ผิดก็ยอมรับผิดไม่ใช่โยนไปมา อย่ามาโกหกกันก็พอ เราคนไทยนิสัยคนไทยผิดและยอมรับผิด เรื่องก็ไม่เกิดขึ้น แต่พอเป็นแบบนี้ เราไม่อยากมีคดีให้มันเสียสมาธิ ยอมรับว่าเครียดและไม่ได้อยากมีคดีติดตัว แต่ถ้ามีจริงๆ ทางเราก็มีหลักฐานพร้อมเหมือนกัน เมื่อวานก็ได้เห็นในไลฟ์สดแล้วแต่ตอนนี้ยังมีการติดต่อกันแต่อย่างใด