"บิณฑ์" ยกมือไหว้ขอสรรพากร วอนอย่าเก็บภาษีย้อนหลังเงินช่วยน้ำท่วม

"บิณฑ์" ยกมือไหว้ขอสรรพากร วอนอย่าเก็บภาษีย้อนหลังเงินช่วยน้ำท่วม

0

"บิณฑ์" ยกมือไหว้ขอสรรพากร วอนอย่าเก็บภาษีย้อนหลังเงินช่วยน้ำท่วม

 

              ถึงแม้จะปิดบัญชีรับเงินบริจาคช่วยน้ำท่วมไปแล้ว สำหรับฮีโร่ของคนไทย อย่าง "บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์" แต่ก็ยังคงได้รับการช่วยเหลือจากน้ำใจของคนไทยอยู่ดี ล่าสุดมีโอกาสเจอตัวหนุ่ม “บิณฑ์” เลยไม่พลาดที่จะอัพเดทสถานการณ์น้ำท่วมสักหน่อย รวมไปถึงข่าวลือที่เจ้าตัวกลัวสรรพากรเก็บภาษีย้อนหลังด้วย ซึ่งหนุ่ม “บิณฑ์” เผยว่า

บิณฑ์ เงิน บริจาค น้ำท่วม ภาษี สรรพากร

อ่านข่าวต่อ

"บิณฑ์" สวมกอดฉลองวันเกิดแม่ ขอเพิ่มพลังหลังช่วยน้ำท่วม

              เรื่องสถานการณ์น้ำท่วม ตอนนี้เริ่มกลับเข้าสู่สถานการณ์ที่ปกติแล้ว บางอำเภอ บางชุมชน ก็ได้รับการช่วยเหลือ เขาไปทำความสะอาดบ้างแล้ว แต่บางบ้านก็ไม่สามารถอยู่ได้ ต้องมีการรื้อบ้านบ้าง แต่สำหรับบางบ้านที่ยังพอเข้าไปซ่อมแซมได้มันก็เป็นขั้นตอนของรัฐบาลที่จะเข้าไปเยียวยา ผมมีหน้าที่เยียวยาทุกครัวเรือนด้วยเงิน 5,000 บาท เราก็พร้อมจ่ายตามที่เราพูดไว้ แล้วตอนนี้เราก็จ่ายไปประมาณ 10,500 กว่าครอบครัวแล้ว ตอนนี้ยังเหลืออีกประมาณ 4 อำเภอที่เราต้องเข้าไป ก่อนวันที่ 15 ตุลาคมนี้ เราก็จะพยายามเคลียร์ให้เรียบร้อย แล้วจะเข้าไปที่จังหวัดยโสธร จังหวัดอำนาจเจริญ และจังหวัดขอนแก่น ต่อ จังหวัดที่กล่าวมาก็น่าจะได้รับการช่วยเหลือประมาณปลายเดือนพฤศจิกายนถึงจะเรียบร้อย

บิณฑ์ เงิน บริจาค น้ำท่วม ภาษี สรรพากร

              แต่เราก็พยายามเคลียร์เงิน 400 กว่าล้านให้กระจายออกไปให้หมด เสร็จแล้วก็จะเข้าไปอีกครั้งหนึ่ง เช่น การซื้อของอย่างหม้อหุงข้าว พัดลม เรารู้สึกว่าเราไม่ได้ไปดูแค่จ่ายตังค์แล้วก็จบ แต่เราจะเข้าไปช่วยเหลือต่อไปอีก ถึงแม้ตอนนี้จะปิดยอดบริจาคไปแล้ว แต่ก็ยังมีบางหน่วยงานและคนอีกหลายคนที่อยากจะช่วยเหลือ เช่น "คุณโจอี้ บอย" ที่ตอนนี้กำลังจัดคอนเสิร์ตระดมทุนอยู่ ผมก็รู้สึกยินดี ถ้าเกิดว่าใครอยากจะให้ผมไปรับเงินที่ไหนผมก็พร้อมที่จะไป แต่อย่างที่บอก เงินในบัญชีตรงนั้นเราปิดไปแล้ว

บิณฑ์ เงิน บริจาค น้ำท่วม ภาษี สรรพากร

              ส่วนที่เขาบอกกันว่าเงินจะเหลือประมาณ 340 ล้าน ผมมองว่าปัจจุบันนี้เรายังจะต้องเข้าไปช่วยเหลืออีก 4 อำเภอ คิดไว้เงินก็ประมาณ 200 กว่าล้าน ส่วนตัวผมก็ยังคิดอยู่เหมือนกันว่าเงินจะเหลือเท่าไรกันแน่ แต่ตอนนี้เราก็พยายามชี้แจงอยู่ตลอด ผมคิดว่าถ้าเกิดเงินที่เหลือเอาไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ให้กับเฉพาะผู้ที่ประสบภัยน้ำท่วมอย่างเดียวดีหรือเปล่า เพราะเราก็ต้องดูตามความเหมาะสมว่าเราสามารถช่วยอะไรได้บ้างนอกเหนือจากที่รัฐบาลช่วยแล้ว เพราะวัตถุประสงค์ส่วนใหญ่ของคนที่โอนเงินมาช่วยเหลือก็คือจะช่วยเหลือผู้ที่ประสบภัยน้ำท่วม ผมก็จะพยายามที่จะทำประโยชน์ให้มากที่สุด เพราะตัวผมเองก็ไม่อยากจะเก็บเงินนี้ไว้เลย เพราะเราไม่รู้ว่าในอนาคตข้างหน้ากรมสรรพากรจะมีการมาเล่นงานผมไหม ก็จะขอบอกว่าอย่าทำแบบนั้นกับผมเลย ผมไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์นี้กับผม ใครจะไปคิดว่า อาทิตย์หนึ่งจะมีเงินถึง 400 กว่าล้านโอนเข้าบัญชีผม ตอนนั้นผมก็คิดไว้ประมาณ 1-2 ล้านแค่นั้นเอง อย่างที่บอก ผมจะพยายามทำให้เกิดประโยชน์กับทุกคนให้ได้มากที่สุด

              เรื่องการเข้าช่วยเหลือชาวบ้านที่มีการให้เงินครัวเรือนละ 5,000 บาท ตอนนี้ก็ยังไม่มีปัญหาอะไร แต่ที่ชาวบ้านมาร้องทุกข์ว่ามีการรับค่าหัวคิว เรียกเก็บเงินเข้าตัวหัวหน้าชุมชน แล้วก็มีการเก็บเงินค่าหัวคนละ 300 บาทเพื่อที่จะมารับเงินที่อำเภอ ผมก็พยายามสืบหาอยู่ว่าเป็นใคร แต่ตอนนี้ยังหาไม่เจอ ซึ่งมีคนมาร้องทุกข์เยอะมาก และอย่างบางครอบครัวคนพิการ-คนป่วยก็เยอะ แล้วผมก็พูดไปแล้วว่าผมจะให้บ้านที่พื้นที่น้ำท่วม แต่ถ้าบ้านไหนที่มีผู้พิการถึงแม้ว่าบ้านไม่น้ำท่วมผมก็ให้

บิณฑ์ เงิน บริจาค น้ำท่วม ภาษี สรรพากร

              ถามต่อว่ามีการควักเงินส่วนตัวมาบ้างไหม ก็มีบ้าง แต่ผมจะให้กับบุคคลที่ผมอยากจะให้ แต่ส่วนใหญ่ก็จะเป็นเงินที่บริจาค อย่างล่าสุดมีบ้านหนึ่งมีคนป่วยประมาณ 50 คน ผมเองก็ไม่ไหว เพราะทุกคนก็ต้องได้รับเงิน 5,000 บาท หรือแม้กระทั่งวัดทุกวัด ถ้ามีน้ำท่วม ได้รับความเสียหาย ผมก็จ่ายวัดละ 10,000 บาท ก็อย่างที่บอก ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราจ่ายไปไม่ต้องกลัวเพราะเรามีหลักฐาน เพื่อให้ทุกคนได้รู้ว่านี่คือการช่วยเหลือที่โปร่งใสที่สุดแล้ว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Gallery ที่เกี่ยวข้อง

Comments