“อเล็กซ์” รับเล่นคอนเสิร์ตในเรือนจำ เชื่อเป็นส่วนหนึ่งในการให้กำลังใจ
เป็นอีกหนึ่งนักแสดงที่ทำกิจกรรมหลากหลายโครงการเพื่อสังคม สำหรับหนุ่ม “อเล็กซ์ เรนเดลล์” ซึ่งล่าสุดเจ้าตัวได้ไปทำกิจกรรมช่วยเหลือกับกลุ่มผู้ต้องหาทางเรือนจำ ที่ จ.ระยอง งานนี้มีโอกาสได้เจอเจ้าตัวเลยขอถามถึงที่มาของโครงการนี้สักหน่อย โดยเจ้าตัวเผยว่า
อ่านข่าวต่อ :
“อเล็กซ์ เรนเดลล์” หล่อใสใส่ใจธรรมชาติ
ล่าสุดไปให้กำลังใจน้องๆ ที่เรือนจำ เป็นปีที่ 2 ที่ไป เหมือนปีแรกไปแล้วเขาอยากให้เรากลับมาอีก เราก็เลยพยายามที่จะวางแผนและนัดเขาไว้ แล้ว ไปเบี้ยวเขาไว้รอบหนึ่งก็เลยสงสาร เราคิดว่าไม่พร้อม อยากเข้าไปมีเวลาซ้อม มีเวลาทำให้มันดี พอเราไปเบี้ยวเขารู้สึกผิด เราก็โอเคนัดวันเลย 3 วัน แล้วก็โทรเชิญชวนเพื่อนๆ ที่สนใจ คนรอบข้างไปด้วยกัน มีหลายคนรอเรา เรารับรู้ได้ว่าเขารอ เขาน่ารักคนข้างใน รอบที่แล้วเราไปแค่ฝั่งของนักโทษหญิง แต่รอบนี้ได้ไปนักโทษชายด้วย ก็คือช่วงเช้าเป็นของผู้หญิง ช่วงบ่ายเป็นของผู้ชาย ของผู้หญิงเรารับรู้ได้ว่าเขารอ การที่เราเข้าไปแค่แป๊บเดียวมันได้เอ็นเตอร์เทนเขา ให้เขาได้พัก หัวเราะสนุกไปกับเรา
เราไปเล่นคอนเสิร์ตเล็กๆ ซ้อมกันไปกับเพื่อนๆ เราเล่นกันประมาณ 7-8 เพลง พูดคุยกันนิดหน่อย ก็ทำโน่นทำนี่ให้ สร้างเป็นบ้านไว้เลย ทุกวันนี้ก็ยังเก็บไว้อยู่ ปีที่แล้วเขาเขียนหนังสือเป็นเล่มให้เลย วาดรูป เขียนความรู้สึกของตัวเองเป็นร้อยหน้า เราก็เก็บไว้ ประทับใจ เพราะเป็นกิจกรรมที่เราชอบ ส่วนพาร์ทของผู้ชายเราก็พยายามที่จะพูดให้วิธีคิดใหม่ๆ แก่เขา แต่ด้วยวัยของเรา และด้วยหลายๆ อย่างต้องมีลิมิตที่จะพูดได้ เป็นเรื่องเซ้นซิทีฟ พยายามพูดสิ่งเล็กน้อย ให้กำลังใจ
หลายๆ คนในนี้เคยกลับมามากกว่า 1 รอบแล้ว อยู่มานาน บางคนเข้าออกมา 5-6 รอบ แต่ผมไม่ได้โทษที่บุคคล มันเป็นสิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบตัวเขาด้วย การที่เราออกไป ไปใช้ชีวิตเดิมๆ เคยติดคุกมา จะไปทำอะไรก็ยาก สุดท้ายแล้วก็ไปทำสิ่งเดิม มันก็ย้อนเข้ามา ผมว่ามันเป็นปัญหาที่ไม่ใช่แค่บุคคล แต่เป็นปัญหาของชาติเรา
จุดเริ่มต้นเลือกที่จะไปเพราะชอบ ปกติมีความสนใจทางด้านนี้เพราะชอบดูสารคดีเกี่ยวกับเรือนจำ พวกนักฆ่าเขาคิดกันยังไง คือเราไม่ได้ไปเจอคนโทษหนักขนาดนั้น แค่มีความสนใจ พอเข้าไปในเรือนจำเราก็อยากรู้ว่ามันเป็นยังไง อยากรู้ว่าระบบการจัดการการดูแล ระบบการทำโทษมันเป็นยังไง พอเราเข้าไปแล้วมันได้มากกว่าสิ่งที่เราคิดไว้ ไม่ใช่แค่การเอ็นเตอร์เทนเท่านั้น เพราะนี่คือชีวิตจริง ความเป็นจริงทำให้เราเข้าใจ
แต่หลายคนกลัวเวลาเข้าไปในเรือนจำ คือผมไม่กลัว เพราะหนึ่งความปลอดภัยเป็นนักแสดง เขาต้องดูแลให้เต็มที่อยู่แล้ว ไม่ปล่อยให้เกิดขึ้นอยู่แล้ว ปีที่แล้วผมกอดทุกคนเลย เข้าใกล้เขา ไปกัน 4 คน เรากอดทุกคนเลย ไม่มีคนไหนที่เรารู้สึกว่าไม่ปลอดภัยที่ใกล้ชิดเขาขนาดนั้น เราไปเพื่อใจ ไปเพื่อเขา ไม่ได้ไปเพื่อตัวเราเอง เราไว้ใจกัน นักโทษชายหน้าโหดๆ กันทั้งนั้น ก็แอบหวั่น ก็เข้าไปจับเข้าไปคุยว่าไม่ต้องมีกำแพง เรามาสนุก ขอแค่ครึ่งชั่วโมงสนุกด้วยกันแป๊บเดียว เราก็เปิดเริ่มร้อง กลายเป็นวันที่ดีมากๆ ทุกคนที่ไปรู้สึกดีปนกับความเศร้าเล็กน้อย
เชิญเพื่อนนักแสดงหลายคนด้วยเข้ามาร่วมทำ แล้วก็มีเพื่อน มีคุณแม่ พี่สาว ขบวนเราเป็น 10 ซึ่งเขาดูแลดีมาก มีการ์ดเยอะมาก แต่มันไม่มีครั้งไหนเลยที่เรารู้สึกว่ามันไม่ปลอดภัย หรือการจัดการไม่เวิร์ค มีแต่อยากเข้าไปดูเพราะเรือนจำที่ระยองมันสะอาด ภาพเรือนจำในหัวลบออกไปหมดเลย เราเชื่อว่าอาจจะมีบางที่ที่พัฒนาได้อีก แต่ที่นี่เหมือนคุกเมืองนอกที่เราเห็นในหนัง เรือนจำจังหวัดระยอง
เราได้อะไรจากการไปครั้งนี้ มันก็แค่เพิ่มเติมจากสิ่งที่เราคิดไว้อยู่แล้ว เป้าหมายของเราคือทุกคนควรจะได้รับโอกาส บางคนที่เราเห็นจากในนั้นเราเห็นตามข่าวจริงๆ จำเขาได้ พอเราเข้าไปแล้วการที่เราทำงานทางด้านนี้ นักแสดงหลายๆ คนผิดพลาดของเขาอยู่ต่อหน้าสื่อ ความผิดพลาดของเขาไม่ได้ต่างจากมนุษย์ทั่วไปเลย แต่สังคมจ้องจะเอาเขาลงในวันที่เขาผิดพลาดไปแล้ว มันคือสิ่งที่ผมไม่เห็นด้วย ทุกคนควรได้รับโอกาส พอเข้าไปแล้วเราก็จะรู้ว่าบางคนที่อยู่ในนั้นไม่ได้เจตนาด้วยซ้ำ บางคนเข้าไปด้วยเพราะคนอื่น สุดท้ายแล้วเขาก็มีความคิดเหมือนเรา มีร้องไห้ มีความคิด มีหัวเราะ มีเพื่อน มีสังคม เหมือนกับเรา
มีแพลนจะไปจังหวัดอื่น อยากไปนะ แต่เรารู้สึกว่าเราจะทำงานที่ไหนก็แล้วแต่ ถ้าเราไปที่อื่นแล้วไปรอบเดียว เราไปโชว์ตัวเรื่อยๆ ถ้าเรารู้ว่าที่อื่นก็มีคนอื่นไป แต่ที่นี่เราสนิทแล้ว มีคำมั่นสัญญา เราควรที่จะกลับไป แต่ถ้าคนอื่นจะพาผมไปร่วมกับที่อื่นเราก็คงไป เหมือนงานสิ่งแวดล้อมถ้าทำแค่ 3 วันแล้วหยุดไปมันก็แค่นั้น ถ้าเรากลับมาดูแลพัฒนาในที่เดียว ที่นี่ก็จะถูกพัฒนา สัญญากับเขาไว้แล้ว ในบอร์ดเขียนครั้งที่ 2 แสดงว่าเขาก็วางแผนครั้งที่ 3 เราก็ไปทุกปี เราร้องเพลงเดิมด้วยนะ เขาก็สนุกกว่าปีที่แล้ว
เราทำงานสังคมหลายโครงการแบบนี้ ถามว่ากระทบไหม มันก็อาจจะมีบ้าง แต่ไม่ได้กระทบสักทีเดียว ถ้ากระทบด้วยการตัดสินใจเราเอง เราควบคุมการตัดสินใจของเราเอง เลือกได้ในระดับหนึ่งกับบางงาน เลยรู้ว่าชีวิตของเราเหมือน 5 ปีที่แล้ว ที่เล่นละคร 7 วัน 3 เรื่อง ชีวิตอยู่กับกองถ่าย มีละครให้ดู 2-3 เรื่องต่อปี ตอนนี้เป็นอีกแบบ มีหน้าที่การงาน ทุกงานเราเป็นคนเลือกที่จะไปเอง ละครเราเป็นคนเลือกเอง ถามว่ากระทบไหมก็อาจจะทำให้ผลงานน้อยลง ตอนนี้มีเรื่องเดียวแต่มีอุปสรรคของการถ่ายทำ ฟ้า อากาศ ทำให้คนไม่เห็นหน้าบนจอ