“บอล บางแก้ว” เปิดแชทสุดท้ายภรรยา พร้อมเล่าปมขัดแย้งในครอบครัว

“บอล บางแก้ว” เปิดแชทสุดท้ายภรรยา พร้อมเล่าปมขัดแย้งในครอบครัว

                   กลายเป็นอีกประเด็นให้ต้องติดตามกัน หลังไฟไหม้บ้านของอดีตนักร้อง “บอล วงบางแก้ว” หรือ “นายพงษ์เพชร สินสุวรรณ” และเป็นเหตุให้ “น.ส.สุภาณี สินอนันต์ตระกูล” หรือ “เบนซ์” ภรรยาของเจ้าตัวเสียชีวิต แต่ทว่าทางบิดาของฝ่ายหญิงไม่เชื่อว่าสาเหตุมาจากการสำลักควัน แต่พุ่งเป้าไปที่ปมฆาตกรรม เพราะก่อนหน้านี้ลูกสาวของตนมีปากเสียงกับฝ่ายชาย จนเกิดเป็นคำถามถึงความจริงของเรื่องราวที่เกิดขึ้น และหลายคนพุ่งเป้ามาที่หนุ่ม “บอล” สามีของผู้เสียชีวิต 

                   ล่าสุด “บอล” ได้ใช้พื้นที่ในอินสตาแกรมส่วนตัวเพื่อชี้แจงเรื่องราวที่เกิดขึ้น โดยเจ้าตัวเปิดเผยแชทไลน์ส่วนตัวกับภรรยาถึงข้อความสุดท้ายจาก “เบนซ์” หลังจากที่ทั้งคู่ผิดใจกัน โดยเป็นแชทเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม มีเนื้อหาถึงความรักที่ฝ่ายหญิงมีต่อหนุ่ม “บอล” และตัดพ้อว่า “ไม่สามารถเป็นคนที่พี่จะหยุดทุกอย่างให้ได้ ต่อจากนี้มันคงเป็นเรื่องจริงที่หนูต้องยอมรับ หนูไม่เหลืออะไรแล้วจริงๆ วันนี้ครอบครัวหนูไม่สามารถอยู่ร่วมได้ รอวันที่พี่จะมารับเพียงเท่านั้น”

                   นอกจากนั้นหนุ่ม “บอล” ยังเขียนแคปชั่นเล่าถึงความสัมพันธ์ของทั้งคู่ สืบเนื่องมาจากที่คุณพ่อของฝ่ายหญิงกล่าวหาว่ามีการทะเลาะกัน โดยเจ้าตัวเผยถึงเหตุการณ์ตั้งแต่วันที่ผิดใจกันว่า “นี่เป็นข้อความสุดท้ายที่เราคุยกัน ตลอดระยะเวลาที่เราคบกันผมไม่เคยทำร้ายหรือทุบตีน้องเลยแม้แต่ครั้งเดียวจะมีก็เพียงคืนวันที่ 10 เข้า 11 ที่มีการดึงแขนแค่นั้นและครั้งเดียว เพราะน้องเบ้นเข้าใจว่าผมจะบอกเลิกเค้าในคืนนั้นเค้าเลยส่งข้อความไปหาเล้งพี่ชายแต่จริงๆแล้วผมไม่ได้บอกเลิกน้องเค้าเลย น้องเค้าเข้าใจว่าพี่บอลบอกเลิกเค้าเบ้นเลยให้พี่เค้ามารับ ไม่ได้มีการลงไม้ลงมืออะไรเลย และคืนนั้นผมก็ได้เป็นคนไปส่งน้องเบ้นที่บ้านด้วยตัวผมเองไม่ได้เป็นตามที่เล้งกับป๊าให้สัมภาษณ์ในรายการ ที่ว่าผมไม่ให้เค้ากลับบ้าน เราคุยกันประมาณ1ชม เราไม่ได้คุยกันหลังจากที่ผมไปส่งน้องเค้าที่บ้าน ปกติเราจะคุยกันตลอด เช้า ประมาณ7โมงของวันที่ 11 น้องเบ้นส่งข้อความนี้มาให้ ผมเข้าใจได้ว่าน้องคงเสียใจที่จะไม่ได้อยู่ด้วยกันอีกแล้วตามความคิดของน้องเค้า ผมอ่านแต่ก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป มีเพียงแต่ลงรูปใน IG ของวันที่ 11 ว่า 1ในความทรงจำถ้าน้องเบ้นได้เข้ามาเห็นน้องจะรู้ว่ามันคือที่ไหนที่ๆเราไปด้วยกัน น้องแอบถ่ายรูปนี้ส่งให้ผม ผมจึงลงรูปที่น้องเบ้นถ่ายให้ว่ามันคือ 1ในความทรงจำของเรานะ

                   เย็นวันนั้นเล้งพี่ชายน้องเบ้นโทรมาหาผมถามผมว่า พี่บอลเบ้นอยู่กับพี่บอลหรือเปล่าครับ ผมตอบไปว่าพี่ไม่ได้โทรคุยกันเลยวันนี้ เล้ง บอกผมว่า เบ้นหายไปตั้งแต่ตี 5ของเช้าวันที่11 ติดต่อไม่ได้เบ้นปิดเครื่อง ผมเลยบอกเล้งติดต่อได้แล้วบอกพี่นะด้วยความเป็นห่วงผมจึงโทรน้องในทันทีแต่น้องปิดเครื่องผมจึงโทรไปหาแม่น้องเบ้นแม่น้องก็บอกว่าติดต่อไม่ได้เหมือนกัน ผมจึงส่งข้อความไปหาน้องว่ากลับมาหาพี่นะ พี่จะรอสายหนู จากนั้น3ทุ่มเบ้นโทรกลับหาผมบอกผมว่านั่งรถมาที่เชียงใหม่จะมาหางานทำเพราะไม่มีใครรักหนูแล้วนั่งมาแต่เช้าเพิ่งมาถึง ผมได้แต่ปลอบน้องละให้รีบขึ้นเครื่องกลับมาในคืนวันนั้นเลย จากนั้นวันรุ่งขึ้นผมได้พาน้องเบ้นกลับบ้านเพื่อที่จะไปขอโทษแม่และป๊า แล้วบอกกับน้องต่อหน้าแม่ว่าไม่ทำแบบนี้อีกนะคะ น้องก็รับปาก หลังจากนั้นผมและน้องก็ไม่ได้โกรธหรืองอนกันก็ดีกันปกติ จนคืนวันที่14เข้า15น้องให้แท๊กซี่เข้ามาขนของใส่รถแท๊กซี่ออกจากบ้านน้องไปตอนประมาณตี1ผมทราบแค่ว่าโดนที่บ้านไล่ออกจากบ้านผมขอไม่เอ่ยว่าใครผมจึงรีบไปรับและปลอบให้เค้าใจเย็นๆ น้องเบ้นบอกผมแค่ว่าทำไม....ต้องเอากุญแจมาขังเค้าทำกับเค้าเหมือนสัตว์ ป๊าจำได้มั้ยครับก่อนเกิดเหตุป๊าเดินมาตบหลังแล้วบอกกับผมว่า”คุณบอลผมเชียร์คุณนะ ป๊าคบกับม๊ามา30-40ปีมันก็ต้องมีงอนกับบ้างแล้วก็ให้ผมขึ้นไปหาน้องเบ้นที่ห้องนอนของน้องเพื่อปรับความเข้าใจกัน” เอาไว้ผมจะพูดรายละเอียดตอนไปออกรายการก็แล้วกันนะครับ ผมจะออกแค่ครั้งเดียวครับ”

                   งานนี้ต้องรอติดตามกันต่อไป ทั้งการให้สัมภาษณ์ทั้ง 2 ฝ่าย คือหนุ่ม “บอล” และทางครอบครัวของฝ่ายหญิง พร้อมกับหลักฐานทางนิติเวชศาสตร์-ชันสูตรถึงสาเหตุการเสียชีวิต เพื่อประกอบเป็นบทสรุปของปมในครั้งนี้