“ตะวัน” เผยจุดพีคลงละครเวทีครั้งแรก กับบทพระเอก “แฟนจ๋าเดอะมิวสิคัล”
รอบกาล่าที่ผ่านมาก็ได้รับคำชมอย่างท่วมท้น สำหรับหนุ่มน้อยหน้าใหม่ของแวดวงละครเวที “ตะวัน พันวา พรหมเทพ” กับการรับบท “ซี” พระเอกของเรื่องในวัยเด็ก ซึ่งบอกเลยว่าแม้จะมีประสบการณ์ไม่มาก แต่ฝีมือก็ไม่น้อยหน้าใคร โดยเจ้าตัวก็ได้เผยถึงคาแรกเตอร์ที่ได้รับเป็นครั้งแรก พร้อมกับความรู้สึกที่ได้ร่วมงานกับนักแสดงมือโปรที่คร่ำหวอดในวงการมานานให้หลายคนที่กำลังจะตัดสินใจไปชมได้ฟังว่า
สำหรับบท “ซี” ที่ได้รับ “ซี” เป็นนักเรียนมัธยม อยู่สงขลา เป็นเด็กวัด เป็นคนที่มีความเป็นหัวหน้าสูง รักเพื่อน และรักในดนตรี แต่มีปัญหาทางการเงิน ก็เลยต้องไปเล่นดนตรีเปิดหมวกกับเพื่อนๆ บ่อยๆ เพื่อหาเงินสมทบทุนการศึกษา เป็นบทที่อายุเด็กกว่าตัวจริงของเรา 2-3 ปี เราก็เลยต้องเล่นให้ตัวละครมีความเป็นเด็กกว่าเราตัวจริง ต้องมีความสดใสของเด็กอายุ ม.2-3 ถึงจะดูต่างไม่กี่ปี แต่ช่วงมัธยมเป็นช่วงที่มีเปลี่ยนเยอะ มันก็ค่อนข้างต่าง ส่วนบทนี้ที่คล้ายกับเราก็เป็นเรื่องชอบดนตรี “ซี” ในเรื่องเล่นเปียโนได้ ก็เหมือนกับเราเลยที่เล่นเปียโน ร้องเพลงได้ เป็นหัวหน้าวง ก็ตรงกับชีวิตจริงของเรา
ส่วนมิวสิคคัลที่เป็นเพลงของ “พี่เบิร์ด” เราเชื่อว่าทุกคนในประเทศไทยถึงจะชอบไม่ชอบก็ต้องติดตาม “พี่เบิร์ด” เพราะเพลงเขาดังมากจริงๆ สำหรับเราที่พอรู้ว่าเป็นเพลง “พี่เบิร์ด” ก็แอบโล่งใจ เพราะว่าคุณแม่เราเป็นแฟนคลับตัวยงของเขา เราก็ฟังมาตั้งแต่เด็ก เราก็รู้จักเกือบทุกเพลงที่ร้องในเรื่อง เราเองก็ชอบเพลงเขามากเหมือนกัน อย่างชุดเพลงที่ร้องถวายแด่ในหลวง ด้วยเนื้อหาด้วยทำนองต่างๆ
การร่วมงานกับพี่ๆ หรือคนที่มีประสบการณ์ในด้านละครเวทีมาก่อน เราก็ค่อนข้างใหม่มากๆ อย่างเพื่อนๆ ที่เล่นเรื่องนี้ในกลุ่มเด็กก็เล่นกันมาหมดแล้ว อย่าง “อ๊ะอาย กรณิศ เล้าสุบินประเสริฐ” ก็เคยเล่น “สี่แผ่นดิน” และเล่นละครทีวี, “พี่ออกัส” ก็เคยเล่นเรื่อง “เลือดขัตติยา”, “เม่น” เคยเล่นเรื่อง “ลัดดาแลนด์” หรือ “น้องปาว” เคยเล่นบท “ช้อย” ใน “สี่แผ่นดิน” เราก็ค่อนข้างเกร็งว่าความสามารถเราจะไหวไหม เราก็ต้องตั้งใจมากนะ แต่พออยู่กับมันสักพักก็รู้ว่าทุกคนไม่ได้แข่งขันกัน ทุกคนช่วยกันชี้ทางให้ ส่วนกับรุ่นใหญ่ๆ อย่าง “น้าตู่ นันทิดา” เราก็รู้สึกว่าตื่นเต้น และพูดว่าภูมิใจก็ได้ที่ได้ร่วมงานกับตำนานที่เราเคยดู เคยฟัง ดีใจมากที่มีโอกาสที่ได้มาเล่นละครเรื่องเดียวกับเขา แต่ก็มีความตระหนกเหมือนกัน
สิ่งที่เราได้เรียนรู้ ละครเวทีจะมีเนื้อเพลงและดนตรีใหม่ เรื่องนี้เป็น Jukebox Musical มันมีความยากตรงที่เอาเพลงเก่าของ “พี่เบิร์ด” มาร้อยเรียงกัน แต่เนื้อมันไม่ตรง จะมีเอาเนื้อเพลงมาเรียงในตำแหน่งที่แปลกๆ เหมือนกับต้นฉบับไม่ได้มีความหมายแบบนี้ แต่เนื้อเพลงมันไปได้ ก็ต้องหมุนปรับให้เข้าสถานการณ์แต่ก็จะทำให้เราได้เห็นเพลงของ “พี่เบิร์ด” ในมุมใหม่ๆ เรื่องการทำการบ้านวีคหนึ่งก็หนักมาก ที่รัชดาลัยก็ซ้อมช่วงนี้เกือบทุกวัน ทุกเย็นจันทร์-ศุกร์ และก็เสาร์ด้วย ประมาณ 6 โมงถึง 4-5 ทุ่ม บางทีมันอาจจะไม่ใช่คิวเรา แต่เราก็ต้องนั่งท่องบท ท่องทวน ระหว่างวันเราไม่ได้มีเวลาทวนมาก เพราะว่าเราก็เรียน
สำหรับเรื่องที่คิดว่ายากที่สุดสำหรับเรา ก็คือการจูนตัวละคร เพราะว่าตัวละคร “ซี” มี 3 รุ่น มีเรา พี่หนึ่ง ETC., พี่แต๋ม ชรัส แต่มันคือตัวละครตัวเดียวกันที่ค่อยๆ เติบโต ความยากคือต้องทำให้คนดูเชื่อว่าตัวละครนี้มันโตขึ้นจริงๆ 3 รุ่น เราก็ต้องมานั่งคุยกัน แลกเปลี่ยนความคิดว่าตัวละครนี้ในความหมายของแต่ละครเป็นไง แล้วเวลาที่อีกรุ่นหนึ่งแสดงเราก็ต้องไปนั่งดู เพื่อดูว่าเราจะปรับอะไรเพื่อให้ตัวละครดูเป็นตัวเดียวกันมากขึ้นไหม และก็เราฟังคอมเมนต์จากผู้กำกับและทีมงาน
ด้านความพร้อมของเราตอนนี้ เราก็พร้อม พร้อมเท่าที่เคยทำมาแล้ว แต่เนื่องจากละครเป็นละครยาว ดีเทลเยอะ ก็มีการปรับเปลี่ยนเรื่อยๆ ถึงวันแสดง เราก็พร้อมเท่าที่เคยทำมาแล้ว ส่วนเรื่องความคาดหวังจากการเล่นละครเวทีเรื่องนี้ เราคาดหวังว่าอยากให้คนดูรู้สึกได้ถึงความตั้งใจของนักแสดงและทีมงานที่ตั้งใจ ส่วนคนดูก็คิดว่าคนดูต้องได้ความสนุกแน่ๆ เพราะว่าเป็นละครโรแมนติกคอมเมดี้ และคิดว่าบางคนที่เกิดมาในยุคเพลง “พี่เบิร์ด” ก็น่าจะชอบที่จะกลับไปอินกับมันอีกครั้ง ก็อยากฝากถึงแฟนๆ คอละครเวทีและแฟนเพลงของ “พี่เบิร์ด” ก็คิดว่าสนุกแน่ๆ ต้องรีบจองบัตรมาสนุกด้วยกัน
