Thishop ยันไม่แอบอ้าง โชว์สัญญาว่าจ้าง “นาย ณภัทร”

Thishop ยันไม่แอบอ้าง โชว์สัญญาว่าจ้าง “นาย ณภัทร”

            กลายเป็นเรื่องราวขึ้นมา หลังจากที่ หนุ่ม “นาย ณภัทร เสียงสมบุญ”   และคุณแม่ "หมู พิมพ์ผกา เสียงสมบุญ" ได้โพสต์ในอินสตาแกรมถึงเว็บไซต์ที่แอบอ้างเอาภาพของเจ้าตัวเพื่อโปรโมท จนล่าสุดทางคู่กรณีได้ออกมาชี้แจงถึงเหตุการณ์ดังกล่าว

            สำหรับกรณีที่มีการเผยแพร่ข้อความทางโซเชียลมีเดียจนสำนักข่าวหลายสำนักนำไปเผยแพร่ต่อว่า “มีการยกเลิกการใช้ภาพ และพูดว่า นาย ณภัทร เสียงสมบุญ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ thishop ถ้าไม่เลิกนำชื่อและภาพไปใช้ให้นักศึกษาหลงเชื่อตามเว็บไซต์นี้ จึงอยากจะรบกวนว่านักศึกษาอย่าหลงเชื่อ และน้องคนไหนที่เห็นภาพให้ส่งมาให้ตนเพื่อไปดำเนินคดีทางด้านกฏหมาย” ข้อความดังกล่าวไม่เป็นความจริงทุกประการ ทางบริษัทจึงขอชี้แจงให้กับประชาชน ลูกค้า พาร์ทเนอร์ของบริษัท และสื่อมวลชนต่อเรื่องที่เกิดขึ้นดังต่อไปนี้ ในวันที่ 29 มีนาคม บริษัทของเราในฐานะเจ้าของเว็บไซต์ thisop.com ได้ทำสัญญาว่าจ้างกับบริษัท 9 โมงเช้า จำกัด โดย “นางสาวพิมพ์ผกา เสียงสมบุญ” เป็นกรรมการผู้เซ็นสัญญา เป็นผู้จัดหา “นาย ณภัทร เสียงสมบุญ” เป็นนายแบบโฆษณาให้กับเว็บไซต์

            โดยมีเงื่อนไขว่าเป็นการถ่ายแบบโฆษณาภาพนิ่ง และภาพยนตร์มีบันทึกเสียงเป็นต้น โดยทั้งหมดนี้มีสัญญาเป็นระยะเวลา 1 ปี โดยมีหลักฐานชัดเจน เราเซ็นสัญญาไว้เมื่อวันที่ 29 มีนาคมโดยในระยะเวลา 1 ปี มีราคา 6.9 ล้านกว่าบาท บริษัทก็มีการโอนเงิน ชำระเงินอย่างเป็นทางการ และหลังจากนั้นเนื่องจากว่า “นาย ณภัทร” ไม่มีคิวว่างที่จะถ่ายโฆษณาให้กับบริษัทเรา “นางสาวพิมพ์ผกา” ก็เลยมีการส่งรูปภาพดังกล่าวมาให้ใช้ผลิตชิ้นงานโฆษรา เราก็เลยได้ใช้ภาพดังกล่าวมาผลิตโฆษณาให้กับบริษัท ซึ่งตอนนั้นมันก็ไม่ได้มีปัญหา

            จนมาถึงปลายเดือนพฤษภาคม พ.ศ.2561 ทั้ง 2 ฝ่ายก็มีการเจรจาว่าจะยกเลิกสัญญากัน เนื่องจากมีสาเหตุในการทำงานบางประการไม่ตรงกัน เช่น คิวของ “นาย ณภัทร” ไม่ตรงกับความต้องการของบริษัท หรือ”นางสาวพิมพ์ผกา” มีความคิดเห็นที่ไม่ตรงกันเกี่ยวกับการทำโฆษณาของบริษัท “นางสาวพิมพ์ผกา” ก็ได้มีการแนะนำบริษัทเอเจนซี่ในการทำโฆษณาให้กับเรา เราตรวจสอบแล้วก็พบว่าบริษัทดังกล่าวมีราคาที่สูงกว่าบริษัทที่เราใช้อยู่หลายเท่า สุดท้ายแล้วเราก็ตกลงว่าจะยกเลิกสัญญากันปลายเดือนพฤษภาคม ก็ถือว่าทั้ง 2 ฝ่ายได้ตกลงกันว่าจะยกเลิกสัญญา และทางบริษัท 9 โมงเช้าก็ได้มีการคืนเงินให้กับเราเป็นจำนวนเงิน 5.8 ล้านบาท ตามเอกสารนี้ และก็มีการหักเงิน 5 แสนบาท เราก็ยินยอมให้หักไป เพราะถือว่าเป็นค่าใช้จ่ายในการใช้รูปภาพในช่วงเวลานั้น

            หลังจากที่ยกเลิกสัญญาแล้ว ทางบริษัทก็ได้พยายามถอดป้ายโฆษณาและก็รวบรวมชิ้นงานทุกอย่างที่เกี่ยงข้องกับ “นาย ณภัทร” กลับมา ทั้งนี้จากนั้นก็มีการเผยแพร่ภาพเมื่อ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2561 ของนางสาว “พิมพ์ผกา” และ “นาย ณภัทร” ในโซเชียลมีเดีย ซึ่งนั่นไม่เป็นความจริง เพราะว่าเราเคยเซ็นสัญญามาก่อน ไม่ได้เป็นการแอบอ้างอะไรทั้งสิ้น ประเด็นที่สำคัญที่สุดคือในวันที่ 14 มิถุนายน “นางสาว พิมพ์ผกา” รวมถึง “นาย ณภัทร” ที่ลงในโซเชียลมีเดียนั้นว่าเราแอบอ้าง เอารูปไปหลอกลวงลูกค้า ทำให้ลูกค้าหลงเชื่อเพื่อที่จะซื้อสินค้าราคาแพง นั่นไม่เป็นความจริง เราค่อนข้างมั่นใจว่ารูปภาพนี้ในวันนี้ 14 มิถุนายนไม่มีปรากฏต่อสายตาสาธารณะชนแล้ว เพราะว่าบริษัทเราได้ถอดป้ายนี้ออกเป็นเวลานานแล้ว ซึ่งข้อความดังกล่าวนั้นไม่เป็นความจริง ทางบริษัทเรามีหลักฐานชัดเจนว่าเรามีการจ้างผู้รับเหมาให้ถอดโฆษณานี้ลงตามเวลานั้น ซึ่งบริษัทผู้รับเหมาก็ได้มีการส่งภาพให้บริษัทเราอย่างชัดเจนว่าได้มีการถอดป้ายนี้ลงแล้ว และก็มีการเปลี่ยนป้ายใหม่ด้วย และหลังจากที่มีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น ทางบริษัทก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ เราพยายามที่จะติดต่อเพื่อที่จะพูดคุยกับ “นางสาว พิมพ์ผกา” แต่ว่าไม่ประสบความสำเร็จ เราคิดว่าอย่างน้องๆ ทาง “นางสาว พิมพ์ผกา” น่าจะออกมาชี้แจ้งข้อเท็จจริงของเรื่องนี้ว่าเราไม่ได้แอบอ้าง รวมถึงคอมเมนต์ทางๆ ในโซเชียลมีเดียของ “นางสาวพิมพ์ผกา” ว่าบริษัทเราแอบอ้างให้ลูกค้าหลงเชื่อ ทางเราไม่ได้รับความร่วมมือใดๆ จากทาง “นางสาวพิมพ์ผกา” จนปัจจุบันนี้ 

            ผม ในฐานะตัวแทนของบรษัทก็เลยออกมาชี้แจงว่าเราเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างไทย-ฮ่องกง มีการจดทะเบียนอย่างเป็นทางการตามกฎหมาย มีทุนจัดตรวจทะเบียน 200 ล้านบาท ปัจจุบันดำเนินธุรกิจด้าน e-commerce และการชำระเงินทางอิเล็กโทรนิกส์ และก็มีโลจีสติกและระบบส่งเสริมโลจิสติก เรามีธรกิจหลายอย่าง ซึ่งเว็บไซต์ที่ชื่อ thishop.com หรือapplication this shop เป็นแพลตฟอร์มในการจำหน่ายสินค้าให้กับบริษัทและให้บริการกับลูกค้าทุกกลุ่ม เว็บไซต์นี่ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยระดับนานาชาติ อย่าง PCI PSS SSL และเราก็ได้ลิขสิทธิ์หลายอย่างที่บอกว่าเว็บไซต์ของเราเป็นเว็บที่ปลอดภัยอย่างสูง และขอยืนยันด้วยเกียรติว่า บริษัทเราไม่เคยเจตนาแอบอ้างการใช้สิทธิใดๆ ที่ไม่ถูกต้องทางกฏหมาย ผมก็ขออนุเคราะห์จากสื่อมวลชนทุกสื่อเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงให้กับประชาชนได้ทราบ 

            ทางด้าน “หมู พิมพ์ผกา” บอกว่ายังมีการใช้ภาพอยู่ ภาพนั้นมาจากไหนนั้น จริงๆ เราก็พยายามเก็บ แต่อย่างในโบชัวร์เราทำเป็นหมื่นเป็นพัน บริษัทเรามีคำสั่งค่อนข้างชัดเจนว่าเราจัดสั่งให้ทีมงานยกเลิกใช้ภาพที่มีรูป “นาย ณภัทร” แต่กับหน้างานที่ยังมีภาพหลงเหลืออยู่เราก็ไม่ทราบ เราสั่งไปปลายเดือนพฤษภาคม เมื่อมีการยกเลิกสัญญาเราก็สั่งทันทีเลย ทางทนายเสริมว่า ป้ายที่มีการนำไปลงมีเพียงป้ายเดียว เมื่อเราได้เซ็นสัญญายกเลิกแล้ว ทางบริษัทได้เอาป้ายลงในทันที ยืนยันได้เลยว่าช่วงเวลาที่มีการลงข้อความไม่มีป้ายดังกล่าวอยู่จริง แต่ก็อาจจะมีโบชัวร์บางส่วนที่ยังหลงเหลืออยู่ ซึ่งโบชัวร์เรามีความพยายามเต็มความสามารถที่จะเก็บกลับมาแล้ว

            เมื่อมีเหตุการณ์เกิดขึ้น เราก็ได้พยายามติดต่อไปยัง “นางสาวพิมพ์ผกา” ให้มีการพูดคุยกันว่าสิ่งที่เข้าใจไม่ได้เป็นจริง แต่ไม่ได้รับความร่วมมือในการเจรจา ไม่ประสบความสำเร็จในการติดต่อเพื่อเจรจา เราก็อยากถามไปทาง “นางสาวพิมพ์ผกา” เหมือนกันว่าทำไมไม่มาเจรจาต่อหน้ากับทางบริษัทเรา เราไม่เคยปิดช่องทางที่จะเจรจาและประนีประนอมกัน และยินดีเจรจาเพื่อหาทางออกร่วมกัน กับทาง “นางสาวพิมพ์ผกา” โดยตรงไม่มีเลย แต่ก็มีการพูดคุยกับทางผู้ช่วยเขา 

            ส่วนเรื่องที่เขาบอกว่าเราไม่ได้บอกคิวถ่าย น่าจะเป็นการเข้าใจผิดเพราะว่าที่เป็นมาคือเรารอคิวจากเขา และตอนที่ “นางสาวพิมพ์ผกา” ให้รูปเพื่อใช้โฆษณามามีการแจ้งหรือเปล่าเรื่องลิขสัทธิ์นั้นตน็ต้องกลับไปถามทีมงานอีกครั้ง เพราะว่าทางทีมเป็นคนติดต่อ ส่วนทางเราได้มีการติดต่อไปไหมเพื่อถ่ายทำ เราเซ็นสัยญาเป็น 1 ปี ในระยะเวลา 12 เดือนนั้น เราโอนเงินทำสัญญาตอนเดือนเมษายน และว่างไป 2 เดือนจนเดือนมิถุนายนเพื่อจะรอถ่าย บริษัทเรามีการลงทุน มีการศิลปินคนนี้เพื่อถ่าย มันคือการเสียต้นทุนของบริษัท มันก็เป็นการเสียเวลาในการทำการตลาด ส่วนเรื่องการติดต่อแล้วไม่ได้คิวกี่ครั้งนั้นเราก็ไม่แน่ใจว่าทั้งหมดเท่าไหร่ ต้องกลับไปตรวจสอบอีกครั้งนึง ส่วนใครยกเลิก ก็มีทั้ง 2 ฝ่ายที่พุดคุยกันตลอดและก็ตกลงกันไม่ได้ จึงตัดสินใจร่วมกันว่าจะยกเลิกสัญญา

            ตอนยกเลิกสัญญาได้พูดคุยกันมีข้อตกลงคือ ทาง “นางสาวพิมพ์ผกา” มีการคืนเงินให้เราเป็นจำนวนเงิน 5.8 ล้าน หักไป 5 แสนบาทตามที่บอก ส่วนที่มีปัญหาก็คือข้อความในโซเชียลมีเดีย ซึ่งเราไม่ได้ใช้แล้ว ห้ามทำแจก ห้ามทำใช้และทีมงานก็พยายามเก็บเอาไปทิ้ง เราก็มีหลักฐาน

            การดำเนินการทางกฏหมายจะเป็นยังไงต่อไป ทนายได้ตอบว่า ในส่วนของการดำเนินคดีหรือไม่ เรามีการรวบรวมพยานหลักฐาน และค่าเสียหาย เรากำลังดูว่าค่าเสียหายของบริษัทที่ไม่สามารถประกอบธุรกิจได้ รวมถึงชื่อเสียงของบริษัท เราก็กำลังพิจาณาส่วนนี้อยู่ ส่วนการดำเนินคดีอาญา ตอนนี้เรากำลังรวบรวมอยู่ว่า หลังจากวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2561 มีการกระทำความผิดซ้ำหรือเปล่า มีการโพสต์ข้อความซ้ำในลักษณะที่เคยโพสต์มาก่อนหรือไม่ ซึ่งถ้ามีเราก็จะดำเนินคดีต่อไป เราก็สงวนสิทธิการดำเนินการทางด้านกฏหมาย 

            สิ่งที่เราต้องการให้เขาออกมารับผิดชอบ อย่างน้อยที่สุดคือ อยากให้ทางเขาออกมาชี้แจงข้อเท็จจริง ทางด้านของเราต้องบอกว่ามีค่าเสียหายค่อนข้างมาก จนทุกวันนี้เราไม่ได้ดำเนินธุรกิจเลย เพราะว่าความน่าเชื่อถือของบริษัทถูกลดลงไปอย่างมาก เลยอยากให้เขาออกมาชี้แจงว่าเราไม่ได้แอบอ้าง เราเป็นบริษัทที่ถูกต้อง ดำเนินธุรกิจถูกต้อง

            ส่วนทำไมไม่ประกาศทางเว็บไซต์ต่อเรื่องที่เกิดขึ้น ความจริงแล้ว เรื่องนี้ตอนที่เซ็นสัญญากับ “นาย ณภัทร” เราก็อยากประกาศเลยว่าเรามีการเซ็นสัญญาจ้าง แต่ว่าเราไม่ได้เจอตัวกัน ตั้งแต่วันที่เซ็นสัญญาและโอนเงิน เรายังไม่ได้เจอหน้ากับ “แม่หมู พิมพ์ผกา” และ “นาย ณภัทร” เลย เมื่อสื่อต่างๆ เอาข้อความไปทำข่าวต่อ ก็อยากให้เขาออกมาชี้แจง ประกาศกับสื่อ ซึ่งมันทำให้เราเสียหาย เพราะว่าตั้งแต่ที่มีข่าวออกไป เราทำงานกันไม่ได้ การตลาดต่างๆ ลูกค้าและพาร์ทเนอร์ไม่ยอมรับ เกิดข้อสงสัยกับบริษัท จนถึงวันนี้ก็ต้องบอกว่าเราดำเนินธุรกิจไม่ได้

            การนำภาพไปใช้ เรายังไม่พบข้อมูลว่ามีภาพนำไปใช้ เท่าที่เราตรวจสอบ หลังจากที่เรายกเลิกแล้ว เราก็มีคำสั่งยกเลิกใช้ภาพ และก็ไม่ได้มีการใช้ภาพ ตามที่นักข่าวถาม เราตรวจสอบมาตลอดอย่างเข้มงวด ส่วนถ้าอีกทางมีหลักฐานก็เอามาแสดงกันได้ หลักฐาน มีได้หลายอย่าง เราจะไม่ขอพูดต่อ ตัวเรารวบรวมพยานหลักฐาน เพราะว่าทางเขามีลงข้อความประมาณว่าให้คนส่งรูปภาพเข้ามา เราก็ต้องตรวจสอบข้อมูลต่อว่าจริงไหม เราไม่เคยมีการพูดกับตัวแม่อย่างเป็นทางการ แต่เป็นการคุยกับทางผู้ช่วยเขา เราก็อยากจะเจรจาประนีประนอมเพื่อเป็นประโยชน์ของทั้ง 2 ฝ่าน แต่ไม่สามารถเกิดขึ้นได้จนมาถึงวันที่แถลงข่าวในวันนี้ เราก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ เรามีการรวบรวมพยานหลักฐาน ส่วนกาดำเนินคดีต้องดูต่อไปว่าจะอย่างไร แต่ถ้าเกิดการเจรจาประนีประนอมว่าทั้ง 2 ฝ่ายแฮปปี้ก็จะโอเค เราหวังว่าจะพูดคุยเจรจากันก่อน การเจรจาถ้าเกิดประสงค์จะคุยสามารถพูดคุยได้เลย ส่วนการดำเนินคดีเรารวบรวมพยานหลักฐานทางแพ่งและอาญา แต่คิดว่าไม่เกินสัปดาห์หน้าเราจะรู้ว่า ความเสียหายคืออะไร เราจะดำเนินคดีอะไร

            สิ่งที่อยากฝากบอกก็คงไม่มีอะไร ก็มีที่อยากบอกผู้ช่วยกับทนายของเขา เราก็ต้องคุยกันในเงื่อนไขที่ทั้ง 2 ฝ่ายรับได้ เราขอพูดอีกครั้งว่าบริษัทของเราไม่ได้แอบอ้าง ทำทุกอย่างอย่างถูกต้องมีคุณธรรม จริยธรรม เราไม่ได้เป็นบริษัทที่ไม่ถูกต้องตามที่โดนกล่าวหา