"พิ้งกี้" ในนิยามสู่อนาคตใหม่

"พิ้งกี้" ในนิยามสู่อนาคตใหม่

1

      ที่เกิดมาบนโลกนี้ ไม่มีใครสมบูรณ์แบบหรอกครับ บางช่วงมีตก บางช่วงมีขึ้น บางจังหวะเจอมรสุม เหมือนกับ
ชีวิตถึง "ทางตัน" แต่บางจังหวะก็สว่างแจ้ง ไร้หมอกควัน
"พิ้งกี้-สาวิกา ไชยเดช" ก็เหมือนกัน...ก่อนนี้แทบเอาตัวไม่รอดกับกระแสข่าวที่ถาโถมเข้าใส่จากทุกทิศ ถ้าสติไม่มั่นพอ ผมว่าเข้าขั้น "บ้า" ได้เหมือนกัน
      
    แต่ "พิ้งกี้" เลือกที่จะ "หยุด" สงบปากสงบคํา กระทั่งมรสุมลูกใหญ่ค่อยๆ เคลื่อนย้ายห่างไปจากตัว
ระยะนั้นหลายคนฟันธง "พิ้งกี้" ตายแน่ ไม่แค่ตายทั้งเป็น แต่ตายไปจากโลกบันเทิงเมืองไทย เพราะคงไม่มีใครจะให้ที่ "ยืน"ยิ่งสังคมไทยที่ชอบใช้อารมณ์และกระแสเป็นตัวตัดสิน แบบเฮไหนเฮนั่น โดยไม่ "เอะใจ" ใครล้มกระทืบซ้ำ จมบาดาล 
ได้ยิ่งดี
      
       ผมยอมรับความกล้าของ "อาร์เอส" ที่ดึง "พิ้งกี้" มาเล่นละคร เพราะเชื่อมั่นในฝีมือของคนที่สะสมประสบการณ์มา
ตั้งแต่อายุ 7 ขวบไม่เหมือนดารายุคใหม่ แค่เดินผ่านเวทีประกวดไม่กี่ก้าว อาศัยหน้าตา หน่วยก้านดีหน่อย ก็สามารถเข้ามาเป็น "ดารา" 
ได้แล้ว แต่การแสดงไม่เอาอ่าว แข็งทื่อเป็นไม้ตําพริก
     
      บันเทิงบ้านเราเดี๋ยวนี้จึงไม่ต่างจากบันเทิงแดกด่วน กินอร่อยชั่วประเดี๋ยวประด๋าว แต่ไม่สามารถจะยืนระยะยาวได้ เพราะ "ไร้คุณภาพ"วันนี้ "พิ้งกี้" กําลังเดินสู่อนาคตใหม่ โดยมีละคร "ทองประกายแสด" เป็นเข็มทิศนําทาง
ใครจะว่าการกลับมาของ "พิ้งกี้" เป็นได้แค่นางเอกละครช่องทีวีดาวเทียมก็ตามแต่ใจจะคิด แต่ต้องเปิดใจกว้างยอมรับกับความจริงด้วยว่า "ทองประกายแสด" ได้รับกระแสนิยมมากกว่าละครใน "ฟรีทีวี" อีกหลายเรื่อง
ผมพูดหลายครั้งแล้วว่า..."ฟรีทีวี" อย่าชะล่าใจ คิดว่า
ตัวเองจะทําละครแบบไหนก็ได้ ใช้มือทําหรือใช้สมองทํา 
ยังไงๆ ก็ได้เรตติ้ง เพราะไม่มีคู่แข่ง

        ความคิดแบบนี้...อดีตนั้น "ใช่" แต่ปัจจุบันไม่น่าจะเป็นยังงั้น เมื่อ "ทองประกายแสด" ที่ออกอากาศทางช่อง 8 
อินฟินิตี้ ซึ่งเป็นช่องทีวีดาวเทียม กระตุกเรตติ้งได้ไม่แพ้กันกลายเป็น "ทางเลือกใหม่" ของคอละคร ที่เข้ามาแชร์ตลาดละครฟรีทีวี ชนิดที่ต้องจับตามองกันทีเดียว...ละครใน "ฟรีทีวี" ช่องไหนที่หมกมุ่นอยู่กับ "รํา" ในราง ระวังตัวให้ดี
     
       ผมเองอาจจะไม่ได้ดูละครเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง แต่ว่าง
เมื่อไหร่ต้องกดรีโมทแช่ไว้ตลอด เพราะให้แง่คิดและมุมมองกับชีวิต โดยเฉพาะสังคมยุคใหม่ ที่แวดล้อมไปด้วยความฉาบฉวย มองเห็นแค่สิ่งที่อยู่เบื้องหน้า เห็นวัตถุที่เขามีอยู่
แต่ไม่เคยที่จะลงลึกถึงก้นบึ้งของหัวใจ..."ดี-เลว" จนต้องกลายเป็น "เหยื่อ" เหมือนอย่างที่ "ทองประกาย" พบเจอ 
ในละครเรื่องนี้
      
        หลายคนเห็นแค่ชื่อ "ทองประกายแสด" อาจจะนึกว่าเป็นละครแย่งผัว แย่งเมีย เหมือนอย่างที่เราดูใน "ฟรีทีวี"
ผมเองก็พลอยทึกทักตามนั้นในช่วงแรก แต่พอเปิดดู ...ไม่ใช่แฮะ!!
มีอะไรที่เหนือกว่า ไม่ต่างจาก "เพชร" ที่ซุกอยู่บนผืนทราย แต่ละซีนแต่ละตอน เป็นเหมือนคําสอนให้เราได้คิดตาม เพื่อหาความ "พอดี" และ "ความจริงใจ" ให้กับชีวิต

      ละครเรื่องนี้ ถ้าเป็นนักแสดงคนอื่น ที่ไม่ใช่ "พิ้งกี้" 
ผมไม่แน่ใจนักว่าจะได้รับกระแสขนาดที่ "ฟรีทีวี" ต้องนอนผวาหรือไม่?เหมือนอย่างที่เกริ่นไว้ในช่วงต้น "พิ้งกี้" ไม่ใช่ละอ่อนในแวดวงบันเทิง เธอสัมผัสมาตั้งแต่เยาว์วัย ดังนั้นไม่ว่าจะเป็น สีหน้า อารมณ์ สอดรับกับบทได้อย่างละเมียดสมัยผมนุ่งกางเกงขาสั้น ตัดผมเกรียน จําได้ว่า "ทองประกายแสด" เคยเป็นหนังใหญ่ของค่ายไฟว์สตาร์ มี "ชนะ คราประยูร"
นักแสดงนําตอนนั้นคือ "ชุดาภา จันทเขตต์" รับบทเป็นทองประกาย ส่วนพระเอกเป็น "หนุ่ม-สันติสุข" ตอนนั้นยังเอ๊าะ เพิ่งเข้าวงการใหม่

      "ทองประกายแสด" ในเวอร์ชั่นหนังทําเงินได้ถล่มทลาย ...พอเป็นละครออกช่อง 8 เชื่อมั้ยครับว่า ผู้กํากับละครเรื่องนี้ก็คือนางเอกหนังเมื่อ 20-30 ปีที่แล้ว..."ชุดาภา จันทเขตต์" นั่นเอง!!
คนที่เคยผ่านบทนี้มาแล้ว เมื่อผันตัวเองมาอยู่เบื้องหลัง ย่อมรู้ความรู้สึกของ "ทองประกาย" ได้ดี ว่ามีความคิดและจิตวิญญาณแบบไหน?

      ประกอบกับได้นักแสดงฝีมือดีอย่าง "พิ้งกี้" มารับบท รสชาติจึงแซบนัว เป็นส่วนผสมที่ลงตัว!!
ตอนนี้ได้ข่าวว่า "อาร์เอส" เตรียมที่จะจับ "พิ้งกี้" 
เป็นนักแสดงในสังกัด แบบ "ผูกมัด" ไม่ต้องไปโผล่ช่องอื่น 
ด้วยเงินก้อนโต 10 ล้านบาท
   ถ้าเป็นจริงตามนี้ นั่นหมายถึงอนาคตใหม่บนเส้นทาง สายบันเทิงของ "พิ้งกี้" ซึ่งไม่ต่างจากฟ้าหลังฝน!!♦

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Gallery ที่เกี่ยวข้อง

Comments