เมื่อบันเทิงก้าวสู่โหมด"ลอกคราบ"

เมื่อบันเทิงก้าวสู่โหมด"ลอกคราบ"

1

       ไปไหน มาไหน ผมเห็นวัยรุ่นตามแห่ ตามกรี๊ดศิลปินที่เขาชื่นชอบกัน
เป็นพรวน

หลายคนอาจจะแคลงใจกับการที่ "ประวิทย์ มาลีนนท์" หัวเรือหลักช่อง 3 ที่ไม่รู้กินดีหมีมาจากไหน ถอดรายการ "เป็นต่อ" ของซีเนริโอ ที่มี "บอย-ถกลเกียรติ วีรวรรณ" นั่งกุมบังเหียนอยู่ ออกจากผังเฉยเลย ทั้งๆ ที่ซิทคอมเรื่องนี้ เมื่อเทียบกับรายการอื่นๆ ที่ออนแอร์อยู่ในช่อง 3 "เรทติ้งเหนือกว่า" ทําไมไม่ไปถอดรายการเหล่านั้นล่ะ!!

ในโลกอินเตอร์เน็ต เท่าที่ผมเงี่ยหูฟัง ผลพวงจากการตัดฉับของช่อง 3 ครั้งนี้ถูกด่าจมหู มีน้อยมากที่จะชมว่าช่อง 3 ทําถูกแล้ว เหมาะสมแล้วเป็นความรู้สึก ที่ต้องบอกว่า "เห็นใจ" บรรดาแฟน "เป็นต่อ" เหมือนกัน เนื่องด้วยความผูกพันที่ไม่ต่างจากเพื่อนที่รู้ใจต้องหนีลงจากชานเรือน แถมบอกว่าจะไม่กลับมาให้เห็นหน้าอีก ที่สําคัญไม่มีการบอกกล่าวล่วงหน้าเพื่อให้ "ทําใจ" ซักกะนิด เป็นต่อ, กอล์ฟ, วอก, ยม, อู๊ด รวมทั้งน้องพอใจ คนสวยและคนอื่นๆ ที่โลดแล่นอยู่ในซิทคอมเรื่องนี้ทุกคืนวันพฤหัสบดี จะเป็นแค่ "อดีต" ของช่อง 3 นับจากนี้ไปไม่ต้องถามใจ "บอย-ถกลเกียรติ" ว่าเสียดายแค่ไหน? เมื่อมองที่เรทติ้ง และ "รายได้" ถือว่า "เป็นต่อ" สร้างชื่อให้ซีเนริโอ และทํารายได้ให้บริษัทไม่น้อย เมื่อเป็นยังงี้ใครบ้างล่ะจะไม่น้ำลายเหนียวด้วยอาการเสียดาย

ถ้าเป็นรายการประเภท "ขี้ไก่" ที่ไร้ราคาในสายตาคนดู จะอยู่-หรือไปคงไม่มีใครว่า แต่ "เป็นต่อ" ไม่ใช่รายการแบบนั้น การที่ช่อง 3 กล้าแบบที่คนอื่นไม่กล้า ถือว่าเป็นสิ่ง "ไม่ธรรมดา"เพราะถ้ารายการใหม่ที่มาแทน ไม่มีกระแส คนที่ได้รับผลกระทบก่อนใครคือสถานี ที่นอกจากจะหน้าแตกถูกแฟน "เป็นต่อ" เย้ยหยัน..เห็นมั้ยล่ะ? ยังเสี่ยงกับเรทติ้ง และรายได้ที่สถานีจะได้รับ ซึ่งคงไม่มีสถานีโทรทัศน์ช่องไหนบ้าพอ ที่จะทําแบบที่ช่อง 3 ทําอยู่ตอนนี้แต่เท่าที่ผมจับกระแสความเคลื่อน ไหวของช่อง 3 มาตลอด ถือเป็นสถานีเดียวที่มีความรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงของแวดวงทีวีเร็วที่สุด

จากสถานีที่เน้น "บันเทิง" เป็นหลักเมื่อ 3-4 ปีที่แล้ว หันมาบุก "รายการข่าว" จนหลายคนบอกว่าเพี้ยน เพราะไม่มีใครเคยคิด จะกล้าขนาดนี้ ตอนนี้ "รายการข่าว" ภายใต้  คอนเซ็ปต์ครอบครัวข่าว สร้างชื่อให้ช่อง 3 เป็นสถานีเดียวที่เรทติ้งดีที่สุด แถมสัดส่วนรายได้ที่ไหลเข้าสถานีมีช่องว่างไม่ห่างจากบันเทิงมากนัก ย้อนไปอีกนิด ตอนนั้นกระแสละครต่างประเทศโดยเฉพาะจากไต้หวันเกาหลี ยังไม่ฟีเวอร์ รู้จักกันในวงแคบ แต่เมื่อซื้อลิขสิทธิ์ "เอฟ 4" มาฉาย คนหันมาดูกันให้รึ่ม จนสถานีโทรทัศน์ช่องอื่นต้องขยับตาม เพราะกลัวจะตกขบวนรถไฟ

การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ แม้จะมองเป็นเรื่องเล็กๆ แต่สะท้อนให้เห็นความเคลื่อนไหว ในแวดวงโทรทัศน์ ที่ค่อยๆ ก่อตัว สถานีไหนปรับตัวทันถือว่า "โชคดี" แต่ถ้ายังติดหล่มมองความสําเร็จในอดีตเป็นสูตรสําเร็จ ก็ไม่ว่ากัน"ประวิทย์ มาลีนนท์" ให้เหตุผลในการถอด "เป็นต่อ" ออกจากผังว่า ต้องการให้เอ็กแซ็กท์ทํารายการ ประเภท ปั้นดินให้เป็นดาว ซึ่งเป็นสิ่งที่เอ็กแซ็กท์มีความถนัด ประมาณว่า อยากจะได้รายการแบบ "เดอะสตาร์" ที่โกยเรทติ้งให้กับช่อง 9 อยู่ตอนนี้ ใครจะว่า "ประวิทย์" ยังไงก็ช่าง แต่สําหรับผมถือว่า "มองขาด" ภายใต้ตรรกกะที่ว่า บันเทิงบ้านเรากําลังเดินเข้าสู่โหมด "ลอกคราบ" ที่ไม่ย่ำอยู่กับสิ่งเดิมๆ อีกต่อไปแล้ว

5-6 ปีที่แล้ว "ชาคริต แย้มนาม" คือดาราระดับซูเปอร์สตาร์  ไปไหนมาไหน มีแฟนคลับตามให้กําลังใจตลอด แต่ถ้าเทียบกับ "ณเดชน์, หมาก, บอย-ปกรณ์" ในวันนี้ ลองให้คะแนนกันเองครับว่าใครเหนือใคร? "ณเดชน์" เล่นละครไม่กี่เรื่อง แต่ทุกเรื่องกระแสดีหมด เฉพาะงานโฆษณา เชื่อมั้ยครับ ปีนี้ "ณเดชน์" ฟันไปไม่ต่ำกว่า 10 ชิ้น ไม่แค่ "ณเดชน์" คนเดียวที่เปรี้ยงแบบฟ้าถล่มดินทลาย ดารารุ่นใหม่ที่ก้าวเข้ามาสู่วงการบันเทิงในช่วงไล่เลี่ยกัน อาทิ ญาญ่า, อ๋อม-อรรคพันธ์, เป้-อารักษ์, ใหม่-ดาริกา ฯลฯ ล้วนแต่แจ้งเกิดในช่วงที่บันเทิงกําลังปรับโหมดทั้งสิ้น

เราต้องยอมรับกับการเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่ "พอใจ" อยู่กับสิ่งเก่า วันๆ เอาแต่ไล่งับหางตัวเอง เล่นเกม "เป่าตูด" กันอยู่แบบนี้ แม้วันนี้จะยังดี แต่วันหน้าใครจะการันตีได้ว่า จะไม่ม้วยคาจอ ปัจจุบัน "อํานาจคนดู" เปลี่ยนผ่านจาก "รุ่นเก่า" มาสู่ "รุ่นใหม่" ซึ่งนับวันจะมากขึ้นเรื่อยๆ ไปไหน-มาไหน ผมเห็นวัยรุ่นตามแห่ ตามกรี๊ดศิลปินที่เขาชื่นชอบกันเป็นพรวน ไม่เคยเห็นคนแก่หิ้วตะกร้าหมากไปเชียร์ศิลปินที่เขาชื่นชอบ ซึ่งโด่งดังเมื่อ 10-20 ปีที่แล้ว

ที่ผมเล่ามานี้ ไม่ได้ว่าใครดี-ไม่ดี เพียงแต่ต้องการจะบอกว่า บันเทิงช่วงนี้มีการเปลี่ยนผ่านที่รุนแรง ไม่ใช่ค่อยๆ เปลี่ยนเหมือนที่แล้วมาส่วนใครจะเชื่อ-ไม่เชื่อสุดแล้วแต่พระเดชพระคุณทั่น!!

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Gallery ที่เกี่ยวข้อง

Comments