เมื่อเราแต่งงาน  เราต่างสัญญาที่จะดูแลกันตลอดไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่  และในชีวิตการแต่งงานจริงย่อมมีขึ้นและลงอยู่เสมอ มีทั้งวันที่มีความสุข  และวันที่มีทุกข์  อาจมีบางวันที่ถูกก่อกวนด้วยเจ้าตัวเล็กที่รื้อข้าวของจนกระจุยกระจาย  หรือถูกคู่ของตัวเองพูดจากวนประสาทไปบ้าง จนแทบอยากจะร้องตะโกนออกมาดังๆ  แต่ท้ายสุดทุกสิ่งทุกอย่างก็กลับมาราบรื่นดังเดิม                
      แต่จะเป็นอย่างไร หากว่าคุณเริ่มนอนไม่หลับ รู้สึกเหงากว่าปกติทั้งที่คู่ของคุณนอนอยู่ข้างๆ         หากว่าคุณแต่งงานแล้ว แต่กลับรู้สึกไม่มีความสุข คุณจะรู้ได้อย่างไรว่าเมื่อไหร่ที่ควรจะถึงเวลายุติชีวิตคู่และแยกทาง        
           ความตาย"เรียกร้อง"                
      เมื่อคู่ของคุณกลับบ้านช้ากว่าปกติ  และคุณปล่อยให้จิตใจของตัวเองล่องลอยและจินตนาการไปเองว่า  เขาหรือเธอประสบอุบัติเหตุอย่างไม่ทันตั้งตัวกระทั่งไม่รู้สึกเจ็บปวดใดๆ  และแทนที่คุณจะรู้สึกสลดกับเหตุการณ์เช่นนั้น  คุณเริ่มฝันกลางวันว่า"ดีเหมือนกันตู้เสื้อผ้าจะได้มีที่ว่าง" หรือ  "จะได้ไม่มีใครแย่งดูทีวี" นี่ถือเป็นการส่งสัญญาณเตือนที่น่ากลัวอย่างยิ่ง  และทันใดนั้นเอง พวกเขาก็ได้เปิดประตูเข้ามา  และคุณได้แสดงสีหน้าที่ดูเหมือนผิดหวังเล็กน้อย  ที่ความฝันที่จะได้เป็นพ่อม่ายหรือแม่ม่ายได้พังทลายลง  นั่นคือเวลาที่ต้องหย่าแล้ว
การบำบัดไม่ช่วยอะไร           
               หากว่าทั้งสองฝ่ายปรารถนาที่จะรับฟังและเรียนรู้ซึ่งกันและกัน  การเข้าบำบัดชีวิตคู่สามารถช่วยทำให้ทั้งคู่กลับมาคืนดีกันได้อย่างน่า  ประหลาดใจ  จะเกิดอะไรขึ้นหากว่าหลายเดือนผ่านไปทุกสิ่งย้อนกลับไปเป็นเช่นเดิม  หรือฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดยอมแพ้ หรือนักบำบัดไม่ยอมรับโทรศัพท์ของคุณอีกต่อไป  นั่นเป็นสัญญาณเตือนว่าคุณต้องเลิกดันทุรังได้เสียที        
      หากว่า คุณทั้งคู่มั่นใจแล้วว่าได้พยายามทำดีที่สุด  แต่ก็ยังคงทะเลาะกันในเรื่องไม่เป็นเรื่อง  ซึ่งเสริมให้บรรยากาศความตึงเครียดยังคงลอยตลบอยู่ในบ้าน  นั่นก็เป็นสัญญาณว่าคุณควรหยุดความสัมพันธ์เสียที  คุณไม่สามารถซ่อมแซมในสิ่งที่อีกฝ่ายไม่อยากซ่อมได้  หรืออาจเป็นเพราะมันเสียหายจนเกินกว่าจะเยียวยาแล้วก็เป็นได้
ไม่สวมแหวนแต่งงาน                
      หากว่าคุณถอดแหวนแต่งงาน เพื่อปิดบังสถานภาพ"สมรส"แล้วของตนเอง  และแสร้งทำว่า"โสด" ทันทีที่ก้าวเท้าออกจากบ้าน  หรือขณะที่กำลังออนไลน์กับใครอยู่ก็ตาม  นั่นหมายความว่าคุณควรจะหย่าได้เสียที  เพราะมันแสดงถึงความไม่มีความจริงใจทั้งต่อคู่ชีวิตและต่อ"ตนเอง"  และการสมรสไม่ได้มีความหมายใดๆอีกต่อไป  การเซ็นใบหย่าจึงเป็นทางออกที่ดีที่สุด         
           โกหกซ้ำซาก                
      คนเราทำผิดกันได้เสมอ พวกเขาเริ่มสูบบุหรี่  และกลับไปสู่พฤติกรรม"เสพติด"บางสิ่งที่เคยเลิกมาแล้วในอดีต  เริ่มเป็นหนี้บัตรเครดิต เริ่มมีความสัมพันธ์แบบ"ชั่วข้ามคืน"กับคนแปลกหน้า  จึงขึ้นอยู่กับแต่ละคน ว่าควรตัดสินใจว่าพฤติกรรมเช่นใดควรให้อภัยหรือไม่  ทั้งคู่สามารถผ่านอะไรก็ตามที่เป็น"ตัวเร่งปฏิกิริยา"ที่ก่อให้เกิดการสูญ  เสียความเชื่อใจ เพราะตราบใดที่ทั้งคู่ยังคงอยู่ด้วยกัน  และเปิดเผยด้านมืดของแต่ละฝ่ายออกมา  โดยที่ไม่จำเป็นต้องเสแสร้งต่อกันอีกต่อไป หรือที่เรียกว่า "ไก่เห็นตีนงู  งูเห็นนมไก่" นั่นอาจทำให้ความเชื่อใจกลับคืนขึ้นอีกครั้ง  การหย่าจึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่าของคนที่ต้องอยู่ด้วยกันโดยขาดความเชื่อใจกัน
ฉันไม่อยากให้เธอมางานวันเกิด           
               เมื่อคุณจัดงานวันเกิดอายุครบ 30 ปี   คุณนึกขึ้นได้ว่าคุณไม่ต้องการคู่รักของคุณมางานวันเกิด  เพราะนี่จะเป็นวันเกิดที่มีความหมายมาก  และคุณต้องการเริ่มปีใหม่ๆด้วยความหวัง  ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นเลยในชีวิตสมรส  นั่นคือช่วงเวลาที่คุณควรจะหย่าได้เสียที
หากคุณพบว่าเวลาที่คุณมีข่าวดี แต่กลับไม้ได้บอกให้เขาหรือเธอรู้เป็นคนแรก ไม่ต้องการมีประสบการณ์ใดๆหรือร่วมฉลองความสำเร็จ และรู้สึกว่าเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆในประสบการณ์ต่างๆที่ผ่านเข้ามาใน ชีวิต นั่นถึงเวลาแล้วที่คุณควรจะถามตัวเองว่า "ฉันยังรักสามีหรือภรรยาของฉันต่อไปอีกหรือเปล่า?" หากว่าได้คำตอบว่า "ก็ไม่เชิง" ก็จงหย่าเสียเถิด ♦




 
		


 
				






 
	 
	 
	 
	 
	