“ลิฟท์” ตอบข่าวลือเตียงหัก? แยกห้องนอน เสียใจโดน “คนใกล้ตัว” โกงเงินกว่า 3 แสน
หลังจากกลายเป็นไวรัลในโลกโซเชียลช่วงลอยกระทงที่ผ่านมา คนแห่ชมลูกสาวของ “ลิฟท์ สุพจน์ จันทร์เจริญ“ ซึ่งล่าสุดเจ้าตัวก็ควง ”น้องพราว“ ลูกสาววัย 15 ปีมาออกรายการ คุยแซ่บShow พร้อมเล่าถึงความสัมพันธ์พ่อลูก และประเด็นที่ว่าไม่อยากให้ลูกสาวเข้าวงการเพราะอะไร รวมไปถึงข่าวลือ ”เตียงหัก“ ถึงขั้นต้องแยกห้องกันอยู่กับภรรยา มาเปิดใจที่นี่ทีแรก ส่วนประเด็นที่หลายคนสงสัย หลังจากเจ้าตัวโพสต์ว่าโดนคนใกล้ตัวโกงเงินนั้น วันนี้เจ้าตัวจะเล่าให้ฟังอย่างละเอียดทุกอย่าง
อ่านข่าวต่อ: “ลิฟท์ สุพจน์” เคลียร์ประเด็นหลังส่งแชทลับปรับทุกข์กับ "ออย ธนา”


จริงๆแล้วคุณพ่อเองก็ไม่อยากให้ลูกเข้าวงการด้วย?
ลิฟท์ : ผมก็รู้สึกว่าวงการบันเทิงผมอยู่มานาน เราอยู่ตั้งแต่ยุคที่มันรุ่งโรจน์มากๆ ก็อย่างตอนนี้มันก็เปลี่ยนไปมาก และในอนาคตเราก็ไม่รู้ว่ามันจะไปทิศทางไหน และเราอยากให้เขาสามารถดำเนินชีวิตได้ปกติ ทำอย่างอื่นน่าจะโอเคกว่า แต่เราก็ไม่ได้ปิดกั้นนะ เพราะว่าถ้าเค้าชอบจริงๆ หรือถ้าเค้ามีความฝันจริงๆ ก็ค่อยลองกัน แต่มันก็ต้องมาจากตัวเขาก่อน ไม่ใช่ให้เราผลักดัน
น้องพราว : บางครั้งก็คิดอยากจะเข้า แต่สิ่งที่ป๊าพูดมามันก็มีเหตุผล ซึ่งเราก็อยากจะหาสิ่งที่ดีที่เราชอบก่อน
ลิฟท์ : แล้วถ้าในอนาคตเค้าอยากเป็น เราก็ต้องปล่อยเขา ปล่อยให้เค้าไปลองทำ ซึ่งตรงนั้นเราพร้อมซัพพอร์ตเขาเต็มที่ ไม่ว่าเค้าจะทำอาชีพอะไร แต่ขอให้มาจากตัวตนของเค้าจริงๆ ไม่ใช่แค่ชอบตามกระแส แต่มันคงมีสักวันที่เค้าจะมุ่งไปชอบตรงนั้น

ระหว่างป๊ากับมี๊ เรากลัวใครมากกว่ากัน?
น้องพราว : กลัวป๊ามากกว่า ตอนที่ป๊าดุ ป๊าจะซีเรียสมาก อย่างปกติคือไม่ให้ไปเที่ยวแต่ถ้าเกิดอารมณ์ไม่ดีขึ้นมาเมื่อไหร่ ก็คือจะให้อยู่บ้านอย่างเดียว
และไม่มีเหตุการณ์ที่เราไม่คุยกับแม่เป็นอาทิตย์ ?
น้องพราว : ไม่รู้ว่าโกรธเพราะอะไร
ลิฟท์ : ไม่รู้ว่าเรื่องอะไร แต่มันเป็นเรื่องแค่นิดเดียว แม่ลูกคิดกันคนละแบบ สรุปก็คือต่างคนต่างงอนกันเอง คือไปไหนมาไหนด้วยกันสองคนได้ แต่ไม่คุยกัน ซึ่งเขาก็ใช้ชีวิตด้วยกันได้ ซึ่งสรุปก็ตกมาที่ผม เป็นคนกลาง แต่เราก็ต้องรอให้เค้าใจเย็นลงทั้งคู่ เราก็บอกลูกให้ไปขอโทษแม่ สุดท้ายก็ยอม อย่างที่บอกว่าเค้าทั้งคู่เหมือนกัน

และอย่างข่าวลือล่าสุด ที่มีปัญหาว่าแยกห้องนอนกัน?
ลิฟท์ : ผมโดนไล่ออกจากห้อง มีปัญหากัน เพราะว่าเค้าสะกิดผมทั้งคืน จนผมไม่ไหว ปกติเราจะนอนกันสามคน พ่อแม่ลูก แต่เราเป็นคนนอนกรน จนเราหลับไปแล้ว และสองคนนี้เค้าต้องตื่นมากลางดึก ลูกต้องไปเรียนตอนเช้า เมียไม่ได้นอนทั้งคืน จนเค้าสะกิดเรา ซึ่งมันก็ยังไม่หายกรน เราก็เลยเดินหนีไปนอนที่ห้องรับแขก เราก็เลยย้ายตัวเองไปนอนในห้องเสื้อผ้า ย้ายไปนอนซักครึ่งปี จนตอนนี้ก็ทำเป็นห้องนอน
น้องพราว : อยากให้ป๊าไปตรวจ แต่ป๊าไม่ยอมไป
ลิฟท์ : เพราะผมเห็นคนไปตรวจมา ทุกคนจะได้เครื่องกลับมาทุกคน เราก็เลยรู้สึกว่าเวลานอนมันคือเวลาที่เรามีความสุข ผมเป็นคนชอบนอนตะแคง แต่พอมีเครื่องปุ๊บ มันทรมาน แต่เราก็จะพยามกรนให้เบาลง

แล้วในสิ่งที่เราเพิ่งโพสต์ไปว่า โดนคนใกล้ตัวทำร้าย?
ลิฟท์ : ก็อย่างที่บอกแหละครับ ว่าคนใกล้ตัวทำมันเจ็บที่สุดแล้ว เราก็คิดว่าเค้าไปทำใครก็ได้ เค้าคงไม่มาทำเราหรอก แต่สุดท้ายมันก็มาถึงตัวเรา ซึ่งเป็นคนๆ นึงที่เขาดูแลเรามาตั้งแต่สมัยเด็กๆ เราช่วยเหลือมาตลอด ซึ่งเราก็เคยได้ยินมาตลอด เค้าก็เคยเป็นข่าวมาสักพักหนึ่ง แล้วเราคิดว่ากับเรา เค้าไม่น่าจะทำนะ จนมีคอนเสิร์ตหนึ่ง ลิฟท์ออยเจมส์ ไปเล่นที่ร้านของพี่แซ้งค์ สุดท้ายเค้าก็ไปรับเงินมาหมดแล้ว สุดท้ายแล้วเค้าก็ไม่โอนให้เรา ตอนแรกเราว่าจะไม่ไปเล่น

แต่มันเป็นงานของพี่แซ้งค์ แล้วแฟนคลับเค้าก็ซื้อบัตรกันไปแล้ว แล้วก็เลยควักเงินส่วนตัว เพื่อจ้างวงของตัวเองไปเล่น สุดท้ายแล้วก็ยังไม่ได้เงินคืน ตัวเลขรวมรวมก็เกือบ 300,000 บาท ได้คืนมา 10,000 บาท ซึ่งเราก็ไม่ควรให้โอกาสคน และที่เราไม่ยอม เลยต้องให้บทเรียนกับเค้าบ้าง ให้เค้ารับผิดชอบกับสิ่งที่เขาทำ เราก็ดำเนินตามกฏหมาย สุดท้ายเราก็ส่งโนติสไปแล้ว ซึ่งถามว่าเราโกรธไหม เราเสียความรู้สึก เสียใจมากกว่า ซึ่งเราก็เข้าใจว่าเค้าน่าจะมีเหตุผลที่เขาต้องทำ แต่ทำไมต้องมาทำกับเรา เพราะในอดีตเราช่วยเหลือกันมาตลอด










