"อั้ม" อัพเดทคดี "บลูริบบอน" พร้อมความคืบหน้า "เจ้าเวหา" อีก 2 ตอน
"อั้ม อธิชาติ ชุมนานนท์" อัพเดทความคืบหน้าคดี "เจ้าเวหา" ลั่นหลังเคลียร์จบขอต่างคนต่างทำงานดีกว่า ปัดขายรถหรู เผยไปทำบุญเพื่อความสบายใจ ไม่ใช่เหตุเครียดคดีความ
เป็นอีกหนึ่งเรื่องร้อนของวงการบันเทิงอย่างคดียืดเยื้อต่อเนื่องกับคดีผู้จัดฯ เบี้ยวค่าตัว ซึ่งล่าสุดทั้งสองฝ่ายทั้งฝ่ายผู้จัดฯ หนุ่มไฟแรง “อั้ม อธิชาติ” และอีกฝ่าย “บริษัท บลูริบบอน” ก็ได้ออกมาตั้งโต๊ะสวนหมัดกันไปมา และเมื่อวันที่ 8 ก.ย. ที่ผ่านมาพระเอกหนุ่มก็ได้เดินทางยื่นฟ้องบริษัทคู่กรณีต่อศาลไป ล่าสุดทาง “ดาราเดลี่” ก็ได้มีโอกาสเจอกับเขาก็ได้อัพเดทถึงคดีความต่างๆ ให้ฟังว่า
สำหรับเรื่องคดีความตอนนี้ก็ยังไม่มีอะไร ก็ต้องรอให้เป็นไปตามขั้นตอนในชั้นศาลว่าจะเป็นอย่างไร ตอนนี้ก็ยังไม่มีใครติดต่อมา ไม่ได้คุยกับฝ่ายไหนทั้งสิ้นตอนนี้ก็ปล่อยให้เป็นไปตามทีมฝ่ายกฎหมายดำเนินการต่อ ก่อนหน้านี้เท่าที่เราทราบยังไม่มีการติดต่อมา ยังไม่มีการแจ้งมา ส่วนทางฝ่ายกฎหมายเองก็ยังไม่มีแจ้งมาเหมือนกัน ก็ไม่มีการเจรจานอกรอบ ก็ปล่อยให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย เพราะเรื่องถึงศาลแล้ว เราก็ต้องการพิสูจน์หลักฐานทั้งหมดที่เรามี ว่าเราถูกต้อง เมื่อเรื่องถึงศาลแล้วเราก็ขอให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย เรื่องการไกลเกลี่ยอะไรไหม จริงๆ ตอนนี้เป็นแค่ขั้นตอนแรกเท่านั้นเอง เป็นแค่การยื่นฟ้อง ก็ต้องรอให้เป็นไปตามขั้นตอนว่าจะอย่างไรต่อไป ท่าทีของบริษัทตอนนี้มีอะไรไหม ติดต่อมาไหม ตัวเราเองไม่ได้รับปฎิกิริยาใดๆ จากทางไหนทั้งสิ้นและไม่ได้กังวลใจใดๆ การที่เราทำงานอยู่ตรงนี้เราก็มีขั้นตอนของเราในการทำงาน เมื่อเรื่องเกิดขึ้นการทำธุรกิจต่างๆ ถ้าคุยกันไม่เข้าใจเคลียร์กันแล้วต่างฝ่ายต่างมีเหตุผลของตัวเองอันนี้ก็ต้องให้ศาลหรือกฎหมายเป็นผู้ที่ตัดสินจากข้อมูลและหลักฐานต่างๆ จริงๆ แล้วเราไม่อยากให้เป็นคดีความ ก็ลำบากใจ ทุกคนก็ไม่อยากเดือดร้อนแต่บางสิ่งบางอย่างเราเองก็ควบคุมไม่ได้ ตอนนี้เรื่องถึงศาลแล้ว ก็ไม่ได้สบายใจ มันก็เรื่องปกติของคนเรามันเป็นธรรมดาที่เกิดเรื่องก็ต้องมีวิธีการแก้ไขตามขั้นตอนของมันไป ในส่วนของนักแสดงอิสระเราก็รับผิดชอบเองทันที แต่ถ้านักแสดงที่อยู่ในสังกัดไหนเราก็ต้องจ่ายไปตามบริษัทนั้น หรือผู้ว่าจ้างของนักแสดงท่านั้น โดยเฉพาะนักแสดงท่านใดที่ยอมให้บริษัทนั้นหักค่าบริการก็ตาม นักแสดงท่านนั้นก็ต้องไปถามกับผู้ว่าจ้างท่านนั้นว่ามันเป็นอย่างไร ส่วนความสัมพันธ์เมื่อเคลียร์เสร็จมองหน้ากับนักแสดงดังกล่าวติดไหมนั้น เราว่าต่างคนต่างทำงานดีกว่า
เรื่องจ่ายเงินบริษัทที่ว่าจ้าง แต่เพราะนักแสดงในเรื่องของเราก็เยอะมาก แต่ทำไมนักแสดงอิสระหลายๆ ท่านถึงได้ถูกดำเนินการเรียบร้อย แต่นักแสดงบางท่านที่เกิดเป็นคำถามขึ้นมา เราก็ได้มีการแจ้งให้นักแสดงมารับทราบขั้นตอนว่าใครเป็นผู้ว่าจ้างของท่านที่แท้จริงแล้ว ก็ทางบริษัทก็ได้ดำเนินการ ณ ที่ของบริษัทต้องรับผิดชอบเสร็จเรียบร้อยแล้วจริง และเราก็ได้ดำเนินการแจ้งผ่านตัวแทน ผ่านโปรดิวเซอร์ ผู้จัดการส่วนตัวของคนที่ติดต่อมาทั้งนั้น เราก็ไม่เคยนิ่งเฉย นอกจากหน้าที่ที่ได้ต้องทำไปแล้วในส่วนของบริษัท เราเองก็เคยได้มีการนำเสนอความช่วยเหลือต่างๆ ในฐานะนักแสดงที่เราพอจะทำได้แล้วก็มีการปฏิเสธขึ้นมาทั้งสองครั้ง และบางครั้งก็มีเงื่อนไขที่เกิดขึ้น ซึ่งเราก็ไม่สามารถดำเนินการช่วยเหลือได้ตามที่เขาเสนอมา
ถ้าถามว่าเข็ดไหมกับงานผู้จัดฯ กับการบริหารเรื่องเงิน จริงๆ ไม่ได้เข็ด ในส่วนของงานผู้จัดทำ มันก็คือผู้จัดการมันก็คือการบริหารงานต่างๆ ฉะนั้นเรื่องเงินก็เป็นสิ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้ บางทีอย่างเราทำงานเราดีลบริษัทที่รับการว่าจ้างเราก้ไม่สามารถควบคุมการทำงานของเขาได้
ส่วนคนที่ไม่ได้แล้วต้องการรับความช่วยเหลืออีก เราก็ช่วยเหลือต่อไม่ได้แล้ว เพราะเราก็เคยยื่นความช่วยเหลือไปถึงสองครั้ง ให้วิธีช่วยเหลือต่างๆ ผ่านทั้งตัวเราเอง และตัวแทนด้วยวิธีการเป็นขั้นตอนมาแล้ว ส่วนตัวนักแสดงเองก็รับทราบ ยอมรับว่าตัวเองต้องถูกหักค่าบริการ และเมื่อเกิดปัญหาขึ้นคุณก็ต้องคุยตกลงกับผู้ว่าจ้างนั้น
ในเรื่องที่คนมองว่าบริษัทไม่เสียหายแต่เราเสียหายนั้น ทุกอย่างก็มีอุปสรรคที่ต้องเจอ อยู่ที่ว่าใครจะเจอทั้งใหญ่เล็กแล้วแต่ว่าใครจะเจอ แต่เราว่าเราทำงานในสื่งที่รักและถูกต้องถ้าวันหนึ่งทำไรผิด ก็จะรู้สึกเข็ดกับตัวเอง แต่ถ้าเราทำในสิ่งที่ถูกต้องและเราก็ยื่นยันอยู่ตรงนี้ว่าเราทำอะไรไปเพราะฉะนั้น ก็พร้อมจะแก้ไขปัญหาต่อไป
เรื่องความพร้อมพร้อมทำเรื่องต่อไป อีก 2 ตอน เราในฐานะผู้ผลิต ก็ต้องได้มีการเตรียมพร้อมความต่างๆ และ ได้มีการปรับเปลี่ยนไปตามโจทย์ของทางช่อง แต่อย่างไรก็แล้วแต่ก็ต้องแล้วแต่ช่องจะพิจารณา ส่วนที่ว่าช่องจะมาทำเองเราเองก็ยังไม่ทราบยังไม่มีการพูดคุยกันและยังไม่มีการแจ้งมา ถึงกับต้องพับไปรึเปล่า ก่อนหน้าที่เราก็มีการเริ่มถ่ายทำไปแล้วอย่างที่เห็นข่าว มีการฟิตติ้งไปแล้วบางส่วน แต่เราก็มีการหยุดเพื่อปรับให้เป็นตามที่คนดูต้องการหรือช่องต้องการ
ในส่วนเรื่องขายรถสปอร์ต เราไม่ได้ขาย แต่ที่บ้านมีการซื้อขายอยู่แล้วเพราะน้องชายทำธุรกิจทางนี้ ก็ต้องมีการซื้อขายเป้นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว ใครติดต่ออยากซื้อรถก้ต้องมีการซื้อขายที่บ้านอยู่แล้ว
ล่าสุดเราก็ไปทำบุญมา เป็นการธรรมดา การทำบุญเราก็ทำได้ทุกโอกาส ได้มีการไปกราบพระอาจารย์ ไปค้างคืนกับเพื่อนในกลุ่มที่สนิท ไม่ใช่เพราะปัญหารุมเร้าและไม่ได้เครียดอะไรเป็นการทำสิ่งดีๆ เพื่อให้สบายใจมากกว่า
