ไขปม "เจ้าเวหา" จากบุญคุณอาจจบลงด้วยความแค้น
ไขปมดราม่า "เจ้าเวหา" เมื่อ "อั้ม อธิชาติ ชุมนานนท์" โพสต์อินสตาแกรมปลุกความสงสัย "การตอบแทนบุญคุณ ต้องตอบแทนอยู่บนพื้นฐานคุณธรรม"
เชื่อว่าหลายคนคงจะคุ้นเคยกับเวทีปั้นดาวดวงใหม่มาประดับวงการอย่างเวที "ดัชชี่ บอย แอนด์ เกิร์ล" ที่เริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 2539 ปูเส้นทางดาราในวงการมานับร้อยชีวิต และโด่งดังมีผลงานสู่สายตาประชาชนกันอย่างต่อเนื่องแทบทุกราย อาทิ เขตต์ ฐานทัพ, อั้ม อธิชาติ ชุมนานนท์, ยุ้ย จีรนันท์ มะโนแจ่ม, เป้ย ปานวาด บุญยรัตกลิน และอื่นๆ อีกมากมาย พร้อมทั้งป้อนดาราเหล่านี้เข้าสู่ช่องดังมาโดยตลอด
ทั้งนี้บริษัทผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของเวทีการประกวด "ดัชชี่ บอย แอนด์ เกิร์ล" ก็คือ "ปอนด์ วินัย เยี่ยมประเสิรฐ" ผู้เคยร่วมงานกับบริษัท ดัชมิลล์ (ประเทศไทย) จำกัด และปัจจุบันดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ บริษัท บลูริบบอน แอดเวอร์ไทซิ่ง จำกัด ซึ่งแน่นอนว่าหลายคนอาจเพิ่งทราบว่าทาง บริษัท บลูริบบอน นั้นมีความสัมพันธ์กับหนุ่ม "อั้ม อธิชาติ" หนุ่ม "ดัชชี่ บอย แอนด์ เกิร์ล" รุ่นที่ 2 มาตั้งแต่แรกเริ่มเข้าวงการ จนกระทั่งมามีประเด็นร้อนแรงปมเบี้ยวค่าตัวนักแสดงในขณะนี้
ซึ่งหากจะกล่าวตั้งแต่เริ่มต้น หนุ่ม "อั้ม" มีโอกาสได้เข้าวงการบันเทิงจากฝีมือการปั้นของทางหนุ่ม "ปอนด์" ทำให้หนุ่ม "อั้ม" นั้นมีชื่อเสียง พร้อมทั้งนักแสดงหนุ่มยังมีโอกาสได้เล่นละครมามากกว่า 40 เรื่อง ที่สำคัญ นอกจากหนุ่ม "ปอนด์" จะช่วยส่งให้หนุ่ม "อั้ม" โด่งดังในฐานะนักแสดงแล้ว ยังปลุกปั้นให้หนุ่ม "อั้ม" นั่งแท่นกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไว้ลาย โซไซตี้ ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของบลูริบบอน ไม่เพียงแค่นั้น ยังมีข่าวลือว่าฝั่งหนุ่ม "อั้ม" ก็มีสิทธิ์ถือหุ้นบริษัท ไว้ลาย โซไซตี้ อีกด้วย และผลงานสร้างชื่อของบริษัทดังกล่าวก็คือการผลิตรายการ The idol Project ที่เริ่มตั้งแต่ปี 2552 เป็นรายการกึ่งเรียลลิตี้ค้นหานักแสดงหน้าใหม่ภายใต้การดูแลของหนุ่ม "อั้ม" ประจวบเหมาะกับช่วงที่มีข่าวแพร่สะพัดว่านักปั้นมือทองอย่าง "เอ ศุภชัย" มีปัญหากับทางบิ๊กบอสช่อง 3 เลยยิ่งทำให้รายการ The idol Project กลายมาเป็นช่องทางสำคัญในการเฟ้นหาดาวรุ่งมาป้อนให้ช่องมากกว่าที่อื่นๆ
จะเห็นได้ว่าทั้งในเรื่องของการแสดง และงานด้านการบริหาร "อั้ม" ก็ได้โอกาสเรียนรู้จากทางบริษัทบลูริบบอนมาโดยตลอด และเป็นหนุ่มจากเวที "ดัชชี่ บอย แอนด์ เกิร์ล" เพียงหนึ่งเดียวที่ได้รับความไว้วางใจและให้ความสนิทสนมมากที่สุด บวกกับฝีมือที่พัฒนาอยู่ตลอดก็ทำให้เขาสามารถรักษาชื่อเสียงมาได้ยาวนาน กระทั่งสั่งสมประสบการณ์และเลื่อนขั้นมาอีกหนึ่งสเต็ปในวงการบันเทิง นั่นก็คือการเป็น "ผู้จัดละคร"
หนุ่ม "อั้ม" ร่วมมือกับทางภรรยาสาว "นัท มีเรีย" ลุยงานผู้จัดฯ ประเดิมเรื่องแรกด้วยซีรีส์ชุดเรื่อง "เจ้าเวหา" ประกอบไปด้วย 3 ตอน ได้แก่ ฝั่งน้ำจรดฝั่งฟ้า, พิชิตแดนใจ และ ผู้ครองฟ้า ให้กับทางช่องทรูโฟร์ยู ซึ่งเป็นโปรเจ็คท์ยักษ์เลยก็ว่าได้ เพราะได้ทุ่มทุนหลักร้อยล้าน บวกกับดึงเอานักแสดงชื่อดังระดับท็อปของวงการบันเทิงมาเป็นตัวชูโรงของละคร ไม่ว่าจะเป็น แพนเค้ก เขมนิจ, แอนดริว เกร้กสัน, ติ๊ก เจษฎาภรณ์, ใหม่ ดาวิกา, นุ่น วรนุช รวมทั้งหนุ่ม "อั้ม" ก็เล่นเรื่องนี้เองด้วย
ต่อมาหลังจากที่ตอน "ฝั่งน้ำจรดฝั่งฟ้า" ออกอากาศและจบลงในช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ผลตอบรับกลับไม่เป็นไปตามคาด กระแสโซเชียลแทบจะไม่ได้รับความสนใจเท่าช่องหลัก ทำให้ในตอน "พิชิตแดนใจ" และ "ผู้ครองฟ้า" ต้องพักการถ่ายทำ โดยทางผู้จัดฯ ได้ให้เหตุผลว่ามีการปรับเปลี่ยนตัวบท พร้อมทั้งต้องรอให้ทางช่องพิจารณาว่าซีรีส์ชุดนี้จะเดินไปทิศทางไหนต่อ
ด้วยเหตุนี้ทำให้เกิดดราม่าตามมามากมาย ทั้งข่าวลือเรื่องนักแสดงอัพค่าตัว ช่องหลักดึงนักแสดงของตนเองคืน เลื่อนถ่ายแล้วคิวไม่ลงตัว ลือไปถึงขั้นว่าจะไม่มีการถ่ายทำซีรีส์เรื่องนี้ต่อก็มี แต่ที่ดูจะเป็นดราม่าหนักที่สุดนั้นคงจะเป็นเรื่องที่มีคนออกมาปล่อยข่าวลือว่าสองผู้จัดฯ เบี้ยวค่าตัวนักแสดง และจากเนื้อข่าวทำให้หลายคนพุ่งเป้าไปที่สองสามีภรรยาผู้จัดฯ "อั้ม-นัท" ทำให้ทั้งสองต้องออกมาตั้งโต๊ะแถลงในวันที่ 4 สิงหาคม 2559 ที่ผ่านมา ชี้แจงถึงเรื่องดังกล่าวว่า ได้ชำระเงินเป็นที่เรียบร้อยตั้งแต่กรกฎาคม 2558 พร้อมทั้งมีหลักฐานแน่นอน โดยนักแสดงอิสระเป็นการชำระโดยตรง ส่วนนักแสดงที่มีสังกัดก็ได้ชำระผ่านทางต้นสังกัดแล้ว
แต่ดูเหมือนเรื่องนี้จะไม่จบลงง่ายๆ เมื่อเหล่านักแสดงจากตอน "ฝั่งน้ำจรดฝั่งฟ้า" ได้เดินทางมาขอความเป็นธรรมเหตุยังไม่ได้รับค่าตัว และแจ้งว่าติดต่อไปยังบริษัท บลูริบบอน ซึ่งเป็นผู้ติดต่อให้มาเล่นเรื่องนี้ ก็ได้ความว่าทางบริษัท หกหนุมาน ของ "อั้ม" ยังจ่ายเงินไม่ครบ ทำให้นักแสดงบางรายได้เข้าไปพูดคุยกับฝั่งหนุ่ม "อั้ม" และได้เห็นเอกสารชี้ชัดว่าจ่ายเงินเรียบร้อยแล้ว จึงมีบางส่วนที่เข้าแจ้งความไว้เป็นหลักฐานในวันที่ 28 สิงหาคม 2559
ภายหลังจากมีการลงบันทึกประจำวันก็ยิ่งทำให้เกิดปมสงสัยว่าแท้ที่จริงแล้วใครเป็นคนถูก ใครเป็นคนผิด และเมื่อหนุ่ม "อั้ม" เผชิญหน้ากับสื่อก็ถูกถามเรื่องนี้อีกครั้งเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2559 เขาก็ยืนยันว่า ขอให้เป็นเรื่องทางกฎหมาย เนื่องจากนักแสดงที่มีสังกัดหรือผ่านการติดต่อมาจากบริษัทใดก็ได้มีการจ่ายผ่านทางต้นสังกัดอยู่แล้ว
ด้านบริษัท บลูริบบอน ก็ไม่วางเฉย ส่งทนายความตั้งโต๊ะแถลงในวันที่ 1 กันยายน 2559 ข่าวเคลียร์ปมดราม่า โดยแจงว่าบริษัทของตนเป็นคู่สัญญากับทางบริษัทของหนุ่ม "อั้ม" ในการผลิต "เจ้าเวหา" ทั้ง 3 ตอน พร้อมกันนี้ยังอ้างว่า หนุ่ม "ปอนด์" นั้นเป็นคนปูทางให้ "อั้ม" เข้าวงการ และริเริ่มให้หนุ่ม "อั้ม" เปิดบริษัท หกหนุมาน อีกทั้งยังบอกว่าบทประพันธ์ของเรื่องนี้เป็นของทางบลูริบบอน มีเอกสารอนุญาตจากผู้ประพันธ์โดยตรง ส่วนการสร้างทางบริษัท หกหนุมานจะเป็นผู้ออกหน้ากับทรูว่าเป็นผู้ผลิต แล้วว่าจ้างทางบลูริบบอนอีกที
พร้อมทั้งอธิบายเรื่องค่าจ้างต่อว่า ส่วนของการจัดสร้างและผลิต ทาง "อั้ม" จ่ายเงิน 2 งวด โดยได้จ้างทำประมาณ 39 ล้านต่อตอน ซึ่งต้องจ่ายทั้งหมด 6 งวด แต่ตอนนี้ชำระมาแค่ 2 งวดเท่านั้น รวมไปถึงยังไม่ได้ชำระค่าจ้างที่ทำตอน 2 บางส่วน รวมเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 27 ล้านบาท ซึ่งทางทนายยืนยันว่า บริษัท บลูริบบอน ถือเป็นเจ้าหนี้ ทั้งนี้ได้แจ้งอีกว่าบริษัทตนไม่ใช่โมเดลลิ่ง แต่เป็นบริษัทรับจัดละคร ด้านสัญญาก็มีการระบุ 39 ล้านบาทคือผลิตละคร และจัดหาตัวนักแสดงเพียงเท่านั้นต่อหนึ่งตอน ส่วนค่าตัวนักแสดงนั้นไม่ได้เกี่ยวกัน
ภายหลังต่อมาเมื่อวันที่ 3 กันยายน ทางหนุ่ม "อั้ม" ได้มีความเคลื่อนไหวผ่านทางอินสตาแกรมส่วนตัว โดยระบุข้อความยืนยันว่าตนเป็นผู้ถือสิทธิ์บทประพันธ์เรื่องดังกล่าว และได้ชำระเงินค่าตัวนักแสดงอย่างถูกต้อง มีเอกสารตามกฎหมาย ไม่ได้ค้างเงินใครแม้แต่บาทเดียว และขอพิสูจน์กันด้วยความจริง พร้อมทั้งย้ำชัดว่าบุญคุณต้องตอบแทนอยู่บนพื้นฐานของคุณธรรม ศีลธรรม และความถูกต้อง
จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า เมื่อทางฝั่งทนายของบลูริบบอนได้อ้างว่าเป็นผู้ปูทางให้ "อั้ม" เข้าวงการบันเทิง ฝ่ายหนุ่ม "อั้ม" ก็ยืดอกขอตอบแทนอย่างถูกต้องมากกว่า ทำให้ประเด็นนี้ถูกจับตาว่าจากเรื่องของบุญคุณที่เคยช่วยเหลือกันและกันมา กำลังจะแปรเปลี่ยนเป็นความแค้นต่อกันหรือไม่ เนื่องจากล่าสุดเมื่อวันที่ 8 กันยายน 2559 ทางหนุ่ม "อั้ม" ได้ยื่นฟ้องศาลกรณีปมหนี้ 27 ล้าน พร้อมเตรียมฟ้องหมิ่นประมาทบริษัท บลูริบบอน อีกด้วย ในเบื้องต้นนัดไต่สำนวนฟ้องจะเรียก 16 ม.ค. ในปีหน้า
ท้ายสุดหนุ่ม "อั้ม" ก็ได้ตอบคำถามเกี่ยวกับข่าวลือเรื่องจะกลับไปทำงานกับทางช่อง 3 ว่ายังไม่ทราบ ผู้ใหญ่ทางช่อง 3 ทุกท่านเป็นเหมือนครอบครัวเรา ไม่ว่าจะเป็นผู้บริหารระดับสูง ผู้จัดฯ และทิ้งท้ายตรงประเด็นว่า ทุกท่านให้โอกาสผมตั้งแต่เป็นเด็กผู้ชายตัวเล็กๆ วันนึงเราพร้อมจะตอบแทนบุญคุณของช่องอยู่แล้วไม่ว่าจะหน้าที่ใดๆ