"อองตวน" ลั่นต้องระวังคำพูดมากขึ้น หลังเจอดราม่ากลางรายการ
หลังจากที่ รายการ 10 FIGHT 10 จบลง แต่ดราม่าก็ยังคงอยู่สำหรับหนุ่ม "อองตวน ปินโต" ที่ได้ลั่นวาจาพูดออกไปว่าอยากจะต่อยมวยต่อให้แบบ 3 รุม 1 งานนี้ทำเอาเจ้าตัวเจอกระแสวิพากษ์วิจารณ์เรื่องคำพูดเต็มๆ เพราะก่อนหน้านี้ที่เจ้าตัวรับหน้าที่เป็นพิธีกรให้กับรายการดังอย่าง "The Face Men" ก็มีหลายเสียงที่ออกมาคอมเมนต์ว่าหนุ่ม “อองตวน” พูดไม่รู้เรื่องบ้าง พูดไม่ชัดบ้าง และไม่เหมาะจะเป็นพิธีกร ล่าสุดมีโอกาสเจอตัวเลยไม่พลาดที่จะเข้าไปถามเรื่องนี้กันสักหน่อย
อ่านข่าวต่อ:
โค้ช "อองตวน" กับอีกหนึ่งบทบาทสุดท้าทาย
.jpg "อองตวน ดราม่า คำพูด รายการ 10fight10")
สำหรับการที่เราต้องมารับบทบาทหน้าที่เป็นพิธีกรใน “The Face Men” แน่นอนมันก็ยังมีความหนักใจอยู่ รับหน้าที่เป็นพิธีกรอยู่ทุกครั้งก็ยังหนักใจอยู่ทุกครั้ง แต่เราก็พยายามที่จะทำให้ดีขึ้นเรื่อยๆ ถามว่ากังวลเรื่องอะไรก็คงจะเป็นเรื่องของเสียงที่เราพยายามจะพูดให้มันดีขึ้น พูดให้ชัดขึ้น แต่ผมก็คิดว่าจากครั้งแรกจนมาถึงทุกวันนี้มันก็เริ่มที่จะพูดเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น เป็นตัวเองมากขึ้น อย่างเวลาที่เจอดราม่าผมว่ามันก็เป็นสิ่งที่ดี มันเหมือนกับเป็นฟีดแบ็คที่ทำให้เรารู้ว่าเราควรจะปรับตรงไหน
สำหรับเรื่องดราม่าในรายการ 10 FIGHT 10 ทำไมเราถึงเลือกที่จะไม่ออกมาพูด จริงๆ ผมก็ได้ออกมาชี้แจงแล้วว่าเรื่องมันออกมาเป็นยังไง แต่เราแค่ยังไม่มีโอกาสมาเจอกับพี่ๆ นักข่าวโดยตรง แต่ผมได้ออกไปพูดอยู่ในรายการหนึ่งแล้ว ตอนนี้ก็เคลียร์หมดแล้ว ถ้าจะให้พูดอีกครั้งก็อยากจะขอโทษทุกฝ่ายเพราะคำพูดของเรา เราไม่ได้เจตนาที่จะให้เป็นแบบนั้น
.jpg "อองตวน ดราม่า คำพูด รายการ 10fight10")
เรื่องคำพูดตอนนี้ก็เลยต้องระมัดระวังมากยิ่งขึ้น ก็บอกว่าผมโชคดีมากที่รายการอื่นๆ ที่ผมรับหน้าที่ไม่ใช่รายการสด มันเป็นรายการที่เอามาตัดต่อ ถ้าไม่อย่างนั้นคนเขาก็ยิ่งจี้ เพราะว่าผมเป็นคนที่พูดอะไรไม่ค่อยคิด หรือว่าบางทีผมอาจจะปล่อยมุกที่ผมคิดว่าคนอื่นตลกแต่เขาไม่ได้ตลกไปกับผม เราก็เลยต้องระมัดระวังในรายการสดให้มากยิ่งขึ้น ถือได้ว่ามันเป็นประสบการณ์ที่ยิ่งใหญ่สำหรับผมเลยก็ว่าได้ แต่ผมก็ไม่ได้เข็ดกับรายการสด เพราะเราอยู่ในวงการนี้เราต้องยอมรับในสิ่งที่เราพูด ในสิ่งที่เราทำ แล้วเอามาพัฒนา ถามว่าเครียดไหมที่คนอื่นมองเราในแง่ลบ จริงๆ ผมเข้าใจ เพราะว่ากับสิ่งที่เราพูด คนส่วนใหญ่เขาก็เลยติดภาพแบบนั้น แต่ผมก็ไม่อยากจะพูดอะไรดีกว่า ผมรู้ดีอยู่กับตัวเองว่าจริงๆ แล้วเราเป็นยังไง ถือว่าเราใช้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ดีกว่า
