“บูม” ลั่นขอ “กีฟ” แต่งแน่นอน ปัดฝ่ายหญิงไม่ใช่คนแรง

“บูม” ลั่นขอ “กีฟ” แต่งแน่นอน ปัดฝ่ายหญิงไม่ใช่คนแรง

     เป็นอีกหนึ่งคู่ในวงการที่ฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ กันมานาน เพราะนอกจากขยันทำบุญร่วมชาติด้วยกันแล้ว ล่าสุด “บูม กิตตน์ก้อง ขำกฤษ” ยังจับธุรกิจเปิดร้านขนมปังเป็นของตัวเอง โดยที่มีสาว “กีฟ ดราภดา โสตถิพิทักษ์” ที่คอยช่วยดูแลร้านอยู่บ่อยๆ เลยต้องถามว่าเป็นการสร้างเนื้อสร้างตัวกันอยู่หรือเปล่า แล้วเมื่อไรจะมีแพลนแต่งงานกันสักที หนุ่ม “บูม” เล่าว่า

     ถ้านับเป็นปีที่เราได้รู้จักกันมา ปีนี้ก็เข้าสู่ปีที่ 7 แต่ว่าเราเพิ่งจะคบกันเป็นแฟนแบบจริงจังก็เมื่อช่วงที่ผมปลดประจำการการเป็นทหารประมาณปี 2559 ซึ่งความหวานที่ผมมีให้เขาก็ยังเหมือนเดิมทุกอย่าง ซึ่งช่วงที่เขาป่วยเป็นไทรอยด์ เราเองก็ได้ตกลงกันตั้งแต่แรกแล้วว่า เราจะทะเลาะกันให้ครบทุกเรื่องก่อน เพราะเมื่อเราทะเลาะกันครบแล้ว สุดท้ายเราก็จะสามารถอยู่ด้วยกันได้ครับ ซึ่งการทะเลาะกันของเราแต่ละครั้งนั้นมันจะต้องมีการคุยกันอยู่ตลอด เพื่อหาเหตุผลว่าทำไมเราถึงต้องทะเลาะกันเรื่องนั้นเรื่องนี้ จากนั้นเราจึงค่อยๆ ปรับจูนกัน และนั่นก็คือวิธีแก้ไขปัญหาของคู่เราครับ แต่ก็เกือบจะปีหนึ่งแล้วนะครับที่เราไม่มีเรื่องให้ทะเลาะกัน นานมากๆ แล้ว เพราะอย่างที่ผมบอก เราทะเลาะกันมาเกือบจะครบทุกเรื่องแล้วจริงๆ แล้วทุกครั้งที่เราทะเลาะกันเราก็ไม่ได้รู้สึกว่าเราอยากจะไปไหน เรามีแต่ความรู้สึกว่าเราอยากจะอยู่ด้วยกัน มันก็เลยทำให้เราผ่านจุดนั้นมาได้

      จากภาพลักษณ์ที่คนภายนอกมองเข้ามาที่คู่เรา ผมว่าเขาเป็นคนตรงๆ แต่ถามว่าเขาเป็นคนแรงไหม อันนี้ผมก็เคยเห็นคอมเมนต์เวลาที่คนวิจารณ์หรือต่อว่าเขานะ ซึ่งเอาจริงๆ แล้วคุณไม่รู้อะไรเลย คุณเห็นแค่เพียงเสี้ยวเดียวแล้วมาตัดสินเขา ผมจึงอยากจะบอกกับทุกคนว่า ถึงแม้บ้านผมจะไม่ได้รวย แต่ผมก็ถูกเลี้ยงมาค่อนข้างดี และถ้าหากวันหนึ่งผมจะต้องรักผู้หญิงสักคน ผมคงไม่เอาผู้หญิงเลวๆ หรือผู้หญิงแบบที่พวกคุณด่ามาเป็นคนในครอบครัวหรือเป็นแม่ในอนาคตของลูกผมหรอกครับ

      แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องขอบคุณด้วย เพราะคุณอาจจะเป็นห่วงผม แต่ก็ไม่ต้องห่วงหรอก เพราะผู้หญิงคนนี้เขาก็ดีมากพอที่จะทำให้ผมเลือกที่จะอยู่กับเขา ก็อาจจะเป็นด้วยข่าวของเขาหรืออาจจะด้วยภาพลักษณ์ที่เขาเป็นนางแบบเซ็กซี่ รวมถึงการที่เขาแสดงละครเป็นนางร้าย มันก็อาจจะทำให้คนตัดสินเขาไปได้ ผมรู้สึกว่าดีแล้วด้วยซ้ำที่เขาไม่พูด เพราะไม่รู้เหมือนกันว่าเขาจะพูดไปทำไม และบูมก็อยากจะบอกด้วยว่า ทุกเรื่องที่ผ่านมา ทุกครั้งที่มีปัญหา บูมรู้รายละเอียดหมดทุกเรื่อง แต่บูมก็เลือกที่จะไม่พูดมาตลอดเหมือนกัน

     ดังนั้นบูมจึงอยากจะบอกเอาไว้ตรงนี้เลยว่า ใครทำอะไรก็แล้วแต่บูมรู้หมด รวมถึงบูมเองก็เคารพในการตัดสินใจของกีฟด้วย เพราะบูมเชื่อว่าสิ่งที่เขาทำนั้นมันคือสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว ซึ่งถ้าหากวันนั้นเขาเลือกที่จะพูดหรือบอกความจริง ผมพูดได้เลยว่าเรื่องนี้ไม่มีทางจบ และกลายเป็นเรื่องใหญ่แน่นอน

       ตอนนี้สำหรับเราสองคนเริ่มวางแผนอนาคตเอาไว้แล้ว คือแต่งแน่นอน แต่ว่าคงยังไม่ใช่เร็วๆ นี้ ขอเวลาเราอีกสักนิดหนึ่ง เนื่องจากธุรกิจที่บูมทำอยู่มันก็เพิ่งจะเข้าสู่ปีที่ 2 บูมก็เลยอยากที่จะให้มันมั่นคงกว่านี้อีกสักหน่อย

      ซึ่งสำหรับ “กีฟ ดราภดา” เล่าว่า ความสัมพันธ์ของเราทั้งคู่ตอนนี้ก็ดีทั้งในมุมมองของเราสองคน รวมถึงมุมมองของคุณพ่อคุณแม่ ซึ่งกีฟรู้สึกว่าบูมเขาเป็นคนที่มีความอดทนมากๆ เนื่องจากว่านิสัยส่วนตัวของกีฟ กีฟเป็นคนที่อารมณ์ค่อนข้างขึ้นๆ ลงๆ กีฟไม่ได้มองว่ามันเป็นความอดทน แต่กีฟมองว่าเป็นความเข้าใจมากกว่า ซึ่งนี่คือข้อดีของเขาเลย

      อีกอย่าง เขาเป็นคนที่ไม่เงียบเวลาเจอปัญหา เขาจะบอกกีฟตลอดว่าเราต้องทำความเข้าใจกับทุกๆ เรื่องที่เกิดขึ้นว่าทำไม และเพราะอะไรเราถึงได้เป็นแบบนี้ เขาเป็นคนที่ทำให้กีฟรู้สึกว่ากีฟสามารถไว้ใจเขาได้ ซึ่งเรื่องนี้คืออีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญมากๆ เวลาเจอเรื่องแบบนี้เราสองคนให้กำลังใจกัน เหมือนเรารู้อยู่แล้วมากกว่าว่าเราเป็นคนแบบไหน เพราะคนส่วนใหญ่เขาจะตัดสินกีฟจากบุคลิกภายนอก อย่างเช่นเรื่องที่กีฟไม่ค่อยยิ้มแย้ม จึงทำให้คนตัดสินว่ากีฟเป็นคนนิสัยไม่ดี เป็นคนหยิ่ง ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงแล้ว ถ้าหากคุณได้มารู้จักคุณจะรู้ว่ากีฟไม่ใช่คนแบบนั้น กีฟเป็นคนอัธยาศัยดีกว่าที่เห็นค่ะ

      โดยส่วนตัวเราคิดว่าข่าวในครอบครัวที่เกิดขึ้นไม่ได้ทำให้เราดูเป็นคนแรง แต่เราเป็นคนตรงมากกว่า คำสองคำนี้มันแตกต่างกัน อย่างเช่นบางคนที่แรงเขาอาจจะแรงโดยที่ไม่มีเหตุผลว่าทำไมเขาจะต้องทำแบบนั้น แต่สำหรับสิ่งที่กีฟทำทุกอย่างที่ทุกคนเห็นคือกีฟคุยกับคุณพ่อตลอด เรื่องการสัมภาษณ์ล่าสุดกีฟก็คุยกับพ่อแล้ว ซึ่งคุณพ่อก็ให้คำแนะนำมาว่าให้กีฟบอกความจริงไปเลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น และเพราะอะไรกีฟถึงต้องทำแบบนี้ แต่สุดท้ายกีฟก็เลือกที่จะไม่พูด ถึงจะมีกระแสโซเชียลเข้ามาต่อว่า แต่กีฟไม่ค่อยเข้าไปดูข่าวสักเท่าไหร่หรอก นอกจากจะมีแฟนคลับมาบอก หรือก็จะมีบางคนอีกเหมือนกันที่เขายอมเสี่ยงตายเข้ามาในอินสตาแกรมกีฟ ซึ่งกีฟก็จะสวนกลับหมดหากคุณเข้ามาพูดอะไรโดยที่คุณไม่รู้ความจริง