YENTED เจ้าของเพลง Her กับเส้นทางทำเพลงจากรั้วม.พะเยา
ในวงการเพลงมีศิลปินหน้าใหม่เกิดขึ้นเสมอ ศิลปินบางกลุ่มก็มีชื่อเสียงโด่งดัง ส่วนบางกลุ่มนั้นก็ยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก ซึ่งหากจะเอ่ยถึงวงป๊อปที่มีชื่อวงกวนๆ ว่า YENTED บางคนก็อาจจะ อ๋อ รู้จักกับพวกเขา แต่บางคนก็อาจจะงงว่าคือใคร มาจากไหน มีเพลงดังอะไร ซึ่งบางคนอาจจะเคยฟังเพลงของศิลปินวงนี้ แต่ยังไม่รู้จักที่มาที่ไปของวง “ดาราเดลี่” มีโอกาสได้พูดคุยแบบ exclusive กับหนุ่มๆ YENTED จึงได้ถามถึงความเป็นมา กว่าจะมาเป็นวงถึงทุกวันนี้มีที่มาอย่างไร ไปติดตามด้วยกัน
ที่มาของวง YENTED
ที่จริง YENTED รวมตัวกันที่จังหวัดพะเยา สมาชิกในวงก็เป็นนักศึกษาที่มหาวิทยาลัยพะเยา ช่วงแรกที่ทำเพลงจะทำกันอยู่ 3 คน คือ ตูน มอส ตอนแรกทำวงประกวดกันแต่ไม่ได้จริงจัง เพิ่งมาจริงจังตอนปี 2 ตอนนั้นผมสมัครเดอะวอยซ์ แต่ไม่ติดก็เลยผิดหวังมา จากนั้นชวนเพื่อนมาทำเพลง ตอนแรกตูนยังเล่นกีตาร์ไม่เป็นตอนปี 1 แล้วค่อยๆ หัดเล่นไปเรื่อยๆ จนเป็น แล้วมอสมีความรู้เรื่องการอัดเพลงได้มาช่วยทางด้านนี้ แล้วผมกับตูนเราเป็นเพื่อนกันตั้งแต่เด็ก แล้วเป็นรูมเมทกันด้วย ก็เลยทำเพลงกัน แล้วก็รวมตัวกันจนได้ แค่อยากได้เพลงเป็นของตัวเอง
ทำไมต้องเป็นชื่อ YENTED
ตอนตั้งชื่อวงมันไม่ได้มีความหมายอะไรพิเศษ พอมีผลงานก็ตั้งไปก่อนเพื่อจะส่งผลงาน ตอนนั้นนั่งอยู่ห้องมอส พอดีเห็นขวดเย็นๆ แล้วนึกถึงทีมฟุตบอล แล้วเห็นหลอดยาฆ่าเชื้อราเย็นเตร็กซ์ แล้วเอามาผสมกันเป็น YENTED จริงๆ จะเปลี่ยนแต่ยังนึกชื่อไม่ออก เพราะยังไม่เข้ากับวง
เพลงแรกที่เริ่มเขียน
เพลงแรกจะช่วยๆ กัน ชื่อเพลง “เริ่มใหม่” แต่เพลงแรกที่ทำกันขำๆ ชื่อเพลงว่า “ไม่ขอ” ปล่อยในซาวนด์คราวด์ เป็นแบบชิวๆ ง่ายๆ แต่ว่าพอแต่งเสร็จก็จะให้ช่วยกันดูว่าเปลี่ยนคำไหม ปรับตรงนี้ดีไหม เพื่อจะได้คำที่ดี คือหัดเขียนมาเรื่อยๆ แล้วค่อยๆ เป็นชิ้นเป็นอัน พอได้อันที่ดีก็ปล่อยไปในช่วงปี 3 ก็ใช้เวลาประมาณ 3 ปีพร้อมที่จะปล่อยออกมา แต่ตอนแต่งเพลงจะแป๊บเดียวแล้วออกมาเป็นเพลงเลย เหมือนเราฝึกมาเรื่อยๆ 3 ปี จนโอเค แล้วก็ปล่อยเพลง
ผลตอบรับของซิงเกิ้ลแรกในตอนนั้น
คือตอนที่ปล่อยเพลงแรกเป็นเพลงที่ได้มาตั้งแต่ ม.6 ได้เอามาเป็นซิงเกิ้ลแรก ลองทำในโปรแกรม ลองปล่อยในเว็บไซต์ดู แล้วจะมีฟีดแบ็คกลับมาเป็นอย่างไร แต่ก็ยังได้โอกาสดีที่โปรเจ็คท์ของ แคท เรดิโอ ที่เขาจะคัดเลือกเพลงที่อินดี้ ไม่ได้อยู่ค่าย ไม่ได้มีอะไร ทุกวันพฤหัสบดีก็จะคัดเลือกไปเปิดในช่วง เลยได้ปล่อยแล้วมีคนบอก ทำไมเพลงนี้รู้สึกเก่า ก็คือตอนเราทำเพลงไม่มีอุปกรณ์อะไรเลย ตอนอัดใช้แค่ไมค์ หูฟัง เอามาอัดกีตาร์ แต่ก็เป็นผลงานแรกที่ปล่อยไป ตอนนั้นจะอัดเพลงด้วยโน้ตบุ๊คแล้วหาโปรแกรม เพื่อมาทำเพลง หาซื้ออุปกรณ์คือ ซาวนด์การ์ด ในการอัดเสียง ออกมาก็โอเค พอปล่อยออกไปก็สู้เสียงของคนอื่นไม่ได้ คิดว่าพอเรามีเงินก็จะซื้ออุปกรณ์ที่ดีกว่านี้
ครั้งแรกที่ได้ฟังเพลงในคลื่นวิทยุ
คือมันเหมือนเป็นก้าวแรก ที่ทำแล้วมีผลตอบรับกลับมาเลยมีกำลังใจที่อยากทำต่อ แล้วมีคนเอาไปเปิดเรื่อยๆ จากนั้นตัดสินใจไปเล่นตามร้านเหล้าเพื่อเก็บเงินซื้ออุปกรณ์ใหม่เอาไว้อัดเพลง ส่วนคอมเมนต์จากคนรอบข้างที่เขาเคยฟังผลงานเรา มันก็จะเป็นอารมณ์ที่เพื่อนฟังกัน ตอนนั้นก็จะประมาณพันกว่าวิว เพื่อนก็จะมีแซวหน่อย แต่ผมมองว่าเป็นการฝึกมากกว่า ไม่ได้คาดหวัง แล้วงานก็จะได้ดีขึ้นเรื่อยๆ
ทำไมถึงเลือกเครื่องดนตรีชิ้นนี้
ตูน : มันน่าจะเป็นเครื่องดนตรีที่ผมจับต้องง่ายที่สุดในตอนนั้น แต่ถ้าเป็นเครื่องดนตรีชิ้นอื่น เช่น ซอ ก็จะเอามาเล่นเหมือนกัน แต่กีตาร์มันใกล้ตัวที่สุดเลยเลือกที่จะเล่น ตอนแรกมันก็ยาก แต่ค่อยๆ ปรับ เรียนรู้กันไป เล่นมาตั้งแต่ปี 56 จนตอนนี้ก็ยังไม่เก่ง ท้อบ้างแต่เล่นไป ท้าทายดี มันจะมีเสน่ห์ของมันอยู่แล้ว จริงๆ ชอบเครื่องดนตรีเยอะมาก แต่ยังไม่มีโอกาสได้เล่น
เจา : เริ่มร้องเพลงตั้งแต่ ม.5 ตอนนั้นเล่นเครื่องดนตรีอะไรไม่เป็น ก็เลือกที่จะไปสมัครวงโรงเรียน แล้วได้ร้องในวันปัจฉิม พอมีสาวกรี๊ดเลยมีแรงบันดาลใจ เลยฝึกมาเรื่อยๆ ตอน ม.6 ก็ไปแข่ง แล้วก็ซ้อมมาเรื่อยๆ แต่เคยอยากจะเลิกร้องเพลงไปช่วงหนึ่ง ตอนนั้นเล่นท่าเยอะ แล้วหน้าทิ่มชนมอนิเตอร์ คนดูกรี๊ด ตอนนั้นเลยอายมาก แต่ก็กลับมาได้
มอส : ตอนนั้นเล่นดนตรี เรียนเล่นเครื่องดนตรีมาก่อน แต่ก็ยังไม่ใช่ พอเห็นรุ่นพี่เล่นแล้วได้ที่ 1 ตลอด เลยคิดว่าเราต้องฟังเพลงอื่นบ้าง ตัดสินใจเข้ามหา’ลัยเรียนสาขาดนตรีต่อ พอจบก็ยังไมรู้ชอบอะไร ก็เล่นไปเรื่อยๆ จนตอนนี้เล่นซินธิไซเซอร์
เพลงที่ทำให้คนรู้จัก YENTED
เพลง “รักจางๆ ที่อ่างแม่ต๋ำ” คือพวกเราไปนั่งเล่นที่อ่างแม่ต๋ำ นั่งกินเบียร์ แล้วนั่งเล่นกีตาร์กัน แล้วทำออกมาได้เป็นเพลงนี้ ตอนตั้งชื่อก็คิดอะไรไม่ออก เขียนที่อ่างแม่ต๋ำก็เลยตั้งชื่อเป็นที่นี่
กระแสของเพลงนี้เป็นอย่างไรบ้าง
ตอนแรกก็เงียบ เพลงนี้แต่งเมื่อปี 2559 พีคที่มีคนไปทวิตเตอร์ว่า ชื่ออย่าดูแค่ภายนอก มีคนสนใจเยอะ แล้วกดเข้าไปดูกัน ตอนแรกเซอร์ไพรส์จากหลักห้าหมื่นมาเป็นสามสี่แสน ก็ตกใจมาก ถ้าจุดเปลี่ยนจริงก็ตอนนั้นไปเล่นที่ Play Yard ได้มาเจอ “พี่เฟิร์ส” ผู้จัดการค่าย จากนั้นก็มีงานมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้คนรู้จักมากขึ้นเรื่อยๆ
เพลงในอัลบั้มเพลงไหนที่ชอบที่สุด
เพลง “ทหาร” รู้สึกว่าเป็นเพลงแรกที่ทำงานกับโปรดิวซ์ด้วย เหมือนกับว่าเปิดโลกได้อีก ปกติจะมโนอยู่ในห้องกันเอง คิดว่าอันนี้คือดี มันเป็นการทำงานที่ใหม่มาก รู้สึกตื่นเต้น รู้สึกดีกับเพลงนี้ และเป็นเพลงแรกที่ปล่อยในนามค่ายด้วย จะฟังเพลงนี้บ่อยสุดในเพลงตัวเอง รู้สึกว่ามันดีที่มีเพลงนี้อยู่บนโลก
รู้สึกยังไงที่คนรู้จักเพลง แต่ไม่รู้จักเรา
ไปเล่นอีเว้นท์สักที่หนึ่ง ปกติเราเล่นเสร็จก็ลงมาถ่ายรูปกับทุกคน แบบเขาไม่รู้คือใคร แต่ก็มาถ่าย ก็เป็นเรื่องที่ตลกดี จะรับมืออย่างไร เราก็ต้องเป็นตังเองให้มากที่สุด ถ้าเราทำให้เรามีตัวตนมากขึ้น เหมือนเราต้องการให้เราเป็นซัมบอดี้ แค่อยากเป็นตัวของตัวเอง ทำเพลงเรื่องๆ แบบนี้มันโอเค ชีวิตของเราคือคนธรรมดา แต่เราคือคนทำเพลง ไม่ต้องมีคนสนใจมากขึ้น จะได้ไม่ต้องให้มีเรื่องปวดหัว ให้วุ่นวาย อยากเป็นเพื่อนกับทุกคนมากกว่า ไม่อยากให้มันเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ อยากให้เป็นเพื่อนมากกว่า ผมชอบเวลาที่คนมารู้จักวงเรา พูดถึงวงเรา รู้สึกได้ยินฟีดแบ็คกลับมาพอเราได้ฟังตรงนี้เราจะได้รู้ว่าเราควรปรับแก้ตรงไหน ใส่อะไร โดยที่เราไม่ต้องไปถามใคร ส่วนเคยน้อยใจไหม ก็ไม่เลย เพราะว่ามันเป็นเรื่องที่เล็กน้อยมากที่เราจะเอาเรื่องที่เราตั้งไว้ให้พังเราคิดว่าไม่ใช่
ถ้าวันนั้นไม่มีโอกาสทำดนตรี วันนี้จะเป็นอะไร
ตูน : ผมคิดว่าคงเป็นเกมเมอร์ เพราะชอบเล่นเกมมาก ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรเลย เรียนก็ไม่รู้จะผ่านหรือเปล่า ถ้าไม่ได้เล่นดนตรีก็คงติดเกมจัด อาจจะมาไม่ถึงแบบนี้ด้วย อาจเป็นคนเสเพล กินเหล้าเมายา หรือพ่อแม่ทำงานอะไรก็ไปทำกับพ่อแม่
เจา : อยากบวชเป็นพระ น่าจะไม่วุ่นวายดี เป็นคนที่ชอบความสันโดษ เป็นคนที่ชอบอยู่คนเดียว น่าจะเหมาะกับการใช้ชีวิตแบบนี้ เคยคิดว่าถ้าร้องเพลงเบื่อแล้วก็จะไปบวช
มอส : อยากขายกาแฟ เพราะชอบกินกาแฟ ถ้าเราไปร้านมันจะได้รสชาติที่ไม่ถูกใจ อยากจะชงแล้วกินเอง
ถ้ากระแสเพลงมันเปลี่ยนไปเราจะรับมืออย่างไร
น่าจะไม่ต้องรับมือ ถ้าเราไปกั้นแม่น้ำใหญ่ขนาดนั้น มันถูกพัดอยู่แล้ว เพียงแค่ว่าเราจะรออยู่แบบนั้นดีกว่า มันเป็นตัวของวงว่าต้องปรับไหม หรือไม่ปรับ เรียนรู้เพิ่มเติมจนมาเป็นเราแบบนั้นให้ได้ นั่นคือการรับที่ดี ไม่ต้องกดดัน ไม่ได้กังวลหรือรู้สึกว่ามันจะเป็นอย่างไร แต่คิดว่าเราก็เป็นตัวของเรา ทำเพลงแบบนี้ไปเรื่อยๆ ผมอยากจะให้แฟนเพลงเสพการเป็นตัวเรามากกว่าในเพลงที่เราทำ เพราะว่าในแต่ละเพลงที่เราทำมันก็ไม่ได้มีทิศทางอะไรที่ชัดเจนอยู่แล้ว แต่ว่าเล่นสดจะชัดเจนกว่าออดิโอ เพราะหลายๆ อย่าง การที่เราจะทำเพลงสักเพลงบางคนชอบแบบนี้ มันทำให้ไม่จำกัดกรอบที่จะกำหนดแนวเพลง กำหนดให้วงต้องแค่เฉพาะจุด แต่ว่าสิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนเลยก็คือ เสียงร้อง แล้วก็สำเนียง ที่ได้ใส่ไปในดนตรี แนวเพลงไม่ได้ซีเรียสเท่าไร แต่แนวหลักจะเป็นป๊อป เรื่องดนตรีไม่เท่าไร แต่เนื้อเพลงจะให้เป็นป๊อปมากที่สุด เพราะมันสามารถเข้าถึงทุกคนได้
YENTED ในอีก 10 ปีข้างหน้า
ตูน : น่าจะเป็นโลกมากขึ้น คิดว่าแก่แล้วจะทำทำไม แต่ผมไปเจอคลิปหนึ่งที่คนแก่เล่นสเก็ตบอร์ด ลุงบอกนั่นคือความสุข ก็รู้สึกว่าอันไหนที่มีความสุขควรทำต่อ และตอนนี้ก็จะทำต่อ อายุมันไม่ได้สำคัญอะไร ที่เป็นความสุขก็ควรที่จะทำ
เจา : ไม่ได้มีเป้าหมาย ผมคิดว่าเหนื่อย การที่เราตั้งเป้าว่าเราจะเป็นแบบนี้แบบนั้นใน 10 ปีข้างหน้า จะทำให้เราเร่งรีบ คิดว่าเราน่าจะไม่ตั้งเป้าหมาย ให้เรามีความสุขแบบนี้ไปเรื่อยๆ ในแต่ละวันของปัจจุบัน ทำให้เราเพลิดเพลินไปกับมัน ถ้าเราตั้งเป้าจะทำให้ชีวิตเราอยู่ในกรอบมากเกินไป
ติดตาม “YENTED” ได้ทางเฟซบุ๊ก ทางยูทูบ อินสตาแกรม @yen_ted และจะมีผลงานมาใหม่เร็วๆ นี้ ฝากติดตามด้วย
