“เป้ย ปานวาด” รับเสี่ยงเป็นโรคซึมเศร้า ขอบคุณ “หนิง ปณิตา”คอยให้กำลังใจ
มีอาการมาม่าบลูหรือสภาวะซึมเศร้าหลังคลอดเลยต้องรีบไปพบคุณหมอจิตแพทย์เพื่อรักษาโดยเร่งด่วนเหตุเพราะมีภาวะเสี่ยงเป็นโรคซึมเศร้าได้นั่นเอง สำหรับ “เป้ย ปานวาด เหมมณี” ซึ่งล่าสุดเจ้าตัวก็ได้ออกมาเผยเรื่องนี้พร้อม “หนิง ปณิตา ธรรมวัฒนะ” ที่คอยให้กำลังใจอยู่ตลอดว่า
“เป้ย” ได้เป็นมาม่าบลูตั้งแต่คลอดลูกคนแรกอย่าง “น้องโปรด” แล้วก็รู้ตัวเองว่าอาการเป็นยังไงแต่ต้องทำไม่ให้รู้สึกแย่หากคิดอะไรอยู่ก็ต้องเปลี่ยนให้สนุกและไม่กล้าบอกคนอื่น “หนิง ปณิตา” ก็เวลาไปหาเขาที่บ้านจะเห็นเขานั่งแปลกๆ คิดว่าเป็นมาม่าบลูหรือเปล่าแต่ไม่กล้าถามแต่พอจะกลับแล้วเขามากอดจะสัมผัสได้ว่าแปลกๆ
“เป้ย” ตนไม่อยากเป็นเด็กขี้แยเดี๋ยวเขาจะเป็นห่วงและจริงๆ ไม่อยากต้องมานั่งแย่กับอาการนี้ต้องสู้กับมันให้ได้แต่อีกมุมนึงมองเป็นสิ่งที่ดีที่สามารถแชร์ให้กับคุณแม่ที่กำลังจะเป็นได้บางคนไม่รู้วิธีแก้อาจถึงขั้นฆ่าตัวตายได้ตนในฐานะเป็นแม่ก็อยากแชร์ว่าสามารถแก้ไขได้ส่วนตัวมีปรึกษาคุณหมอจิตแพทย์และทานยาก็ห่วงความรู้สึก “น้องโปรด” เพราะเขารับรู้ได้แต่กับ ”น้องปาลิน” ยังไม่เท่าไหร่ก็ต้องผ่านให้ได้โดยอาการนี้ไม่มีใครรู้ว่าเป็นมีแต่สามีและคุณหมอประจำตัวทุกวันนี้ก็ยังเป็นอยู่แต่ดีขึ้นเรื่อยๆอย่างที่บอกอยากให้กำลังใจคุณแม่ที่ประสบปัญหานี้ถ้าใครเป็นค่อนข้างรุนแรงและอยากให้คนข้างๆให้กำลังใจคนที่เป็นต้องคิดอะไรที่สนุกและแฮปปี้ พร้อมเผยสามารถพัฒนาเป็นโรคซึมเศร้าได้ก็ขึ้นอยู่กับตัวเองที่ต้องสู้เพราะโรคทุกอย่างถ้าเป็นจะหายได้แต่ต้องมีกำลังใจที่ดี
“หนิง” ถ้าว่างก็จะไปหาเขาเพราะห่วงความรู้สึกอย่าง “น้องโปรด” เขาจะสัมผัสได้ก็ต้องเน้นหลานไว้ก่อนแต่การที่ “เป้ย”ได้พูดได้แชร์แล้วบอกต่อก็ดีอย่าไปมองเป็นดราม่าต้องมองในมุมกลับที่บางคนเป็นแล้วไม่กล้าออกมาบอกเพราะอายแต่กลับกันคนที่เป็นแล้วออกมาพูดหรือแชร์เป็นสิ่งที่ดีการบอกต่อเหมือนได้ช่วยคนอีก
ทั้งนี้ “เป้ย” ได้เผยเรื่องที่สามี “ป๊อป นิธิ บุญยรัตกลิน” ลาออกจากราชการว่าก็วันแถลงข่าวฝ่ายชายพูดไปเรียบร้อยแล้วตนก็ให้กำลังใจอยู่เบื้องหลังไม่ขอพูดเรื่องนี้มองเป็นเรื่องละเอียดอ่อน
ส่วนทาง “หนิง” ยิ้มปลื้มลูกสาว “น้องณิริน” ทำพิธีกรรายการของตัวเองฮอตมากตอนนี้ขำๆรู้สึกอายตนก็เลี้ยงลูกแบบให้เขาทำในสิ่งที่อยากทำและคุยกับลูกทุกวันเหมือนเป็นเพื่อนและอยากให้ดูอีพีที่จะถึงนี้จะแฉเรื่องอะไรของพ่อแม่อีกก็อยากให้ดูทั้ง “ณิริน” และ “เป่าเปา” ก็แฉ “กุ๊บกิ๊บ”ก็เอาที่สบายใจเลย
โดยทาง “เป้ย” ก็รู้สึกปลื้มแทนหลานและชอบมากที่อีกฝ่ายกลัวโตเกินวัยไปหรือเปล่าตนก็ไม่ได้มองแบบนั้นมองว่าเด็กมีความสามารถต้องให้ออกมาโชว์จะไปปิดกั้นความสามารถไม่ได้เวลาโดนว่าก็อย่าไปนอยด์หรือคิดเยอะ “หนิง” เผยทิ้งท้าย ก็ปลื้มแต่เวลาสอนก็ให้เป็นธรรมชาติที่สุดให้เขาทำก่อนแล้วมาบอกว่าผลเป็นอย่างไรลิมิตก็มีประมาณนึงอย่างเรื่องละครก็จะไม่ให้เล่นแล้วแต่พิธีกรก็ดูสัญญาว่าจะถึงไหนมองว่าเขายังเด็กไปหน้าที่ของเขาคือเรียนหนังสือเที่ยวเล่นกับเพื่อนไม่ใช่ต้องมาทำงานแบบนี้เวลาทำงานพิธีก็ให้ทำแบบฟรีสไตล์โปรดิวเซอร์แค่ให้คำถามเปิดไปที่เหลือเขาก็จะถามต่อเอง
