เปิดเส้นทางก่อนจะดังของลูกทุ่งสาว “เปาวลี” กับชีวิตที่ไกลเกินฝัน
จังหวัดสุพรรณบุรีเป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่ถูกยกให้เป็นเมืองของศิลปิน นักร้องที่แจ้งเกิดและประดับวงการบันเทิงไว้ มากมายไม่ว่าจะเป็น ราชินีลูกทุ่งผู้ล่วงลับอย่าง “แม่ผึ้ง พุ่มพวง ดวงจันทร์” “แอ๊ด คาราบาว” “ตูน บอดี้แสลม” “แดน วรเวช” “กัน นภัทร” และอีกมากมาย วันนี้ “ดาราเดลี่” จะพาไปเปิดประวัติศิลปินลูกทุ่งสาวเสียงดีสายเลือดสุพรรณอีกหนึ่งคน กับ “เปา เปาวลี พรพิมล” ถึงเส้นทางในวงการบันเทิงกัน
Q: พูดถึงชีวิตในวัยเด็ก
A: ต้องบอกว่าเป็นเด็กที่ซนมากเลย ตอนเด็กๆก็จะตัดผมสั้นเหมือนผู้ชาย เวลาพ่อแม่พาไปขายของตามตลาดนัดส่วนใหญ่คนจะเรียนกว่าไอ้หนุ่มๆ เรียกเหมือนเด็กผู้ชาย คนอื่นก็คิดว่าเป็นเด็กผู้ชายเพราะแต่งตัวแบบใส่กางเกงเจเจ
ขายาว ใส่เสื้อตัวใหญ่ๆ มาตั้งแต่เด็กๆ เป็นสไตล์ที่แม่แต่งให้ เพราะว่า “เปา” มีพี่ชาย พี่ชายก็แต่งตัวเหมือนกันเลยแต่งเหมือนคู่แฝดกัน แล้วก็พี่เรียบร้อย แต่เราเองเหมือนลิงเหมือนผู้ชาย จะโดนตีบ่อยมาก ก้านมะยม ไม้แขวนเสื้อ
Q: ความฝันในวัยเด็ก
A: จำได้ว่าตอนเด็กๆ คุณครูให้เขียนในสมุดพกว่าโตขึ้นอยากเป็นอะไร เราก็เขียนไป จำความได้ว่าตอน ป.1 เขียนไปว่าอยากเป็นธนาคาร คุณครูก็บอกว่าหนูธนาคารเป็นไม่ได้นะลูก เป็นแบบว่าบัญชีอะไรแบบนี้ก็เขียนไปในตอนนั้น แต่ว่า พอเริ่มโตขึ้นมา “เปา” ก็เริ่มรู้ตัวว่าชอบร้องเพลง ก็เลยอยากจะเป็นนักร้องตอนประมาณ 9ขวบ
คุณแม่เห็นแววไหม ก็เริ่มจากคุณพ่อคุณแม่เห็นแววเลย เริ่มส่งให้ขึ้นเวทีอย่างงานปีใหม่ในตลาดก็ให้ลูกขึ้นไปร้องเพลงให้คนอื่นฟัง ซึ่งก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้คนอื่นเห็นว่าร้องเพลงได้ เวลามีงานอะไร ก็จะให้วานเราขึ้นร้องให้หน่อย จนเริ่มส่งเข้าประกวด ในเวทีต่างๆ ตอนนั้ไม่ถึงขั้นว่าเพราะมาก ว่าจำได้ว่าช่วงตอนเด็กๆ ร้องพอเข้าทำนองได้ เอื้อนได้ แม่ก็จะฝึกเรื่องลูกเอื้อนในสไตล์ลูกทุ่งก็ร้องคาราโอเกะที่บ้าน แม่ก็จะเป็นติวเตอร์ให้คอยคอมเมนต์ให้
Q: พูดถึงเส้นทางสู่การบันเทิง
A: เส้นทางก็เริ่มตั้งแต่ 9 ขวบ เริ่มตั้งแต่ขึ้นเวทีประกวดเวทีแรกที่ “เปา”ได้เข้าประกวด เป็นเวทีใกล้ๆบ้านอยู่หน้าอำเภอ เวทีนั้นจำได้ว่าแม่ก็ขึ้นประกวดด้วย “เปา”ร้องรุ่นของเยาวชน แต่แม่ร้องในรุ่นประชาชนทั่วไป ซึ่งได้ที่สองทั้งคู่เลย แล้วคนที่มาดูก็เป็นชาวตลาดด่านช้าง แล้วก็มีญาติๆ มาเชียร์ พี่ชายมานั่งเชียร์ เวทีแรกจำได้เลยว่าขามันสั่นมาก เสียงสั่นแต่ก็ร้องต่อไปได้ เรามีความสุขทุกครั้งที่ได้ร้องเพลงบนเวที ถึงแม้จะตื่นเต้น แล้วแรกๆก็ชอบกลืนน้ำลายเวลาร้องอยู่ ก็กลืนน้ำลายเพราะตื่นเต้น เลยรู้สึกว่าเวทีนี้ไม่ดีเลย อยากขึ้นเวทีต่อๆ ไป ทำให้เรารู้สึกว่าการได้ขึ้นเวทีการได้เจอแฟนๆหน้าเวทีมันสนุกมีความสุขด้วย
Q: ผลงานที่สร้างชื่อเสียง ทำให้คนรู้จัก “เปาวลี” คือผลงาน
A: คนรู้จัก “เปา” จากภาพยนตร์เรื่อง “พุ่มพวง” เพราะเป็นงานแรกเลย พอเซ็นสัญญากับแกรมมี่แล้ว ก็ได้มีโอกาสเล่นหนังเป็นอันดับแรก ดีใจที่ได้รับโอกาส ที่ไมคิดไม่ฝันว่าเราจะเล่นหนังได้ เพราะว่าตั้งแต่เด็กจนโต พอมีกิจกรรมที่ให้เล่นละคร วันภาษาไทย หรือวันภาษาอังกฤษ เราจะไม่กล้าแสดงออกเลย แต่ถ้าร้องเพลงร้อง ได้ก็ ไม่คิดว่าวันหนึ่งจะได้เล่นหนังแสดงเป็น “แม่ผึ้ง พุ่มพวง ดวงจันทร์” มันเกินความฝันเรามาก แล้วก็ทำให้ทุกคนได้รู้จักเราจากเรื่องนี้ด้วย เป็นงานแรกเลยที่พลิกชีวิต “เปาวลี พรพิมล” เราเดินทางมาไกล สำหรับการตามหาความฝันตั้งแต่ 9ขวบ จนอายุ 18- 19 ปี ก็ถือว่าคุ้มค่ากับการอดทนฝึกฝน แล้วก็หาประสบการณ์ในที่ต่างๆ พอทำงานในตรงนี้แล้วรู้สึกดีใจที่ทุกคนเห็นผลงานเราแล้วทุกคนเปิดใจต้อนรับเราให้ทำงานในวงการบันเทิง ก็ถือว่าเป็นการปูทางมาดี (ยิ้ม)
Q: ผลงานที่อยากจะทำแต่ยังไม่มีโอกาสได้ทำ ตอนนี้มีงานอะไรที่อยากจะทำแล้วยังไม่มีโอกาสได้ทำ
A: จริงๆก็มีหลายอย่างที่อยากทำ อย่างเป็นพิธีกรอาหารมันเป็นอะไรที่เราชอบ แล้วก็มีโอกาสบ้างเล็กๆ น้อยๆ ที่เวลาไปถ่ายเขาให้เรารีวิอาหาร แล้วที่อยากทำอีกก็น่าจะเป็นธุรกิจส่วนตัว ที่เดี๋ยวนี้คนเค้าก็ทำกันควบคู่แล้วก็ละครเวที ที่อยากลอง ซึ่งก็มีติดต่อมาแต่ยังไม่มีโอกาสได้ทำจริงๆ
Q: แรงบันดาลใจ ต้นแบบในการใช้ชีวิตคือใคร
A: ต้นแบบการใช้ชีวิตอันดับแรกคนใกล้ตัวเลยก็คือ คุณพ่อ คุณแม่ เพราะถึงแม้จะสถานะปานกลาง พอมี พอกิน แต่ก็มีความสุข ทำให้ทุกคนในครอบครัวมีความสุข แล้วแม่ก็จะสอนเรื่องความพอเพียง ถึงแม้จะเป็นคนที่ทุกคนรู้จักแล้วในตอนนี้แม่ก็จะสอนให้เรารู้จักความพอเพียง ไม่ได้ถึงกับประหยัดจนเกินไป แค่พอใจในสิ่งที่เรามีอยู่ตอนนี้ ถึงจะไม่ได้ดังมากแต่อยู่ตรงนี้แล้วมีความสุขก็พอใจแล้ว ขอบคุณแรงเชียร์จากแฟนคลับที่คอยสนับสนุนมาโดยตลอด
อยู่วงการตอนนี้ก็ 7– 8 ปี ส่วนตัวที่คิดว่ายังยืนอยู่ทุกวันนี้ได้เพราะแฟนเพลง เพราะถึงมีผลงานแต่ไม่มีคนคอยสนับสนุน คนที่คอยให้กำลังใจ คนที่คอยติดตาม ถึงแม้จะเป็นกำลังใจเล็กๆน้อยๆ แต่ก็ยังทำให้รู้สึกว่า ยังทำงานตรงนี้ต่อไปได้ ว่าจะมากหรือน้อยก็ตาม สำหรับคนที่ไม่ได้เจอกัน แต่คอมเม้นท์ให้กำลังใจกัน “เปา”ก็ขอบคุณมากๆที่เอ็นดู “เปา” แล้วก็ขอบคุณญาติพี่น้องชาวอำเภอด่านช้างที่คอยสนับสนุน “เปา”มาตั้งแต่แรกๆ ก็ขอบคุณมากๆ