“แพท” เล่าวินาทีอุ้ม “เรซซิ่ง” เข้าเยี่ยม “เบนซ์” แบบใกล้ชิด

“แพท” เล่าวินาทีอุ้ม “เรซซิ่ง” เข้าเยี่ยม “เบนซ์” แบบใกล้ชิด

       ถือเป็นครั้งแรกที่ได้อุ้มลูกชายหัวแก้วหัวแหวนอย่าง “น้องเรซซิ่ง” เข้าเยี่ยม “เบนซ์ เรซซิ่ง” หรือ “อัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช” หลังจากทางเรือนจำได้เปิดให้เข้าเยี่ยมแบบใกล้ชิด สำหรับคุณแม่สุดสตรองอย่าง “แพท ณปภา ตันตระกูล” ล่าสุดเจ้าตัวก็ได้ออกมาเผยเรื่องนี้พร้อมอัพเดทพัฒนาการลูกให้ฟังว่า

       ก็กำลังซนพอเดินได้ก็ไม่ยอมนั่งไม่ยอมให้อุ้มตอนนี้เป็นหน้าที่ตนที่ต้องวิ่งตาม ซึ่งตนก็ต้องมีฟิตร่างกายบ้างหลังจากก่อนหน้านี้แค่อุ้มน้ำหนักก็ปาเข้าไป 11 กิโลกรัมแล้ว  กับเรื่องเรียนก็กำลังเดินหาให้อยู่และมีปรึกษาหลายคน ซึ่งมองว่าเรื่องเรียนของน้องก็สำคัญแต่อยู่ที่การเดินทางด้วย เพราะถ้าเดินทางไปเรียนไกลจากบ้านมากก็อาจจะทำให้ไม่รู้สึกสนุกได้ โดยตั้งใจจะให้เรียนโรงเรียน 2 ภาษา คาดอีกประมาณเกือบๆ 2 ปี น้องก็จะเข้าโรงเรียนแล้ว กับเรื่องค่าเทอมก่อนมีลูกตนก็ทำงานเก็บเงินให้แม่กับพี่ เพราะรู้ว่าต้องใช้เงินรักษาเขาทั้งสองคน แต่ตอนนี้ต้องเก็บเงินให้ค่าเล่าเรียนลูกแล้ว และมีการแพลนเรื่องการรับงานของตนไว้เรียบร้อยแล้ว

       สำหรับเรื่องที่ล่าสุดได้อุ้ม "เรซซิ่ง" ไปเยี่ยม "เบนซ์" ในเรือนจำแบบใกล้ชิดนั้น ส่วนตัวรู้สึกตื่นเต้นเพราะไม่เคยได้เข้าไป 1 ปี จะมีการอนุญาตแค่ครั้งหนึ่งและทางแม่ "เบนซ์" เป็นคนจัดการให้เลยพาน้องเข้าไปด้วย และไม่แน่ใจว่าปีนี้จะมีถึง 2 ครั้งหรือเปล่า ซึ่งพอขั้นตอนก่อนที่จะเข้าไปจะมีการตรวจเช็กทุกอย่าง และได้ไปเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา โดยทางน้องเองเขาก็รู้เรื่อง ตอนนี้ไม่งอแงสามารถอยู่กับพ่อเขาได้ และใช้เวลาอยู่กัน 2 ชั่วโมง ด้าน "เบนซ์" ตอนเจอลูกเขาก็แฮปปี้ไม่ได้ร้องไห้แต่เขามีความสุข เพราะไม่ได้เจอแค่ตนและลูกยังได้เจอครอบครัวเขาด้วย โดยที่ผ่านมาเวลาไปเยี่ยมจะคุยกันผ่านกระจกแต่ครั้งนี้ได้อยู่ใกล้กันกินข้าวกัน เขาได้อุ้มลูกไม่ปล่อยและไม่ได้ร้องไห้

       ส่วนตัวรู้สึกแฮปปี้มาก โดยทาง "เบนซ์" ได้พูดกับลูกว่า อย่าดื้อกับแม่นะ แม่เหนื่อย  พร้อมเผยตนได้บอกให้อีกฝ่ายเข้มแข็งและจะดูแลลูกเต็มที่และได้บอกเขาเดี๋ยวก็ได้ออกมา ด้านคดีความตอนนี้ก็รอขึ้นศาลแต่ยังไม่ได้ตัดสิน น่าจะอีก 2-3 เดือน ส่วนตัวอย่างที่บอกไม่ได้รู้เรื่องนี้เลย เพราะทางบ้านอีกฝ่ายจะเป็นคนจัดการเรื่องคดี ซึ่งทางบ้านก็ไม่ได้บอกรายละเอียดให้ทราบ เขาคงคิดว่าตนเลี้ยงลูกเหนื่อยไหนจะทำงานอีก และเหมือนตอนนี้จะทำงานทุกวันเลยไม่ค่อยได้พาลูกไปเจอคุณย่าสักเท่าไหร่ด้วย ยิ้มปลื้มอีกฝ่ายได้บอกว่า รักเหมือนเดิม ตอนเยี่ยมเสร็จ แต่เขาไม่ได้บอกให้รอแค่บอกว่ารักก็โอเค ทุกวันนี้ตนก็ยังทำหน้าที่ของแม่ของลูกเป็นภรรยาเขาอย่างเต็มที่ เท่าที่ผู้หญิงจะทำได้ ยืนยันยังรักเขาเหมือนเดิมเช่นกัน