เปิดเส้นทางสายดนตรีของผู้หญิงตาดำๆ “พั้นช์ วรกาญจน์”

เปิดเส้นทางสายดนตรีของผู้หญิงตาดำๆ “พั้นช์ วรกาญจน์”

0

เปิดเส้นทางสายดนตรีของผู้หญิงตาดำๆ “พั้นช์ วรกาญจน์”

   เพราะเกิดในครอบครัวนักดนตรี เลยทำให้ชีวิตผูกพันกับเสียงเพลง และรักในการร้องเพลงมาตั้งแต่เด็กๆ สำหรับนักร้องสาวเสียงดี “พั้นช์ วรกาญจน์ โรจนวัชร” แต่กว่าจะประสบความสำเร็จได้อย่างทุกวันนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ วันนี้ “ดาราเดลี่” จะพาไปเปิดประวัติพร้อมย้อนวันวานเส้นทางในวงการบันเทิงของสาว “พั้นช์” กัน

พั้นช์ วรกาญจน์ เส้นทางสายดนตรี

   “พั้นช์” เผยชีวิตในวัยเด็กก็จะอยู่กับครอบครัว ที่เป็นนักดนตรี เป็นครอบครัวดนตรี วัยเด็กเราก็จะเป็นเด็กที่ซนๆ เล่นเหมือนเด็กผู้ชาย มีเพื่อนผู้ชายเยอะ และก็มีโอกาสได้ไปร้องเพลงกับครอบครัวในงานต่างๆ ตามงานแต่ง งานบวช งานวัดอะไรแบบนี้ เราจะไปหมดเลย ด้วยความที่ตื่นมาก็เห็นครอบครัวเขาซ้อมดนตรี เราก็ซึมซับ พอเห็นเขาเล่นก็ไปยืนดูเขา ประจวบกับที่พ่อเป็นนักร้อง พ่อเห็นเราชอบ พ่อก็เริ่มสอนให้ลองร้องเพลงคอยแนะนำการร้อง เหมือนเป็นครูคนแรก

พั้นช์ วรกาญจน์ เส้นทางสายดนตรี

   จุดเริ่มต้นเข้ามาในวงการ ตอนนั้นเข้ามาเพราะประกวดร้องเพลงก็ประกวดกับรุ่นพี่ ตอนนั้นไม่ได้รางวัลนะ แต่มีพี่แกรมมี่คนหนึ่งไปเห็นในงานนั้น เขาก็เลยชักชวนมาเข้าแกรมมี่ดู เหมือนเขาสนใจก็เลยเริ่มเซ็นสัญญา ตัดสินใจนานไหม ตอนนั้นไม่นาน เพราะเราชอบร้องเพลงอยู่แล้ว แล้วพอมีพี่ที่อยู่กับบริษัทแกรมมี่ติดต่อมา เราคิดว่าเป็นโอกาสที่เรามีโอกาสได้ร้องเพลงแบบจริงจัง ตอนนั้น เซ็นสัญญาไว้ 5 ปี เราได้ออกปีที่ 4 พอดี (ยิ้ม)

พั้นช์ วรกาญจน์ เส้นทางสายดนตรี

   ความฝันในวัยเด็กของเราคืออะไร ตอนนั้นก็ยังเด็ก เซ็นสัญญาตอนอยู่ ม.4-ม.5 เราไม่ได้รู้เรื่องว่าเราต้องทำอะไรบ้าง แต่เขาจะมีตารางเวลาให้เรา ว่าเราควรไปเรียนร้องเพลง เรียนเต้นในเวลานี้ ซึ่งเราไม่ได้ทำอย่างที่เขาให้ทำ เพราะเรามีงานร้องเพลงของเราอยู่ที่บ้านกับครอบครัว แล้วระยะทางที่เราจะต้องไปเรียนร้องเพลงหรือเต้น เพราะมันไกล ค่าใช้จ่ายมันสูง เราก็เลยไปเป็นบางครั้ง เราก็ค่อนข้างที่จะแหกกฎพอสมควร ทางพี่ในแกรมมี่ก็ให้เราเลือกเอาว่าจะร้องเพลงแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ หรืออยากจะมีผลงานให้คนอื่นได้เห็นแล้วสร้างรายให้กับตัวเอง

พั้นช์ วรกาญจน์ เส้นทางสายดนตรี

   ทางครอบครัวว่ายังไงบ้างที่แกรมมี่ให้เซ็นสัญญา ครอบครัวเป็นครอบครัวดนตรีอยู่แล้ว เขาก็สนับสนุนเต็มที่ ก็คือจากที่เซ็นไป 5 ปี ได้ออกปีที่ 4 เขาก็เริ่มไม่ตื่นเต้นกันแล้ว ด้วยความที่เราต้องมีสกินเทสต์ เราอยู่ม.ปลายเราทำสีผมได้ แต่เพื่อนทำไม่ได้ แต่ทำไมเราถึงทำได้ ก็เลยต้องบอกเขาว่าเราได้มีโอกาสเข้ามาในแกรมมี่นะ จนเรียนจบเราก็ยังไม่ได้ออกอัลบั้ม เพื่อนก็คิดว่าเราโกหกหรือเปล่า จริงๆ ก็ใช้เวลานานพอสมควร แต่เราไม่ได้บอกใครเลย ว่าเราทำอัลบั้มอยู่ จนกระทั่งรายการเพลงออกมา เพื่อนๆ ก็ถามว่าใช่เราไหม เขาก็ถามว่าทำไมไม่บอกเลย แต่เขาก็เห็นรถตู้มารับมาส่งอยู่ช่วงหนึ่ง แต่เราไม่บอกใคร เพราะกลัวบอกแต่ไม่ได้ออกอัลบั้ม

พั้นช์ วรกาญจน์ เส้นทางสายดนตรี

   ผลงานชิ้นแรกที่เราได้ทำตอนนั้นคืออะไร

   ได้ออกอัลบั้ม “คำขอของผู้หญิงตาดำๆ” ซิงเกิ้ลแรก พออัลบั้มนี้ออกไป ด้วยความที่ MV เป็นแบบขับมอเตอร์ไซค์แข่ง แบบสก๊อยนิดๆ มันก็เลยเป็นภาพจำว่า “พั้นช์” เป็นแบบนั้น ก็ต่างจังหวัดจะชื่นชอบเรามากแล้วค่อยๆ ขยับเข้ามาในกรุงเทพฯ กระแสตอบรับตอนนั้นคือดีมาก คือไม่คิดว่าจะมีคนให้การต้อนรับเราขนาดนั้น เพลงของเราจะไปขึ้นชาร์ตอันดับ 1 ที่ต่างจังหวัดทั้งหมดเลย แล้วค่อยๆ ขยับมาเป็นเพลง “เราคงต้องเป็นแฟนกัน” คนก็จะรู้จักเรามากขึ้น พอเราออกอัลบั้มชุดสองมาต่อกัน ก็กลายเป็นว่าคนจะรู้จักเรามากขึ้นอีก

พั้นช์ วรกาญจน์ เส้นทางสายดนตรี

   ทางด้านผลงานการแสดงครั้งแรกในชีวิตเป็นภาพยนตร์หนังผี ตอนนั้นก็มาแบบงงๆ คือพี่ทาง GTH ติดต่อมา คือให้มาเล่นหนังผีกับ “เต๋อ ฉันทวิชช์ ธนะเสวี” คือเราชอบดูหนังผี แต่กลัวผี ก็เลยอยากรู้วิธีว่าการทำงานของหนังผีเป็นยังไง ตอนนั้นเล่นเรื่อง “โปรแกรมหน้าวิญญาณอาฆาต” ตามด้วย “ทัดดาวบุษยา” คือปฏิเสธไปหลายครั้งมาก แต่พี่เขารอเรามาจนเราเริ่มเกรงใจก็เลยรับเล่น

   วิธีการปรับตัวยังไงบ้าง

   ตอนที่ได้มาเป็นศิลปินพออยู่ไปนานๆ ก็จะชินไปเอง เราใช้ชีวิตเหมือนเดิม ปกติๆ แตกต่างไปจากเดิม ก็มีคนมารู้จัก มาชื่นชอบเรามากขึ้น มีแฟนคลับติดตามเรา แต่ว่าชีวิตความเป็นอยู่ก็ไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิมแต่ว่ามันดีขึ้น

พั้นช์ วรกาญจน์ เส้นทางสายดนตรี

   อยู่ในวงการมากี่ปีแล้ว

   13 ปี จริงๆ จำไม่ได้ แต่แฟนคลับจะคอยบอกเราว่าครบกี่ปีแล้ว ก็มีแฟนคลับตั้งแต่ตอนเรียน จนตอนนี้แต่งงานมีครอบครัวกันไปหมดแล้ว คือเรามาตั้งแต่ยุครุ่นๆ ที่น้องเขาอยู่ม.ปลาย ก็จะเปลี่ยนไปแต่ละปีๆ บางคนก็ยังเหนียวแน่นอยู่ นานๆ สิ่งที่อยากจะทำ แต่ยังไม่มีโอกาสได้ทำ คือ อยากพากย์หนัง พากย์การ์ตูนดูคงสนุกดี แต่ถ้าให้เป็นพิธีกรคงเป็นไม่ได้ เพราะเราเป็นคนพูดเร็ว สุดท้ายฝากผลงาน ก็ขอบคุณมากๆ สำหรับการสนับสนุน ขอบคุณกำลังใจที่มีให้ และไปทุกๆ ที่ หลายๆ คนยังไม่ลืมผลงานของ “พั้นช์” แล้วก็รวมถึงยังคิดถึงผลงานใหม่ๆ ของ “พั้นช์” อยู่ ต้องขอขอบคุณที่ยังไม่ลืมกัน อยากให้อยู่เป็นกำลังใจและรักกันไปนานๆ แบบนี้ไปตลอด

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Comments