“ลาล่า” หวิดสิ้นชื่อระหว่างไปทำบุญ
“ลาล่า อาร์สยาม” หรือ “ขวัญนภา เรืองศรี” นักร้อง-ดาราเผยกรณีเกือบถูกยิงหลังหลงทางที่จังหวัดราชบุรีเพื่อไปทำบุญ ว่ารอดมาอย่างปาฏิหาริย์ เธอเผยว่า
เหตุการณ์ในวันนั้นทุกคนเห็นแล้วก็ตกใจไปพร้อมๆ กันกับลาล่า พอดีวันนั้นลาล่าจะไปทำบุญวันเกิดลูลู่ ปกติวันเกิดของลู่กับวันเกิดของล่าก็จะไปทำบุญวันเกิดไม่ว่าจะเป็นวัดต่างๆ สถานสงเคราะห์ต่างๆ ก็เลยเลือกไปทางราชบุรีไปทำที่วัดก่อน จะไปใส่บาตรเช้า
ทีนี้ก็นัดกันตอนเช้า ซึ่งในการเดินทางทุกเช้าเราก็ต้องทำการบ้านก่อนว่าเราจะไปสถานที่ตรงนี้ๆ เราจะต้องจิ้ม GPS แล้วว่าใช้เวลา 1 ชั่วโมงกับ 48 นาที เราก็เลยไปคนเดียวดีกว่า เพราะว่าถ้าไปขึ้นรถบ้านลู่กว่าจะตื่นตี 3 อาบน้ำเสร็จแต่งตัวตี 4 ออกรถตี 5 เท่ากับว่ามันเร็วเกินไป ก็เลยไปเอง เพราะก่อนหน้านี้เคยไปแล้วก็หลงแบบนี้
ด้วย GPS แต่เราก็ฝืนวันนั้น เพราะวันนั้นมีลูลู่ไปด้วย ครั้งแรกที่นำทางไปมันบอกว่าอีก 2 กิโลถึง มันก็เป็นป่า เราก็อีกนิดนึงลู่อีกนิดนึง สุดท้ายก็ไปจนถึงแต่เข้าทางหลังวัดเราก็เลยชะล่าใจว่า อ๋อเราไม่ได้มานานสงสัยหญ้ามันจะขึ้นทางมันเปลี่ยน เราก็พยายามที่จะฝืนแต่ก่อนที่จะฝืนมันพาล่าหลงหลายรอบมาก พาเข้าอีกซอยหนึ่งแล้วก็วนซ้ายวนขวาแล้วก็กลับมาที่เดิม
เราหลงจนน้ำมันรถเกือบหมดถัง เราก็พยายามที่จะไปให้ได้ แต่พอไปถึงจุดนั้นลาล่าลงจากรถแล้วพยายามดูรถ คือ 1. เราได้นำบุญจากหลวงพ่อวัดสมุทรปราการท่านได้ฝากของข้าวสารอาหารแห้งของใช้ต่างๆ สำหรับน้องๆ พิการซ้ำซ้อน เพราะเดี๋ยวเราต้องไปหาน้องๆ อีก รถมันโหลดมันหนักมาก ขับเร็วไม่ได้เพราะว่าหลายๆ คนบอกว่ารถมันสูงมันเป็นรถ SUV
แต่ว่าด้วยทางมันเป็นอย่างนั้น แล้วรถมันโหลด ตอนนั้นคิดอย่างเดียวเราเป็นคนบ้านนอกเรารู้วิธีขับรถในสถานที่บ้านนอกมันต้องขับยังไง การขับแบบนี้ถ้าตะบี้ตะบันขับล้อแตกแน่ๆ เพราะรถเราไม่ใช่บิ๊กโฟร์ เพราะว่ากว่าจะไปถึงที่นั่นใช้ระยะทาง 10 กิโล ถึงจุดที่ผู้ชายคนนั้น
ตอนนั้นก็เลยรู้สึกว่าถ้าทุกอย่างมันเกิดเรื่องเลวร้ายขึ้นมา ถ้ายางมันแตกจะออกจากจุดนั้นได้ยังไง คือไปถึงจุดนั้นเราก็พยายามจะถอยหนีออกให้ได้ผู้ชายคนนั้นก็เดินเข้ามา เราคิดคำถามแรกว่าเขาน่าจะถามเราว่าหนูหลงทางเหรอ
แต่มันกลายเป็นคำถามแรกที่เขาถามคือ ถ้าผมมีปืนอยู่ในมือผมยิงคุณแล้ว สีหน้าตอนนั้นมันเหมือนคนคุยกันปกติเลยนะ มันไม่เหมือนคำขู่ มันคำบอกเล่า แต่สิ่งที่ทำให้เราน้ำตาแตกคือ ถ้าเขามีปืนอยู่ในมือ
เราก็มองเห็นว่าปืนเขาก็สะพายอยู่ ทีนี้เราก็พยายามอธิบายว่าเราหลงทาง GPS มันพาหนูหลงทางหนูไม่ได้มีเจตนาที่จะขับเข้ามาตรงนี้ในใจตอนนั้นก็คือ หน้าพ่อหน้าแม่มันลอยขึ้นมาแล้วก็คิดว่าของที่พระอาจารย์ฝากบุญมา แล้วเราตั้งใจจะไปทำบุญกับลูลู่ แล้วเอาบุญนี้ไปส่งให้น้องให้ถึง แล้วพยายามถอยออกมาให้เร็วที่สุด
บางทีมองไปเห็นคอมเมนต์หลายๆ คนบอกถอยออกมาสิๆ อยู่ทำไม ณ วินาทีนั้นมันอยากจะถอยให้เร็วที่สุดแล้ว แต่มันทำอะไรที่รวดเร็วไปกว่านั้นไม่ได้ เพราะว่าคืออยู่คนเดียว และสองคือมันตั้งสติแล้วทำไม่ค่อยได้ มีบางคนบอกทำไมไม่โทรหา
เธอสรุปให้ฟังว่า ชายคนดังกล่าวพาเธอออกมาจากป่านั่นเอง คือตอนนั้นโทรหาใครไม่ได้เลย แล้วสุดท้ายเขาก็เป็นคนพาออกมาที่ถนนใหญ่ ตอนนั้นได้สติอย่างเดียวคือบอกกับลูลู่ว่าเดี๋ยวไปรอที่ตัวเมืองนัดเจอกันที่นั่นเลย เราก็ไม่ได้แจ้งความ
เพราะว่าด้วยความที่เขาไม่ได้มีเจตนาที่จะทำร้ายหรือปล้นเรา แต่เพียงว่าเขาขู่เราด้วยคำบอกเล่าคำนั้น ณ วันนี้ข่าวคงกระจายออกไปเยอะแล้ว อยากจะใช้ช่องทางนี้ให้เป็นกระบอกเสียงและอุทาหรณ์สอนใจในเรื่องของการเดินทาง