“มะเดี่ยว” นายกสมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ฯ ชี้แจงกรณี “ต้อม ยุทธเลิศ” เตรียมร้องปปช.

“มะเดี่ยว” นายกสมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ฯ ชี้แจงกรณี “ต้อม ยุทธเลิศ” เตรียมร้องปปช.

0

มะเดี่ยวนายกสมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ฯ ชี้แจงกรณี ต้อม ยุทธเลิศเตรียมร้องปปช.

        จากกรณีที่ ต้อม ยุทธเลิศ ออกมาโพสต์ จะดำเนินการร้องปปช. กล่าวหาการบริหารจัดการงบซอฟต์พาวเวอร์ของสมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทย โดยพุ่งเป้าไปที่งบประมาณจากสำนักงานส่งเสริมวัฒนธรรมสร้างสรรค์ หรือ Thailand Creative Culture Agency

อ่านข่าวต่อ: BeOnCloud ร่อนจดหมายชี้แจงปมดราม่า ลั่น ภาพยนตร์ “บุปผา” ไม่ใช่ภาคต่อของ “บุปผาราตรี”

ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล

ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล

       ล่าสุดทาง มะเดี่ยว ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล นายกสมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทยโพสต์ถึงผลงานของสมาคมที่ผ่านมาว่าได้รับการชักชวนให้มาดูแลงานนี้ตรงนี้ก็ รู้สึกว่าเจอดราม่าเยอะมาก แต่มีอะไรก็เคลียร์ได้หมดแหละ ขอบคุณทุกกำลังใจครับ เขาแจงว่า

สิ่งที่เราได้มากกว่าหนังสั้นที่มากกว่า 100 เรื่องนี้คือ

1. นักทำหนังที่มีศักยภาพพร้อมใช้งานทุกแผนก ที่กำลังจะจบปี 4 มารันวงการ

      2. นักศึกษาที่มองเห็นเส้นทางในการทำงานที่ขัดเจนขึ้น และกำลังบ่มเพาะศักยภาพของตัวเองเพื่อเข้ามาอบรม Up Skill ในปีต่อๆไป

       3. ค่ายมหาลัยนี้มีนักศึกษาจากเกือบทุกสถาบันที่มีการเรียนการสอนวิชาภาพยนตร์และสื่อที่เกี่ยวข้องมาเข้าร่วม ดังนั้นเราได้ข้อมูลหลักสูตร วิชาการเรียนการสอนมาจากทุกที่ เพื่อนำมาสร้าง Standard ของการเรียนภาพยนตร์ในประเทศไทย ที่จะพยายามทำให้สำเร็จให้ได้

ต้อม ยุทธเลิศ

      4. เราได้ข้อมูลการบริโภคหนังจากน้องๆ Gen Z และ Alpha กว่า 2,000 คนซึ่งมากพอที่จะนำไปทำการ Implement ให้รู้ว่าคนดูหนังในยุคนี้และยุคหน้าต้องการดูอะไร สิ่งนี้เป็นประโยชน์กับอุตสาหกรรมภาพยนตร์มากๆ

     5. ค่ายไม่ได้มุ่งเน้นการสร้าง KPI หรือผลความเป็นเลิศ แต่สร้างกระบวนการเรียนรู้เข้าใจในเป้าหมายของสิ่งที่ทำ, การลำดับความสำคัญ , การจัดการกับปัญหา , ความเข้าใจตัวเอง เพื่อนในทีม คนดู ตลาด ฯลฯ ที่เป็น Soft Skill อันเปนคุณสมบัติของมนุษย์ที่จะเอาไว้สู้กับ AI ที่กำลังแย่งงานพวกเขาอยู่

      6. มีนักเรียนได้เรียนต่อมหาลัยเพราะยื่นพอร์ตจากค่ายนี้ และมีนักศึกษาที่กำลังจะได้เปิด Project หนังยาวในระดับอุตสาหกรรม 3 เรื่องแล้วตอนนี้้ จากการมีอยู่ของค่ายนี้ตั้งแต่เดือนสิงหาปี 67 จนถึงเดือนกันยาปี 68 นับเวลาคือ 13 เดือน และเชื่อว่าผลผลิตของค่ายจะเบ่งบานต่อไปในอนาคต

      7. ปี 69-70 หนังต่างประเทศแผ่วเบาลงมากถึงขั้นไม่มีหนังใหญ่ๆที่คาดหวังได้มาเข้า โอกาสของหนังไทยกำลังจะมาถึง แต่ปัญหาตอนนี้คือผลิตไม่ทัน น้องๆเหล่านี้คือกำลังสำคัญของเรา ไม่แพ้กับพี่ๆ นักทำหนังที่อยู่ในวงการตอนนี้

ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล

ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล

      8. งานนี้สำเร็จไม่ได้เลยถ้าไม่ได้รับความร่วมจากมหาวิทยาลัย ค่ายหนัง สตูดิโอจัดจำหน่าย โรงภาพยนตร์ พี่ ๆ ผู้กำกับ นักเขียนบท นักแสดง ทีมงานทุกแผนกในอุตสาหกรรม หน่วยงานราชการ ทั้งกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม และ THACCA , OFOS ทุกคนร่วมกันสร้างอนาคตของหนังไทยกันขึ้นมาใหม่แล้วครับ

ต้อม ยุทธเลิศ

      9. ถ้าจะมีคนมาทำโครงการต่อ แนะนำให้หาคนที่เข้าใจศาสตร์ของภาพยนตร์อย่างถ่องแท้ เข้าใจธรรมชาติและความแตกต่างของคนพอที่จะรู้่ว่าจะเอาความรู้แนวคิดแนวปฏิบัติเข้าไปฝังในหัวเขาและทำให้เขาลุกขึ้นมาต่อยอดทำความคิดให้สำเร็จได้ด้วย อักอันที่สำคัญคือมีวิสัยทัศน์และความสัมพันธ์แข็งแรงพอที่จะพาคนเดินไปในเส้นทางที่จะสำเร็จได้ด้วยใช่ว่าสอนแล้วจบๆไป แล้วที่สำคัญมากๆ คือทันโลก ทันเทคโนโลยี และความเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรม

      10. ถ้าได้ทำต่อ การสร้างหลักสูตรกลางจะถูกส่งต่ออย่างเป็นรูปธรรมขึ้น เด็กที่มาค่ายจะเก่งขึ้น เส้นทางสู่อาชีพจะสะดวกขึ้น และสิ่งที่เพิ่มคือ Skill ทางเทคโนโลยีที่จะทำให้เขาเป็นนายของ AI ไม่ใช่ถูกมันแย่งงานหรือหลอก

      11. ส่วนผมเอง ก่อนหน้าที่จะได้รับตำแหน่งต่างๆ ผมมีความสุขดี ธุรกิจที่มีอยู่ก็ดำเนินการไปอย่างปกติสุข ไม่ขาดทุน ไม่มีหนี้ มีหนังทำเงิน ทำกล่อง มีซีรี่ส์ขายต่างประเทศ มีกิจการอื่นที่ไม่ใช่วงการบันเทิงทีสร้างรายได้ให้พอกินพอใช้ ไม่มีศัตรู ไม่ทำร้ายขัดแข้งขัดขาใคร พอได้รับการชวนให้มาดูแลงานนี้ตรงนี้ก็รับผิดชอบจนเสร็จสิ้นไปแล้ว รู้สึกว่าเจอดราม่าเยอะมาก แต่มีอะไรก็เคลียร์​ได้หมดแหละ ขอบคุณทุกกำลังใจครับ

ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Comments