เปิดใจ “ขนมจีน” ลบคำสบประมาท โชว์พลังเสียงใน “The Mask Singer”
เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสาวเสียงคุณภาพ “ขนมจีน กุลมาศ ลิมปวุฒิวรานนท์” ที่ล่าสุดเจ้าตัวได้มีโอกาสเข้าประกวดในรายการดังอย่าง “The Mask Singer หน้ากากนักร้อง” งานนี้เมื่อได้พูดคุยกับสาว “ขนม” จีนเธอได้เผยจุดเริ่มต้น พร้อมความรู้สึกหลังเข้าประกวดให้ได้ฟังว่า
ความจริงแล้วตนเองถูกทาบทามตั้งแต่ซีซั่นที่ 2 แล้ว แต่ด้วยความที่ตอนนั้นยังติดสัญญาและอะไรหลายๆ อย่างทำให้ยังไม่ได้ไป พอซีซั่น 3 ก็ได้มีโอกาสเข้าร่วม ตนเองเชื่อว่าทุกๆ อย่างมันได้ถูกกำหนดไว้แล้ว กับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตนในตอนนี้
ในเรื่องการเตรียมตัวก็ค่อนข้างเยอะมากๆ ในเรื่องของการเลือกเพลงใช้ร้องในรายการ พอเป็นกลุ่มท้ายๆ เพลงก็จะยาก ท้ายที่สุดแล้วก็เลือกเพลงที่ชอบที่สุด และเป็นตัวเอง สามารถแสดงศักยภาพของตัวเองให้มากที่สุด ตนเองให้ความสำคัญกับการเลือกเพลงมากๆ ก็ยังคิดอยู่เลยว่าตนเองไปคนจะจำได้ไหม คนคงจำไม่ได้หรอก
ส่วนเพลงเลือกใช้เพลงประกอบภาพยนตร์ของเกาหลี เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงตัวเอง ด้วยเนื้อหามันโดน และสไตล์เพลงมันตรงกับเรา ก็ลงตัวที่เพลงนี้ มีความหมายหลายๆ อย่างที่อยากจะสื่อให้คนฟัง เพราะภาพยนตร์เรื่องนี้ก็นานมากๆ มันเกี่ยวกับเรื่องศัลยกรรมด้วย ด้วยความที่ช่วงหลังๆ คนไม่โฟกัสเรื่องงานเพลง จะโฟกัสไปที่เรื่องศัลยกรรม ด้วยความที่ตนเองไม่มีผลงานเพลงมีแต่ละคร ข่าวส่วนใหญ่ถ้าไม่ใช่เรื่องความรักก็จะเป็นเรื่องศัลยกรรมไป ตนเองก็อยากให้มองที่ข้างในมากกว่า ตัวหน้ากากมันก็เป็นเหมือนสัญลักษณ์ด้วย ให้คนมองข้ามอคติมองข้ามเรื่องนี้ไป เพราะท้ายที่สุดตนเองเป็นคนตรงๆ พูดตรงๆ ไม่เคยปฏิเสธ แต่พอถึงจุดที่บอกไม่ได้ไปทำอะไรเพิ่มคนก็จะไม่เชื่อ ก็อยากให้คนหันมามองที่ตัวตนจริงๆ
สำหรับ "หน้ากากตุ๊กตา" เป็นความทรงจำวัยเด็ก เพราะตนเองชอบตุ๊กตาบลายธ์มากๆ ทุกคนคงทราบว่ามีราคาสูงมาก และตนเองไม่พร้อมที่จะซื้อมาเป็นของสะสมได้ก็ควรจะเก็บไว้ในใจ ตอนนั้นอยู่ในช่วงมัธยมก็พอหาเงินได้ แต่ด้วยภาระหน้าที่ต่างๆ ก็ทำให้ไม่ได้ซื้อ แต่ไม่คิดว่ารายการจะทำออกมาได้สวยเกินคาดมากๆ สิ่งที่ชอบที่สุดคือมันเปลี่ยนสีตาได้ ทำให้คิดว่าถ้าอยากเป็นอะไรสักอย่างก็อยากเป็นตุ๊กตาบลายธ์
ในเรื่องของการต้องเก็บความลับอึดอัดไหมนั้นเป็นการอึดอัดแบบมีความสุข บางทีก็นั่งยิ้มอารมณ์ดีคนเดียว ก็บอกใครไม่ได้แต่พอได้ทำในสิ่งที่รักเต็มที่ ใช้ทุกอย่างที่มีเพื่อผลงานชิ้นนี้ ในเรื่องกระแสก็ดีใจมากๆ ไม่คิดว่าทุกคนจะเอ็นดูหน้ากากตุ๊กตาขนาดนี้ มันพูดยาก อย่างที่บอกไม่คิดว่าคนจะจำเสียงได้ แต่พอคนที่ฟังมาตั้งแต่เด็กๆ เขาก็จำได้ คือแต่ละคนก็มีช่วงพีคไม่เหมือนกัน คือช่วงที่ตนเองเคยบูมที่สุดมันก็ผ่านมาแล้ว ตนเองก็ทำไปเรื่อยๆ พยายามพัฒนาตัวเอง ก็คิดว่าสักวันนึงจะมีคนเห็นความตั้งใจ และวันนี้ก็มีหลายๆ คนเห็นแล้ว มันเหมือนคือคนที่อยู่ข้างกายตนอย่างคุณแม่ในวันที่ไม่มีใครเห็นคุณค่าในตัวเรา เขาก็ให้กำลังใจเสมอให้เราสามารถผ่านช่วงเวลาแย่ๆ ไปได้ เรื่องครอบครัวตนเองก็ปล่อยให้ทุกคนเข้าใจผิดตลอด อย่างด้วยค่ายเก่าเป็นค่ายที่มีเด็กอินเตอร์เยอะ มีคนมีเงินเยอะ แต่ตนเองก็เป็นคนธรรมดา เรียนโรงเรียนรัฐบาลทั่วไป แต่บางทีคนเหมารวมว่าพวกบ้านมีเงินมาทำงานทำไม ตนเองก็ไม่เคยพูด ไม่เคยเอาความสงสารมาพูด ให้คนรู้จักที่ผลงานตัวเองดีกว่า คือตนเองไม่สามารถมองคนจากภาพที่เห็นได้เลยว่าคนๆ ผ่านอะไรมากบ้าง ตนเองก็พยายามเข้าใจคนหลายๆ คน
ส่วนงานเพลงตอนนี้ตอนนี้ก็มีค่ายมาติดต่อ ตนเองก็ยังแฮปปี้ที่ยังอิสระ ก็ต้องทำเพลงด้วยตนเองมันก็ยังเป็นเรื่องยากอยู่ในตอนนี้ ก็ยังต้องรอดูก่อน หากตอนนี้มีค่ายให้จีบให้เข้าตอนเองก็ยังไม่คิดเซ็นเพราะคุณแม่ก็ยังไม่อยากให้เซ็นเพราะก็เพิ่งออกมา ตนเองก็ยังไม่อยากรีบไปอยู่อะไรที่ไหน ด้านแนวเพลงตนเองก็มีคิดๆ รอฟีดแบ็ครายการนี้ว่าคนจะรับที่เราเป็นเราได้ไหม เพราะบางคนเขาก็มองว่าตนเองไม่ได้ดีขนาดนั้น ก็ต้องรอๆ ดูกันไปก่อน สุดท้ายก็ต้องขอบคุณที่หลายคนไม่ลืม หลายคนก็ยอมรับในตัวเรามากขึ้น ของคุณรายการด้วยที่ให้โอกาสในการเริ่มต้นใหม่ของตัวเอง ทำให้คนรู้จักตัวเองมากขึ้น ตนเองก็เชื่อว่าเต็มที่มากๆ และหลายๆ คนก็น่าจะความตั้งใจของตัวเอง