ข่าวฮอตประจำปี 2559 : เจาะประเด็น “เจนี่-บุ๋ม” ปมธุรกิจ
เดินทางเข้าสู่เดือนสุดท้ายของปี 2559 แล้ว ซึ่งแน่นอนว่าปีนี้มีข่าวสุดฮอตที่เป็นประเด็นถูกพูดถึงของคนบันเทิงทั้งในประเทศและนอกประเทศมากมาย ไม่ว่าจะเป็นข่าวที่เรียกเสียงเฮ สร้างสีสันโดนใจ ตลอดถึงเรื่องช็อกวงการ ข่าวเศร้าต่างๆ ที่ทำเอาแฟนคลับสะเทือนขวัญไปพร้อมๆ กัน
ทาง "ดาราเดลี่" เลยทำการเลือกข่าวที่เป็นประเด็น มีคนพูดถึงเป็นอย่างมากในวงการบันเทิงปี 2559 มาฝากกัน เพื่อไม่ให้คุณพลาดหรือตกเทรนด์ข่าวประจำปีนี้
เป็นอีกคู่ที่มีประเด็นกันเรื่องธุรกิจ สำหรับนางเอกสาว “เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ์” และสาว “บุ๋ม ปนัดดา” ซึ่งเรื่องร้อนขึ้นมาเมื่อทางฝ่ายของสาวบุ๋มได้ชี้แจงว่าทางอีกฝ่ายกันที่จอดรถให้ลูกค้าตัวเอง ทำให้ลูกค้าของทางสาวบุ๋มนั้นได้รับความเดือดร้อน ซึ่งต่างฝ่ายต่างออกมาตั้งโต๊ะแถลง โดยฝั่งของสาว “บุ๋ม ปนัดดา” ก็ได้ควงสามี “เอก เอกริน” มาแถลงชี้แจงเรื่องที่เกิดขึ้นพร้อมทั้งโชว์หลักฐานสัญญาฉบับเก่าว่า “ที่อยากจะชี้แจงเพราะเรื่องเริ่มบานปลาย ไม่ได้อยากมีปัญหากับเจนี่ หรือกับแม่เจนี่ สแมชยิม กับ 911 อยู่ในพื้นที่เดียวกัน ก่อนที่จะออกมาเคลียร์ คือเรามีการคุยกันแล้ว แต่ปัญหามันไม่ได้รับการแก้ไข เริ่มเรื่องมาจากบุ๋ม และ “ท็อป ณฐกร” 2 คนก่อน และเจนี่ มาขอร่วมหุ้นที่ 3 ท็อปจะเปิดเทควันโด เจนี่จะเปิดมวย และเอกจะเปิดยิม แต่ทางมวย และเทควันโดใช้พื้นที่เยอะ เลยยกให้ใช้พื้นที่เยอะไป เดี๋ยวทางเราเอาพื้นที่น้อยเอง เรามีสัญญา เพียงแต่ปัญหาคือหลังจากเซ็นสัญญาแล้ว ทางท็อปและเจนี่เค้ามีปัญหากัน เจนี่เลยซื้อหุ้นทั้งหมด และขอยกเลิกสัญญาเก่า แต่ไม่ยอมส่งสัญญาฉบับใหม่ให้ ทั้งที่ทวงถามไปหลายครั้งแล้ว
ด้านนางเอกสาว “เจนี่” ก็ได้ออกโรงเคลียร์เรื่องราวดังกล่าว พร้อมทนายความส่วนตัว “นิติธร แก้วโต” ว่า โดยรวมแล้วปัญหาที่จอดรถต้องแก้ไขเอง เจนี่ถึงขอโทษลูกค้าทุกคนที่มีปัญหานี้นะคะ สัญญาเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมาก ธุรกิจนี้เป็นธุรกิจแรกของเจนี่ การที่จะทำสัญญาขึ้นมาใหม่ ก็ต้องดูอย่างละเอียดและรอบคอบ ไม่ได้เปิดมานาน เพิ่งเปิดได้ 2 เดือนกว่าสัญญามันเหมือนชีวิตทั้งชีวิต คุยกับทนายเรื่องสัญญาเก่ามันก็ไม่ได้โมฆะ การที่จะทำสัญญาใหม่ พอเห็นคลาสที่ตรงกัน การที่เรายื่นใบวางบิลมาแล้ว ทางสแมชไม่ได้จ่าย เพราะฉะนั้นการที่จะเขียนสัญญาใหม่ เจนี่ต้องคิดทบทวนให้ดี เพราะรายละเอียดมันต้องมีเยอะขึ้น กลับกลายเป็นว่าเจนี่มาเช่าพื้นที่นี้คนเดียว ที่นี่เป็นของเจนี่ 100% พี่บุ๋มเป็นผู้เช่า ไม่ใช่ผู้ถือหุ้น มีปัญหาเจนี่ก็จะทำต่อไป
นอกจากนี้สาว “เจนี่” ขอยกเลิกสัญญาเช่า โดยเธอลำบากใจที่จะทำงานอยู่ด้วยกัน และยินดีจ่ายเงินค่าสร้างยิม 3 ล้าน เพื่อให้ “บุ๋ม ปนัดดา” ย้ายออกไป แต่เหมือนว่าเรื่องนี้จะไม่จบง่ายๆ ซะแล้ว เพราะสาว “บุ๋ม” ก็ได้เข้าไปคอมเมนต์ในภาพของนางเอกสาวขณะแถลงข่าวพร้อมขอบคุณสื่อมวลชนว่า
“@janienineeleven เจอกันคุยกันสักทีได้ไหม? ให้แค่สามเดือนจริงๆ เหรอคะ? น้องก็รู้เราสร้างกันมาเป็นปี มานั่งตอบสื่อพร้อมกันสักรอบไหม? เอาหลักฐานมาคุยกัน”
ภายหลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว สาว “เจนี่” ก็ได้มาออกงานอีกครั้ง โดยเธอก็อัพเดทถึงเรื่องนี้ว่า เรื่องยิมมีเป็นลายลักษณ์อักษร ส่วนรายละเอียดสัญญาเลิกก็คืออยู่ได้อีก 60 วัน อีกฝ่ายเซ็นรับรู้แล้ว เราจะจ่าย 3 ล้าน แต่อีกฝ่ายขออยู่โดยไม่จ่ายค่าน้ำค่าไฟ เรารับผิดชอบไม่ไหวกรณีที่เขาให้สัมภาษณ์ข้อต่อรอง โดยในสัญญามีบอกว่าหากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องรับผิดชอบ แต่หลังจากต่างคนต่างแถลงข่าว ยืนยันตั้งแต่แรกจนวันนี้อีกฝ่ายไม่เคยจ่ายค่าเช่าแม้แต่บาทเดียว ซึ่งจะให้เวลา 60 วัน ส่วนตัวไม่อยากคุยเองเพราะเป็นเรื่องของกฎหมาย ที่เขาบอกอยากให้เรามาคุยไม่รู้จะคุยอะไร ยังนับถือเหมือนเดิม แต่ในเรื่องธุรกิจถ้าต้องควักเงินตัวเองออก สแมชยิมเป็นพื้นที่ที่ใหญ่ที่สุดของยิม ค่าน้ำค่าไฟค่อนข้างแพง
ส่วนที่จะให้แถลงคู่กันก็เลยจุดที่จะออกมาแถลงคู่กันแล้ว เชื่อทำเป็นลายลักษณ์อักษรดีกว่า เราต้องควักเงินตัวเองจ่ายค่าน้ำค่าไฟ และถึงวันนี้เรายังไม่ได้รับเงินอะไรสักบาทเดียว ขอปล่อยให้เป็นหน้าที่ตามกฎหมายดีกว่า ไม่อยากให้เป็นคดี ต่างคนต่างทำหน้าที่ตัวเองให้ดีที่สุด แต่จะให้มารับผิดชอบมันหนักไป ย้ำธุรกิจก็คือธุรกิจ
ล่าสุดสาว “เจนี่” ก็ได้อัพเดทว่า อยากให้จบในแบบของธุรกิจจะพยายามทำให้ดีและนุ่มนวลที่สุด เป็นเรื่องธรรมดาที่จะถูกโจมตี แต่ก็คิดว่าเดี๋ยวความจริงจะปรากฏไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมากกับเรื่องนี้ ก็จะทำให้ดีที่สุด ด้านผลกระทบก็ไม่มี คนยังมาใช้บริการเยอะ คลาสสอนก็เต็มเหมือนเดิม เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นปัญหาของธุรกิจ ความจริงไม่ว่าธุรกิจไหนก็อาจมีปัญหาทั้งนั้น เพียงแต่เราเป็นคนในวงการเลยเป็นที่สนใจ ส่วนกับพี่บุ๋มเองก็ยังไม่ได้เจอเลย และไม่ได้มีการติดต่อพูดคุยกันเป็นการส่วนตัว แต่ถ้าหากเจอก็สวัสดีปกติ ตอนนี้เคลียร์จบเรียบร้อย ต่างคนต่างสบายใจ ไม่หวั่นกระแสดราม่าอีกฝ่ายจะเปิดเป็นคู่แข่งกัน เพราะในประเทศมีเยอะแยะก็คล้ายๆ กันเกือบหมด ถ้าเป็นเรื่องที่ดีใครทำอะไรมีความสุขก็ทำไป กับปัญหาที่ผ่านมาถือเป็นบทเรียนในการลงทุนธุรกิจร่วมกับคนอื่น ถ้าจะหุ้นกับใครต่อไปก็ต้องคิดมากขึ้น