คนแรกคือ"เบิร์ด-ธงไชย แมคอินไตย์" คือซูเปอร์สตาร์ที่อยู่แถวหน้าและมีความเป็น "อมตะ" มาตลอด ทุกวันนี้อัลบั้มเพลงของ "เบิร์ด" ออกมาทุกชุด "โดน" หมด แต่ยังเป็นขวัญใจ "คอเพลง" ตลอดไป แม้ว่าวันนี้วัย 50 ปีแล้วก็ตาม
ว่ากันว่า วันนี้ "เบิร์ด-ธงไชย" มีทรัพย์สินทั้งบ้าน ที่ดิน ทั้งในเมืองไทยและต่างประเทศมากมาย แถมมีเงินสดๆ ฝากแบงก์กินดอกเบี้ยอีกไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท
ปัจจุบัน "เบิร์ด-ธงไชย" อายุ 50 กว่าปี เพราะเกิดปี 2501 แต่เขาก็ยังคงความเป็นซูเปอร์สตาร์เอาไว้ไม่เปลี่ยนแปลง เพลงทุกชุดของเขาในระยะหลังๆ ยอดขายก็ไม่แพ้ยุคแรกๆ แม้แต่คอนเสิร์ต จะจัดกี่ครั้ง กี่รอบ คนก็ยังรึ่ม ประมาณว่าแน่นทุกรอบทุกเที่ยว
นักร้องทุกคนต่างปรารถนาที่จะเป็นแบบ "เบิร์ด-ธงไชย" ด้วยกันทั้งนั้น แต่ก็ไม่สามารถจะเป็นได้ เพราะวิธีคิด และวิธีปฏิบัติแตกต่างกัน ที่สำคัญคือไม่มีความพยายามที่ "จะเป็น" แบบที่ "เบิร์ด" เป็น
คนที่สอง "แอ๊ด คาราบาว" หรือ "ยืนยง โอภากุล" หัวหน้าวงและนักร้องนําวง "คาราบาว" ศิลปินเพื่อชีวิตชื่อดังที่ครองใจมหาชนมาตลอด 25 ปีของการก่อตั้งวงคาราบาว ทั้ง "เบิร์ด-ธงไชย" และ "แอ๊ด คาราบาว" มีคาแรคเตอร์ที่ชัดเจน มีความเป็นตัวของตัวเอง ไม่ว่าจะขยับตัวไปทางไหน ทุกคนจะหยุดดู หรือฟังเวลามีผลงานเพลงออกมาเป็น Asset ที่มีค่าสูงมาก
นักร้อง-ศิลปินหลายคน พยายามที่จะเดินตามรอยของศิลปินทั้ง 2 คนนี้ แต่ก็ไม่สามารถจะรักษาระยะยืนได้ เพราะไม่มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่น ที่สําคัญคือไม่สามารถจะบริหารวิถีชีวิตของการเป็นศิลปินได้อย่างเสมอต้นเสมอปลาย
ผิดกับ "แอ๊ด คาราบาว" ที่ยังคงคอนเซ็ปต์ตัวเองไว้อย่างเหนียวแน่น โดยเฉพาะแพ็คเกจจิ้งการแต่งตัวที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง การพูดการจา และ การร้องเพลง จนตอนนี้มีคนนําเอารูปแบบของ "แอ๊ด คาราบาว" ไปสะท้อนผ่านงานละครซิทคอม เรื่อง "เป็นต่อ" จะมีตัวละคร ตลกที่เลียนแบบการแต่งตัวและคําพูดของ "แอ๊ด" ขยายการ รับรู้ให้กับ "แอ๊ด คาราบาว" และวงคาราบาวอีกทอดหนึ่ง
กว่า 25 ปีของวงคาราบาว ออกอัลบั้มเพลงมาแล้วเกือบ 100 ชุด ตั้งแต่ยังเป็นเทปคาสเซ็ท กระทั่งเป็นซีดีเพลง แต่ละชุดของคาราบาว ยอดขายอยู่ในระดับล้านตลับเป็นอย่างต่ำ
.jpg)
ยุคเทปคาสเซ็ท ยังไม่มีนักร้องคนไหนที่สามารถทําสถิติยอดขายได้ถึงระดับ 1 ล้านตลับ เพราะตอนนั้นวงการเพลงบ้านเรายังไม่ได้รับความนิยมมากนัก อัลบั้มส่วนใหญ่ที่ขายได้จะเป็นลูกทุ่ง แม้จะมีวงดนตรีเพื่อชีวิตเกิดขึ้นมาแล้ว อาทิ คาราวาน, แฮมเมอร์ ฯลฯ แต่ยอดขายก็ยังไม่เปรี้ยง
"คาราบาว" คือวงดนตรีวงแรกที่สามารถทํายอดขายทะลุ 1 ล้านตลับ ในชุด "เมดอินไทยแลนด์" ซึ่งตอนนี้ก็ยังเป็นบทเพลงที่ฟังได้ตลอด จากนั้นก็มีอัลบั้มออกมาอีกแยะ ทุกชุด "โดน" หมด
ทุกครั้งที่คาราบาว เล่นคอนเสิร์ต จะมีแฟนคลับ และคนฟังแน่นเอี้ยด เป็นวงดนตรีที่มีคนฟังมากที่สุด ไม่แพ้คอนเสิร์ตของนักร้องชื่อดังที่มาจากต่างประเทศ แค่ยอดขายอัลบั้มเพลง และขึ้นคอนเสิร์ตแต่ละครั้งในช่วงที่ผ่านมา...แค่นี้ก็ทําให้ "แอ๊ด คาราบาว" มีเงินสดๆ หลายร้อยล้าน มีทรัพย์สินเป็นที่ดินที่เก็บสะสมไว้อีกหลายที่ทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด
ความโดดเด่น และความสําเร็จของคาราบาว หัวใจหลักคือการเป็นนักบริหารของ "แอ๊ด คาราบาว" เขาสามารถจัดการวงดนตรีที่มีคําว่าเพื่อชีวิตต่อท้ายได้อย่างดี นักร้องวงเพื่อชีวิตส่วนใหญ่ จะมีความคิดอิสระ มีความเป็นตัวเองสูง ความเห็นไม่ลงรอย มีอะไรนิดอะไรหน่อย ก็จะแยกวง ถือว่าตัวเองแน่ ซึ่งวงดนตรีในลักษณะแบบนี้มีให้เห็นอยู่ตลอด
แต่คาราบาว วันนี้สมาชิกทุกคนก็ยังอยู่ครบ ไม่ว่าจะเป็น เล็ก คาราบาว, เทียรี่ เมฆวัฒนา, เขียว คาราบาว ฯลฯ ทุกคนเริ่มกับ "แอ๊ด คาราบาว" ตั้งแต่ยุคแรก จนมาถึงวันนี้ หายากที่นักร้องซึ่งร่วมหัวจมท้ายกันมาได้ตลอดสองทศวรรษกว่า แต่ "แอ๊ด คาราบาว" สามารถจัดการตรงนี้ได้ นั่นสะท้อนให้เห็นว่า "แอ๊ด" ไม่เคยทิ้งเพื่อน คําว่า "ไม่ทิ้ง" หมายถึงผลประโยชน์ที่ได้รับจากค่าขายเทป และ คอนเสิร์ต ย่อมมีความเป็นธรรม ทุกครั้งที่ "แอ๊ด" รับงานเป็นพรีเซนเตอร์สินค้า เขาจะไม่ฉายเดี่ยว ยกเว้นงานละคร
โฆษณาเบียร์ช้างของค่ายไทยเบฟ "แอ๊ด" ขนสมาชิกร่วมเป็นพรีเซนเตอร์ทั้งวง เรียกว่า "ทุกคนได้" เช่นเดียวกับ "คาราบาวแดง" เครื่องดื่มชูกําลังที่มียอดขายอันดับ 2 ของประเทศ "แอ๊ด คาราบาว" ก็เอาสมาชิกวงมาร่วมโฆษณาเช่นกัน
แบบอย่างศิลปินที่ "คิดเป็น-ทําเป็น" ในซีกของสตริงต้องยกให้ "เบิร์ด-ธงไชย" ขณะที่ฟากเพื่อชีวิต หนีไม่พ้น "แอ๊ด คาราบาว" เขาทําได้อย่างไร? ศิลปินรุ่นหลังน่าศึกษา แม้จะทําไม่ได้เหมือนเขาทั้งหมด ขอแค่ครึ่งเดียว ถือว่าดีถมถืดแล้วครับ!! ♦
