ยกระดับคุมโควิด! ประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 28 จังหวัด เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุด

ยกระดับคุมโควิด! ประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 28 จังหวัด เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุด

0

ยกระดับคุมโควิด! ประกาศ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน 28 จังหวัด เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุด

        เมื่อวันที่ 3 มกราคม เว็บไซต์ “ราชกิจจานุเบกษา” ได้เผยแพร่ “ข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 16)  โดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 และมาตรา 11 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534 นายกรัฐมนตรีจึงออกข้อกำหนดและข้อปฏิบัติแก่ส่วนราชการทั้งหลาย ดังต่อไปนี้

พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 28 จังหวัด
พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 28 จังหวัด
พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 28 จังหวัด

        ข้อ 1 การห้ามใช้อาคารหรือสถานที่เสี่ยงต่อการแพร่โรค ห้ามการใช้อาคารหรือสถานที่ ของโรงเรียนและสถาบันการศึกษาทุกประเภทที่ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่สถานการณ์ที่กําหนดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุด เพื่อการจัดการเรียนการสอน การสอบ การฝึกอบรม หรือการทํากิจกรรมใด ๆ ที่มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมเป็นจํานวนมาก เว้นแต่กรณีดังต่อไปนี้
        (1) เป็นการเรียนการสอนหรือกิจกรรมเพื่อการสื่อสารแบบทางไกลหรือด้วยวิธีการ ทางอิเล็กทรอนิกส์
        (2) เป็นการใช้อาคารหรือสถานที่เพื่อให้ความช่วยเหลือ สงเคราะห์ อุปถัมภ์ หรือ ให้การอุปการะแก่บุคคล
        (3) เป็นการจัดกิจกรรมของทางราชการหรือกิจกรรมเพื่อประโยชน์สาธารณะ โดยได้รับอนุญาต จากผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร หรือผู้ว่าราชการจังหวัด
        (4) เป็นโรงเรียนหรือสถาบันการศึกษาที่มีขนาดเล็กที่มีจํานวนนักเรียนรวมทั้งโรงเรียนไม่เกิน หนึ่งร้อยยี่สิบคน หรือเป็นโรงเรียนตํารวจตระเวนชายแดน

        ข้อ 2 การห้ามจัดกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรค ห้ามการจัดกิจกรรม ในเขตพื้นที่สถานการณ์ที่กําหนดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดซึ่งมีผู้เข้าร่วมเป็นจํานวนมากและมีโอกาส ติดต่อสัมผัสกันได้โดยง่าย เช่น การประชุม การสัมมนา การจัดเลี้ยง การแจกจ่ายอาหารหรือ สิ่งของต่าง ๆ เว้นแต่เป็นการดําเนินการโดยพนักงานเจ้าหน้าที่ หรือได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ หรือเป็นการจัดกิจกรรมในพื้นที่ที่กําหนดให้เป็นสถานที่กักกันโรคโดยมีมาตรการทางสาธารณสุขรองรับ ให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครโดยคําแนะนําของคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร หรือผู้ว่าราชการจังหวัดโดยคําแนะนําของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด กําหนดหลักเกณฑ์ การพิจารณาอนุญาตของพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์ในแต่ละพื้นที่ความรับผิดชอบ

        ข้อ 3 การปิดสถานที่เสี่ยงต่อการแพร่โรค ให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครหรือ ผู้ว่าราชการจังหวัด อาศัยอํานาจตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อพิจารณาสั่งปิดสถานบริการ สถานประกอบการที่มีลักษณะคล้ายสถานบริการ ผับ บาร์ คาราโอเกะ ที่ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่สถานการณ์ ที่กําหนดให้เป็นเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุด

        ข้อ 4 เงื่อนไขการเปิดดําเนินการ ในเขตพื้นที่สถานการณ์ที่กําหนดให้เป็นเขตพื้นที่ ควบคุมสูงสุด ให้สถานที่ กิจการ หรือการทํากิจกรรม ดังต่อไปนี้เปิดดําเนินการได้ภายใต้เงื่อนไข เงื่อนเวลา และการจัดระบบและระเบียบต่าง ๆ ที่กําหนด
        (1) การจําหน่ายอาหารหรือเครื่องดื่ม ให้จัดระเบียบการเข้าใช้บริการ จํานวนผู้นั่งบริโภค ในร้าน การจัดสถานที่ให้เป็นไปตามแนวปฏิบัติและมาตรการป้องกันโรคที่ทางราชการกําหนด โดยอาจให้เป็นลักษณะของการนํากลับไปบริโภคที่อื่น โดยให้ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด - 19 กระทรวงมหาดไทยและศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข ร่วมกันพิจารณาประเมิน กําหนดรูปแบบและกํากับการดําเนินการตามข้อปฏิบัติและมาตรการดังกล่าวของแต่ละพื้นที่จังหวัด ให้มีความเหมาะสม
        (2) การจําหน่ายสุรา สําหรับร้านอาหารหรือสถานที่ซึ่งจําหน่ายสุรา ห้ามการบริโภคสุรา และเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในร้าน
        (3) ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ ศูนย์แสดงสินค้า ศูนย์ประชุม หรือสถานที่จัดนิทรรศการ ร้านสะดวกซื้อ ซุปเปอร์มาร์เก็ต หรือสถานประกอบการอื่นที่มีลักษณะ คล้ายกัน ให้เปิดทําการได้ตามเวลาปกติของสถานที่นั้น ๆ ภายใต้การดําเนินการมาตรการป้องกันโรค ที่ทางราชการกําหนดอย่างเคร่งครัด

        ข้อ 5 มาตรการที่เหมาะสมกับสถานการณ์ในพื้นที่ เพื่อการป้องกันระงับยับยั้ง การแพร่โรคที่สอดคล้องกับสถานการณ์ของแต่ละเขตพื้นที่สถานการณ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครหรือผู้ว่าราชการจังหวัดอาจพิจารณาดําเนินการตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อในการสั่งปิด จํากัด หรือห้ามการดําเนินการของพื้นที่ สถานที่ หรือพาหนะหรือสั่งให้งดการทํากิจกรรมอื่นในเขต พื้นที่รับผิดชอบซึ่งมีความเสี่ยงต่อการระบาดของโรคเพิ่มเติมนอกเหนือจากที่กําหนดได้ โดยให้ ดําเนินการตามมาตรการหรือแนวปฏิบัติตามข้อกําหนด (ฉบับที่ ๑๕)

        ข้อ 6 การตรวจคัดกรองการเดินทางข้ามจังหวัด ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจและ คัดกรองการเดินทางโดยใช้เส้นทางคมนาคมข้ามเขตพื้นที่จังหวัด โดยเฉพาะการเดินทางของบุคคล จากเขตพื้นที่สถานการณ์ที่กําหนดให้เป็นเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุด ทั้งนี้ให้ดําเนินการตามมาตรการ ที่ ศปก.ศบค. กําหนด โดยให้พิจารณาถึงความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่ และต้องไม่เป็นการ ก่อความเดือดร้อนแก่ประชาชนเกินสมควรแก่เหตุ ให้ประชาชนงดหรือชะลอการเดินทางข้ามเขตพื้นที่จังหวัดเว้นแต่กรณีมีเหตุจําเป็น ซึ่งต้องแสดงเหตุผลและหลักฐานต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ รวมทั้งเข้ารับการตรวจคัดกรองและต้องปฏิบัติ ตามมาตรการป้องกันโรคที่ทางราชการกําหนด อันอาจทําให้ไม่ได้รับความสะดวกในการเดินทางและ ทําให้ต้องใช้ระยะเวลาการเดินทางมากกว่าปกติ

        ข้อ 7 ขอความร่วมมือให้ผู้ประกอบการภาคเอกชนพิจารณารูปแบบการปฏิบัติงานในช่วงระยะเวลานี้ ซึ่งอาจเป็นการปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง หรือการสลับวันหรือการเหลื่อมเวลาเข้าปฏิบัติงานเพื่อลดจํานวนผู้ปฏิบัติงานและปริมาณการเดินทางซึ่งเป็นมาตรการลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ

        ข้อ 8 ให้คณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการป้องกัน และยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) ตรวจสอบกลั่นกรอง และเสนอนายกรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอนุญาตให้ผ่อนคลายหรือกระชับมาตรการที่ใช้บังคับกับสถานที่ กิจการ หรือกิจกรรมเพิ่มเติมได้เพื่อความเหมาะสมต่อสถานการณ์ตามที่เห็นสมควร
มีผลตั้งแต่วันที่ 4 มกราคม 2564 เวลา 06.00 น. เป็นต้นไป

        ทั้งนี้เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ยังได้เผยแพร่ "คำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ที่ 1/2564"  เรื่อง "พื้นที่สถานการณ์ที่กำหนดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุด" โดยบัญชีรายชื่อทั้ง 28 จังหวัดดังต่อไปนี้ 

พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 28 จังหวัด

พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 28 จังหวัด

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Comments