ร่ำไห้ต่อหน้าลูกชาย! “นุ๊ก” เปิดใจหลังป่วยมะเร็งไทรอยด์
หลังอดีตนักร้องชื่อดังยุค 90 “นุ๊ก สุทธิดา เกษมสันต์ ณ อยุธยา” ได้ออกมาประกาศข่าวร้ายว่าตนป่วยเป็นมะเร็งจนต้องเข้ารับการรักษาตัว แต่หลังจากออกจากโรงพยาบาลกับมีประเด็นมากมาย งานนี้ “ดาราเดลี่” เลยขอนัดคิวด่วน คว้าตัว “สาวนุ๊ก” มาเปิดใจ โดย “นุ๊ก” ได้เผยผ่านรายการ “เคลียร์” ถึงวินาทีที่รู้ว่าเป็นมะเร็งว่า
อ่านข่าวต่อ : "นุ๊ก สุทธิดา" คืนบัลลังก์จอแก้ว ดราม่าหนักหน่วง ใน "ก่อนตะวันแลง"
ตนรู้ตั้งแต่ผลยังไม่ออก เพราะหน้าหมอบอกทุกอย่าง เลยพยายามคุยข้ามขั้นเพื่อทำการนัดผ่าต่างๆ ซึ่งตอนที่รู้ว่าเป็น แว๊ปแรกนิ่งและช็อคมาก ไม่ต่างจากถูกลอตเตอร์รี่รางวัลที่ 1 แต่ไม่ได้ 12 ล้าน มีความรู้สึกเหมือนว่าใช่ๆ ไหม แต่พอหมอบอกอีกทีว่าใช่ ตนก็เกิดคำถามขึ้นในใจทันที ลูกจะอยู่ด้วยกันไหม ครอบครัวหลังจากไม่มีเราจะเป็นยังไง ตอนตายจะเจ็บไหม ตายแล้วจะเป็นยังไง มี 108 คำถาม แต่สุดท้ายก็ตั้งสติแล้ว ไล่ตอบคำถามด้วยตัวเองทีละคำถาม
ซึ่งหลังจากกลับบ้านไป ตนได้บอกสามีเป็นคนแรกแต่สามีไม่เชื่อ คิดว่าเล่นใหญ่ เพราะเดินไปบอกสามีว่า ไอเป็นมะเร็งนะ เขาก็ยืนเอ๋อๆ แต่ตนไม่ได้สนใจจนเดินมาเจอลูกน้อย ทำให้มีคำถามแรกว่าถ้าเราจะตาย คำว่าอดัมมันลอยมาเป็นคนแรก จึงเดินตรงไปที่ลูกแล้วน้ำตามันไหล สามีเลยยิ่งโกรธ ว่าเล่นเป็นมะเร็งไม่พอ ยังคอนเฟิร์มด้วยการร้องไห้ต่อหน้าเลยหรอ เลยมีคำพูดว่า “ยังไม่ตาย ไม่ต้องร้องไห้” ส่วนลูกชายคนโตก็ไม่เชื่อ มาถามถึง 3 รอบ แต่สุดท้ายสามีก็มาเชื่อตอนที่เห็นว่าชิ้นเนื้อถูกตัดแล้ว
และจากคำพูดนั้น ทำให้หลายคนมองว่า “นุ๊ก” มีปัญหากับสามีกันหรือเปล่า ตนจึงได้ชี้แจงว่า วันที่เล่าเรื่องป่วยไม่ได้คิดอะไร เพราะไม่ได้มีปัญหากัน เลยแตะบางๆ เล่าไปว่าสามีไม่เชื่อ ทั้งที่ลืมนึกไปว่าควรอธิบายเรื่องของสามีด้วย แต่ดันไปโฟกัสแค่เรื่องโรคภัยไข้เจ็บ อยากเล่าให้สนุก แต่ปรากฏว่าเป็นเรื่องใหญ่มาก จนทุกคนมาถามว่า สามีทิ้งเลยหรอ ทำให้ตนกลับมานึกถึงสาเหตุที่หลายคนอาจจะเข้าใจผิดเป็นเพราะเขาไม่ลงรูปเราใน IG เพราะตนสั่งว่าห้ามลงรูป และไม่ต้องมาพรรณนารักกันให้ใครได้ยิน เนื่องจากเขาเป็นเทรนเนอร์ ก็ควรขายงานไป ซึ่งฝั่งสามีก็ไม่เคยมีรูป นอกจากวันครบรอบ หรือ แต่งงาน ย้ำความสัมพันธ์ในครอบครัวยังรักกันดี จะมีแค่ช่วงทำยิมที่ต่างคนต่างทำงานกันหนักมาก แต่ช่วงโควิดเป็นช่วงที่กลมเกลียวกัน เข้าใจกันดี อารมณ์ดี แต่ก็มีเรื่องเข้าใจผิดเล็กๆ ที่ทำให้งอนกันไปประมาณ 2-3 อาทิตย์ แต่ตนก็ไม่ได้มองว่ามันเป็นปัญหา
จากนั้น “นุ๊ก” เล่าต่อว่า ในขณะที่ตนมาทำงานและรักษาตัว สามีก็ดูแลลูก พร้อมย้ำต่อว่า ถ้าหลังบ้านเราไม่แข็งแรง หน้าบ้านเราออกไปรบไปทำงานคงไม่ได้ คงต้องมีอาการ แต่เท่าหมดเราทำงานกันเป็นทีมเวิร์ค เพียงแค่ไม่ชอบหวานออกสื่อ ทำไมต้องรักกันให้คนเห็น ส่วนประเด็นที่ชาวโซเซียลตั้งคำถามว่าป่วยสร้างกระแส “นุ๊ก” ก็เผยว่า ตนไม่ได้สนใจ เพราะเป็นเรื่องของความถูกใจกับไม่ถูกใจ ซึ่งสิ่งที่สนใจคือคอมเม้นต์ที่ให้กำลังใจมากกว่า
ทั้งนี้ “นุ๊ก” ได้เปิดใจต่อว่า คำว่าเป็น “มะเร็ง” ทำใจแป๊บเดียวไม่ถึง 15 นาที แต่ยังไม่ทำให้ท้อเท่าตอนรักษาตัวโดยการให้กลืนแร่ ซึ่งเป็นช่วงที่แย่ที่สุด เนื่องจากช่วงนั้นฮอร์โมนไทรรอยด์หมดโรคซึมเศร้ากำลังจะมา ทำให้พลังทุกอย่างดร็อปจากวันแรกคุยเล่นกับพยาบาลได้ แต่พอเจอรังสีทำให้เปลี่ยนเป็นคนละคน ด้านคุณหมอบังคับให้ทานน้ำเพื่อช่วยขับรังสีออก จนวันที่ 3 ตนไม่อยากทานอะไรเลย และบอกกับตัวเองว่าจะไม่รักษาใดๆ ทั้งสิ้น ถ้าตรวจเจอคราวหน้าจะไม่มารักษา กระทั่งเวลาบ่าย 3 ลุกขึ้นมาอีกรอบ และเตือนสติตัวเองว่าเรามีกำลังใจจากทุกคนมากขนาดนี้ต้องสู้ ก็กลั้นใจกิน น้ำผลไม้ สุดท้ายดีขึ้น จนวันที่ 4 ได้ออกจากโรงพยาบาลและกลับกลายมาเป็นคนเดิม
ส่วนค่ารักษาพยาบาล แม้ไม่ใช่โรงพยาบาลระดับท็อป แต่ตัวคุณหมอเป็นระดับท็อปที่ตนมั่นใจ รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมดกว่าครึ่งล้าน แต่โชคดีที่คุณพ่อคุณแม่ช่วยซับพอร์ต และในขณะที่ป่วยก็ไม่เคยมานั่งคิดว่าจะอยู่ได้นานอีกเท่าไหร่ รู้แต่ว่าต้องทำอะไรบ้าง ส่วนตัวถ้าไม่มีลูกตายไปคงไม่เดือดร้อน แต่จะทำให้พ่อแม่เสียใจ ฉะนั้นหากถึงเวลาที่เราต้องจากไปจริงๆ ลูกยังไงก็คือภาระ ซึ่งหมายความว่าถ้าเราตายก่อนพ่อแม่ นั่นคือเราทิ้งภาระให้ ฉะนั้นสิ่งที่ห่วงและอยากรับผิดชอบให้จบ คือให้ลูกโต ได้ยืนด้วยตัวเอง เพื่อจะไม่เป็นภาระของพ่อแม่ ตนก็จะจากไปอย่างสงบได้
และสำหรับแฟนๆ ที่คิดถึงผลงานการแสดงของ “สาวนุ๊ก” พรุ่งนี้ให้ติดจอรอชมกันได้เลย กับการหวนคืนจอแก้วในรอบ 10 ปี กับละคร “ก่อนตะวันแลง” ในบท “เรณู” ทางช่อง 7 HD ทุกวันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 19.00 น แต่ที่ไม่ต้องรอคือคลิปสัมภาษณ์แบบจัดเต็ม คลิกดูได้ที่ลิงค์นี้เลยจ้า