รีวิว : Hi Bye, Mama! (มีสปอยล์) เหตุผลของการมีชีวิตและจากไป
หากรู้ว่าอีก 49 วันจะตายจากโลกนี้ไป คุณอยากทำอะไรมากที่สุด?
เป็นซีรีส์ที่ฉากเรียกน้ำตามาได้เหมือนกระดิกนิ้ว ส่งตรงจากเกาหลี อย่าง Hi Bye, Mama! ที่เดินทางมาถึงอีพีสุดท้ายเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา จุดเริ่มต้นของการดูซีรีส์เรื่องนี้มาจากภาพที่แชร์กันในทวิตเตอร์ว่าเด็กน้อย “ซออูจิน” ที่รับบาทลูกสาวของ “คิมแทฮี” ในเรื่องเป็นเด็กผู้ชาย แต่มารับบทนี้ได้เพราะว่าหน้าตาละม้ายคล้ายคลึงกับ “คิมแทฮี” นางเอกสายวัย 40 กะรัตเมื่อครั้งเธอเป็นเบบี๋ ก่อนจะคลิกเข้ามาดูแล้วตกหลุมให้กับความน่ารักของเด็กน้อยจนถอนตัวไม่ขึ้น แล้วก็พบว่าซีรีส์เรื่องนี้ให้คุณค่าของการมีชีวิตอยู่ได้อย่างลึกซึ้งเลยทีเดียว “ไม่ว่าจะอยู่หรือตาย ชีวิตก็เป็นเรื่องของการจากลา” ประโยคหนึ่งที่ชอบมากจากตัวละครผีในเรื่อง เพราะมันเป็นประโยคที่ทำให้เรารู้จักยอมรับความจริงได้มากที่สุดว่าไม่มีอะไรอยู่กับเราได้ตลอดไป และการจากลานั้นเป็นเรื่องสุดแสนจะธรรมดา
อ่านข่าวต่อ : “เรน-คิมแทฮี” โดดรับงานครั้งแรกในฐานะคู่รัก
Hi Bye, Mama! เป็นซีรีส์ที่เล่าถึงเรื่องราวของผี “คุณแม่ชายูรี” ที่ไม่รู้ว่าได้รับบทลงโทษหรือรางวัลจากเบื้องบนให้กลับมามีชีวิตได้อีกครั้ง หลังจากที่เสียชีวิตไปเมื่อ 5 ปีก่อนจากอุบัติเหตุที่คาดไม่ถึงและเธอขอเลือกปกป้องชีวิตในครรภ์ให้สามารถลืมตาขึ้นมาดูโลก แต่เธอกลับต้องตายจากไปโดยที่ไม่มีโอกาสได้บอกลาสามี “คุณหมอโชคังฮวา” และครอบครัวเลยแม้แต่คนเดียว
โจทย์ของการกลับมาแบบงงๆ ในเรื่องมีเงื่อนไขว่าหาก “ชายูรี” สามารถกลับไปอยู่ในที่ของตัวเอง สถานะอย่างที่เธอเป็นก่อนตายจากไปได้แบบสมบูรณ์แล้วละก็ เธอจะกลายเป็นคนและสามารถอยู่ต่อบนโลกนี้ แต่ถ้าทำไม่ได้ก็ต้องเตรียมตัวไปเกิดใหม่ สิ้นสุดสเตตัสทั้งผีและคน หากมองให้ง่ายดายที่สุดก็เพียงแค่กลับไปบอกทุกคนในครอบครัว และอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เชื่อว่าครอบครัวต้องพร้อมใจอ้าแขนรับให้การกลับมาของเธอแน่นอน และใช่ค่ะมันไม่ง่ายแบบนั้น (เนื้อเรื่อง 16 อีพีจะเหลือ 5 อีพีเอานะ) “ยูรี” เฝ้ามองครอบครัวมาตลอด 5 ปีที่เธอจากไป และรู้ว่าคนรอบข้างเริ่มคลายจากความเศร้าที่เธอจากไปกันได้มากขึ้น เลยกลายเป็นการตัดสินใจครั้งแรกว่าเธออยากอยู่ใกล้ชิดลูกให้มากที่สุด ไม่ไปเปิดเผยตัวเองกับสามี ครอบครัว และเพื่อน โดยมีภาระกิจหลักคือปัดเป่าผีที่อยู่รอบๆ ตัวซออู ลูกสาววัย 5 ขวบที่มีซิกซ์เซ้นส์ (ซออูมองเห็นผีตั้งแต่เกิดเพราะว่ายูรีที่เป็นผีอยู่ใกล้ๆ ตลอด เหมือนแบบจิตเด็กอ่อนเลยเห็นผีได้ง่าย) และหวังว่าจะทำให้พัฒนาการของลูกดีขึ้น ตามความคิดของเธอที่ว่า “ลูกคือวันพรุ่งนี้ของคนเป็นพ่อแม่”
ความเป็นแม่ลูกของ “ชายูรี-ซออู” เรื่องนี้ถูกมองจากคนภายนอกเข้ามาเสมอว่ามีทั้งคู่มีหน้าตาคล้ายกันสุดๆ และตัวแม่ก็ออกอาการเห่อลูกสาวกว่าใคร การทำงานในเนิร์สเซอรี่ของ “ชายูรี” ทำให้มีโอกาสได้ดูแลลูกสาวอย่างใกล้ชิด เรื่องใส่ซีนแม่คอยดูแล ปกป้องลูก แต่ก็มักจะหักมุมด้วยความเศร้าเมื่อความรักของ “ชายูรี” ไม่สามารถเข้ามาแทนที่ของ “โอมินจอง” (โกโบกยอล) ภรรยาใหม่ที่แต่งงานเข้ามาช่วยแบ่งเบาความทุกข์และช่วยดูแลลูกให้กับ “โชคังฮวา” ได้เลย เพราะว่าตลอด 5 ปีเธอก็พยายามทำหน้าที่ได้ดีไม่น้อย (ขณะที่ชายูรีที่วนเวียนอยู่แตะต้องตัวลูกไม่ได้) แต่ฟาก “โอมินจอง” เองก็มีปมว่าเธอยังทำหน้าที่ของแม่ได้ไม่ดีพอ จากพัฒนาการของ “ซออู” ที่เงียบขรึมไม่ค่อยพูด รวมไปถึงหน้าที่ของภรรยา เพราะว่ายังมีกำแพงความเศร้าของ “คังฮวา” ที่ยังมีต่อ “ชายูรี” อยู่ เรียกว่าเป็นปมที่ผูกแน่นกันระหว่าง 4 คนพ่อแม่ลูกแบบกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
พ้อยท์เรื่องความสัมพันธ์ทำให้เราอดหงุดหงิดไม่ได้เลยระหว่างดู เพราะว่า “ชายูรี” เก็บงำความลับเรื่อง 49 วันของตัวเอง จนพอมีอะไรมาสะกิดเข้าเรื่อยๆ ตัวละครก็เอาแต่ “ขอโทษ” “ไม่เป็นไรนะ” กันเฟ้อมาก หรือพื้นฐานคนเกาหลีสุภาพและก็ถนอมน้ำใจกันสุดๆ ไปเลย ได้แต่สงสัย แต่เอาเถอะสุดท้ายปมก็ค่อยๆ คลายมากขึ้น “ชายูรี” มีโอกาสได้คลายปมให้กับสามีที่มีอาการป่วยกลัวห้องผ่าตัดตั้งแต่เธอเสียชีวิต เพราะว่าได้ไปปลอบด้วยตัวเอง มีโอกาสได้ทำดีตอบแทน “โอมินจอง” ที่ดูแลลูกให้อย่างดี ด้วยการเป็นเพื่อนคนแรก (ตั้งแต่ดูมาชีไม่สุงสิงกับใครเลย) คอยเอาใจใส่ ซื้อของที่ชอบให้ เนี้ยะ ทุกตัวละครดีเกินไปจริงๆ จนทำให้บทสรุปมันเศร้าและตัดสินใจยากอ่ะ ว่าแบบชายูรีควรมาแทนที่เดิมของโอมินจอง (ทวงตำแหน่งเดิมของภรรยาและออมม่า)
ตัดภาพมาที่ครอบครัวของ “ชายูรี” กันบ้าง คือทุกคนไม่ค่อยมูฟออนจากการตายของชายูรีได้เลย โดยเฉพาะแม่ที่ไปสวดมนต์ที่วัดตลอด หาอะไรบรรเทาเวลาคิดถึงลูกสาวคนโตมากๆ แต่เข้าใจนะ เพราะว่าตอนสุดท้ายเรื่องก็มาเฉลยว่าปมของแม่คือวันสุดท้ายไม่ได้ห้ามลูกสาวไม่ให้ไปทำงาน จนเกิดอุบัติเหตุขึ้น เนี้ยะโทษเป็นความผิดของตัวเองอีกแล้ว ทุกคนหยุดโทษตัวเองก่อน อย่างไรก็ตามขอเฉลยแรงๆ เลยว่าการคัมแบ็คของชายูรีมาจากความรักความคิดถึงของคุณแม่นี่แหละ บทคุณแม่ถ่ายทอดความรู้สึกของแม่ที่มีต่อลูกได้ดีไม่แพ้ที่ชายูรีมีต่อลูกเลย นักแสดงๆ ดีมาก และเรื่องหน้าเหมือนขอการันตีว่าคู่แม่ลูกรุ่นใหญ่นี้หน้าตาเหมือนกันหลายมุมมาก แคสต์นักแสดงดีอ่ะ ชอบตรงนี้ โอเคกลับมา ใดๆ คือการคัมแบ็คของชายูรีก็มาเติมเต็มแผลในใจของแม่และครอบครัวสุดๆ เมื่อลูกสาวคนโตกลับมามีชีวิต ครอบครัวนี้กลับมามีชีวิตชีวามากขึ้นมาก เห็นซีนกินข้าวแบบอบอุ่นเป็นครั้งแรกของเรื่องเลย เรื่องนี้ถ่ายซีนโต๊ะอาหารน้อยมาก จนกระทั่งชายูรีกลับมานี่แหละ การจากไปที่เคยทำให้เศร้าถูกแก้ด้วยความสดใสของชายูรี และมีโอกาสให้ทุกคนแสดงความรักความห่วงใยในครอบครัวแบบปลดล็อค แม่ได้ทำอาหาร น้องสาวได้ซื้อเสื้อผ้าให้พี่ ที่นี่แหละที่เปิดอ้าแขนได้เสมอเลย พ่อแม่พี่น้องเป็นแล้วเป็นเลยจริงๆ กลับมาตอนไหนก็ยังเป็นสถานะเดิมไม่เปลี่ยน
การกลับมามีชีวิตถือว่าเป็นการคลายปมของเธอที่จากไปแบบไม่ทันตั้งตัวได้ดีที่สุด ก่อนที่ท้ายเรื่องจะนำไปสู่การจากลาตลอดไปแต่ไม่มีห่วงอะไรอีกต่อไป ทั้งคนอยู่และคนตาย เหมือนอีพีตอนจบที่ทิ้งท้ายไว้ว่า “กลีบดอกร่วงหล่น แต่ดอกไม้ยืนยง ส่วนกลิ่นที่ยังหลงเหลืออยู่บนโลกนี้ฝังลึกลงไปในความทรงจำของเรา” ส่วนความตายในเรื่องนี้ก็ให้แง่คิดว่ามันไม่ใช่คำตอบของการตัดความทุกข์ใจออกไปเลย ในเรื่องเล่าชีวิตหลังความตายผ่านตัวละครผีที่ยังทนทุกข์ต่อ เพราะว่าไม่สามารถปลดห่วง หรือถึงวาระที่ขึ้นสวรรค์-ลงนรกไปได้ ต้องผ่านช่วงเวลาที่ยังคงอยู่บนโลกใบที่ไม่หยุดเคลื่อนไหว และอยู่มองเห็นคนรอบข้างที่ยังมีชีวิตอยู่ รับรู้ความเป็นไป ความทุกข์ของเขา และหากเป็นการจากไปที่ยังไม่ถึงแก่เหตุและเวลาอันสมควร รังแต่จะทิ้งความเศร้าไว้เบื้องหลัง
ส่วนอีกประเด็นที่ผ่านไม่ได้เลยคือ นอกเหนือจากแคสติ้งที่ดีแล้ว จุดเด่นของเรื่องที่เราชอบคือการแฟลชแบ็คกลับไปอดีตหรือเหตุการณ์ต่างๆ แล้วไม่สะดุด เนื้อเรื่องร้อยเรียงเป็นเหตุเป็นผล อธิบายการกระทำต่างๆ ของตัวละครได้ดีทีเดียว เช่นตอนเหตุการณ์อุบัติของชายูรี เกี่ยวข้องกับสายโทรศัพท์ที่เพิ่งวางไปของแม่ โมเมนต์ขอให้คุณหมอผ่าตัดช่วยลูก รวมไปถึงเหตุการณ์ที่โชคังฮวาไม่สามารถมาช่วยภรรยาได้เพราะว่าติดเคสผ่าตัดอื่นอยู่ เรื่องมันไม่ขาดช่วงให้สงสัยเลย (แต่ต้องอดทนรอนะ จังหวะคลี่คลายจะค่อยๆ ปล่อยมาทีละนิด) และเรื่องนี้เขาไม่ได้ขายดราม่าอย่างเดียวนะจ๊ะ มีคอมเมดี้จากแก๊งเพื่อนๆ ของพระ-นาง และแก๊งแม่ๆ ขาเม้าท์มาเปลี่ยนอารมณ์ให้สนุกเป็นระยะๆ ด้วย นอกจากนั้นขอให้คะแนนพิเศษโลเคชั่นน่ารักๆ ในเรื่อง เช่น โลเคชั่นตั้งแคมป์ และสวนซากุระตอนจบ ส่งบรรยากาศให้กับเนื้อเรื่องตอนนั้นได้ดีมากเลยล่ะ
รวมๆ แล้วระดับความน่าดูให้ไปที่ 8.5/10 หรือเลเวลต้มยำกุ้ง และขอทิ้งท้ายด้วยประโยคจาก “ชายูรี” ให้กับผู้อ่านลองตอบตัวเองดู ที่ว่า "เมื่อขึ้นสวรรค์ไปพระเจ้าจะถามคำถาม 2 คำถาม ถ้าตอบใช่ ทั้งสองคำถามชาติหน้าก็จะได้เกิดเป็นมนุษย์ คำถามหนึ่งก็คือ มีความสุขกับชีวิตที่ผ่านมาไหม และอีกคำถามก็คือ คนอื่นมีความสุขเพราะเราด้วยหรือเปล่า"