"น้ำตาล พิจักขณา" โอด "ผมอาถรรพ์" งานหิน หายเหนื่อยฟีดแบ็คดี

"น้ำตาล พิจักขณา" โอด "ผมอาถรรพ์" งานหิน หายเหนื่อยฟีดแบ็คดี

              เป็นอีกเรื่องที่น่ากลัวพอสมควร สำหรับละคร "ผมอาถรรพ์" ที่ได้สาว "น้ำตาล พิจักขณา วงศารัตนศิลป์" มารับบทเป็นผีผมยาว ไหนจะแต่งหน้าเอฟเฟคท์อีก และเห็นว่าเรื่องนี้ถ่ายไปออนแอร์ไป บวกกับคนในกองเจออาถรรพ์อีกด้วย ไปฟังเรื่องราวจากปากของเธอเลย

               เรื่อง “ผมอาถรรพ์” หลายคนก็บอกว่าน่ากลัว ถามว่าผมจริงหรือเปล่า ที่มาที่ไปเป็นอย่างไร และก็พี่ช่างผมเขาไปซื้อผมมาจากพม่า แต่ว่าไม่รู้ที่มาที่ไปเหมือนกันว่าเป็นอย่างไร ถามว่ากลัวไหม คนอาจจะกลัวแทน ส่วนเราเองก็ไม่ได้กลัวขนาดนั้น อย่างในฉากมันมีซีนที่ต้องนอนที่โรงเย็น ซึ่งก็เป็นโรงเย็นจริงๆ ที่เขาใช้งานแล้ว คือเราว่าเราไปทำด้วยใจแล้วเรามาทำงานมากกว่าเราไม่ได้รู้สึกว่าเราไปลบหลู่ ก่อนหน้านั้นก็มียกมือไหว้ขอ

               เรื่องอาถรรพ์เรายังไม่เคยเจอ แต่ว่าทีมงานเจอหลายคน เหมือนเป็นฉากที่จะต้องไปถ่ายที่รีสอร์ท เขาก็จะเห็นเหมือนว่ามีน้องฝึกงานนั่งอยู่เป็นผู้หญิงนั่งพิงเสา แต่ความจริงน้องเขาไม่ได้ไปตรงนั้นเลย ทุกคนก็เลยกลัว บางทีกำลังถ่ายอยู่ก็มีเสียงคัทเอง นักแสดงท่านอื่นอยู่ดีๆ ก็เดินกลับมา ทีมงานก็ถามว่าทำไมเดินกลับมา เขาก็บอกว่าได้ยินเสียงผู้หญิงสั่งคัท เราก็พยายามไม่ล่อกแล่กไม่มองไปที่อื่นที่ไกลๆ 

               ของขลังแรกๆ เราพกไป มีพี่ๆ ที่นับถือในวงการเขาให้มา แต่ว่าเราพกไปเรารู้สึกอึดอัดเอง เหมือนเราไปในที่ของเขาอย่างป่าช้าหรือว่าโกดังเก็บศพ เราเซฟสุดคือยกมือไหว้ คือการที่เราเอาของไปเราก็ไม่รู้ว่าเขาจะโกรธเราหรือเปล่า ก็เลยยกมือไหว้มากกว่า ก็เป็นเรื่องที่สุดมากๆ ตั้งแต่เล่นละครมาเลย ไม่เคยเจออะไรขนาดนี้มาก่อน คือพอเป็นผีเราก็จะหาอะไรมาเทียบเคียงความรู้สึกยากอยู่แล้ว แล้วมันมีความสลับซับซ้อนของบทค่อนข้างจะเยอะ ไหนจะเรื่องอารมณ์ แล้วก็คือเรื่องนี้มันเป็นเรื่องเเรกของเราที่ถ่ายไปออนแอร์ไปด้วย ตอนที่ออนแอร์เราถ่ายไปได้ 50-60% ทีนี้เราก็ต้องเร่งถ่ายกันทุกวัน แต่ว่าในทุกวันเราก็พยายามทำทุกอย่างให้มันดีที่สุด ในกองถ่ายเราก็รักกัน ให้กำลังใจกันตลอด 

               ถามว่าเรื่องต่อไปเราจะรับเล่นละครเล่นไปถ่ายไปอีกไหม ต้องบอกเลยว่ามันพูดยาก ละครเรื่องนี้ที่จริงก็เปิดกล้องมาสักพักเเล้ว เพียงแต่ว่าเราหยุดการถ่ายทำไป แล้วพอ กลับมาถ่ายทำอีกทีก็จะต้องเริ่มออนแอร์เลย ก็เลยค่อนข้างที่จะเร่งนิดหนึ่งแต่ว่าในการเร่งรีบของเราก็ยังยืนยันคำเดิมว่า เราเต็มที่กับทุกๆ อย่าง เราไปเพิ่มเวลาในการถ่ายทำ จากสมมติว่าคิววันจันทร์ อังคาร พุธ ก็เป็น 7 วันเลย มันไม่ได้เร่งจนตัดต่อไม่ทัน อีกอย่างไม่ได้รับละครอื่นแทรกเข้ามาเลย อย่างที่บอกคือมันจำกัดมากด้วย ระยะเวลาถ่ายทำจริงๆ แค่ 3 เดือนแล้วจบเลย มันก็เลยไม่มีเวลาที่จะแบ่งไปให้อย่างอื่น ก็ต้องสลับคิวกันมันเป็นช่วงต้นปีด้วย นักแสดงหลายท่านก็ไปต่างประเทศ อย่างตัวเราเองก็เกรงใจกับกองเหมือนกัน เพราะเราก็จองไปญี่ปุ่นตอนต้นปี เราจองไปเเล้วก็ต้องไป 

               ตอนไปญี่ปุ่นตอนนั้น เราไม่ได้โดนกักตัว คือโชคดีมากเราไปหลังปีใหม่ ช่วงนั้นไวรัสยังไม่ได้ระบาดเยอะ แล้วเราก็ไปตรงพื้นที่เสี่ยงด้วย เราเชื่อว่ามันเป็นช่วงจังหวะทุกคนก็น่าจะไป เพราะว่ามันเป็นฤดูของหิมะ ทุกคนก็น่าจะไปเที่ยวกัน สำหรับใครที่ตัดสินใจไปก็ต้องดูแลรักษาตัวเองให้ดี เพราะมีคนใกล้ตัวก็กักตัวอยู่เหมือนกัน คือเราไปเราก็ต้องรับผิดชอบตัวเองและส่วนรวมด้วย

               อย่างล่าสุดละครเพิ่งปิดกล้องไปเมื่อคืน ก็เป็นซีนสุดท้าย หายเหนื่อยเลยน้ำตาแทบจะไหลกันทั้งกองถ่าย อย่างที่บอกมันหนักหนามากๆ ในการถ่ายทำในการทำงานทุกๆ อย่าง และมันเป็นบรรยากาศที่เราต้องถ่ายละครและต้องดูละครในกองด้วย ก็เป็นเรื่องที่สนุกและเป็นประสบการณ์ที่ดี 

               ฟีดแบ็คก็ค่อนข้างดี ทุกคนก็บอกว่าน่ากลัว คนเฒ่าคนแก่แถวบ้านก็จะบอกว่าไม่กล้าดู เพื่อนๆ ก็กลัวกัน เรื่องผมส่วนตัวผมเรายาวอยู่แล้ว แล้วอาจจะเพิ่มความยาวเข้ามาเพื่อให้น่ากลัวมากขึ้น พี่ไผ่ไม่ดูละครเลย เขาดูแรกๆ แล้วเขาก็กลัวเราเขาบอกเขาไม่ชอบ เขาบอกว่าเห็นเราแล้วเขาเหนื่อยแทน เขาจะมองไปในแง่ของการทำงานมากกว่า 

               แพลนเที่ยวก็ยกเลิกหมด จริงๆ มีแพลนว่าจะพาคุณพ่อคุณแม่ไปเที่ยวช่วงซากุระ มันเป็นธรรมเนียมอยู่แล้วช่วงสงกรานต์ แต่ว่าด้วยสถานการณ์ตอนนี้มันก็ต้องยกเลิกไป เลยถือโอกาสกลับบ้านที่เชียงใหม่แทน