"พชร์" ลั่นไม่รับคำขอโทษจาก "นิก" เรื่องถึงศาลแล้ว
มีสัญณาณที่ดีออกมาแล้วเมื่อหนุ่ม "นิก คุณาธิป ปิ่นประดับ" ออกมาโพสต์ขอโทษผู้กำกับฯ ชื่อดัง "พชร์ อานนท์" ถึงเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้น แต่ "พี่พชร์" กลับไม่รับคำขอโทษจากเด็กในสังกัด ไปฟังจากปาก "พชร์" เลย
อ่านข่าวต่อ : “นิก คุณาธิป” พิมพ์เป็นหน้ากระดาษ ขอโทษ “พชร์” พูดไม่ดีด้วย
เกิดเหตุอะไรที่ “นิก” เขาโพสต์ อันนี้เราก็ไม่ทราบ เราทำงานอยู่ เราก็ไม่ได้สนใจอะไร จริงๆ จะมาขอโทษเราตอนนี้สายไปแล้ว เพราะว่าเรื่องมันถึงศาลไปแล้วเรียบร้อย ถ้าจะขอโทษเราว่าเขาน่าจะไม่ทำตั้งแต่แรกดีกว่า น่าจะคิดได้ตั้งแต่ตอนนั้นที่ออกมาด่าเราทุกวัน แค่ด่าเราก็ผิดแล้ว แต่พอตอนนี้เรื่องไปถึงที่ศาลแล้ว ศาลก็ต้องตัดสินใครผิดใครถูก
เห็นเขาโพสต์ความในใจแบบไม่น่าพูดออกไปเลยกับคำๆ นั้น เราซีเรียสมากกับคำๆ นั้น ไม่อย่างนั้นเราก็คงไม่ไปฟ้องศาล เพราะว่าเราอยากให้ศาลตัดสินให้ว่าการที่จะไปหมิ่นประมาทใครสักคน ในส่วนนี้มันต้องคิดให้ดีๆ เพราะว่ามันมีกฎหมายคุ้มครองตรงนี้อยู่ แล้วยิ่งกฎหมายหมิ่นประมาท อย่างเช่น ที่เขาน่าจะไปถามทนาย ความมันผิดหรือเปล่า เขาบอกว่าพี่โกง ชอบสร้างเรื่อง และเบี้ยวค่าตัว ซึ่งอันนี้ถึงแม้ว่าเราโกงจริงหรือไม่ได้โกง เขาก็ไม่มีสิทธิ์จะเอามาประจานเพราะมันเป็นเรื่องผิดกฎหมาย
วันจันทร์ที่แล้วเขาไปขึ้นศาล ทนายความก็มาบอกกับเราว่าตัวเขาก็ไม่ได้รู้สึกผิดอะไร เขายังพูดเลยว่ายังไงเขาก็ไม่ขอโทษ เพราะว่าเราโกงเขาจริงๆ ยังไงพี่ก็ไม่เสียหายอะไร แต่จริงๆ พี่ได้จ่ายไปแล้วตั้งแต่เดือนมีนาคมปีที่แล้ว เรายังจำได้แม่น ถ้าเราโกงเขาจริงทำไมเขายังมาเล่นเรื่อง “หลวงตามหาเฮง” จนจบให้เราอยู่ สาเหตุที่เขาต้องการสัญญาคืนเพราะว่าสัญญาเขายังอยู่กับเราประมาณ 3 ปี ซึ่งมันไม่เกี่ยวกับคดี มันคนละคดี ศาลเขาก็จะตัดสินว่าที่เขาหมิ่นประมาทเรามันมีมูลไหม แต่มันมีมูลเพราะเขาออกมาบอกแล้ว
ตอนนี้ศาลก็รับฟ้องแล้ว มันไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องสัญญา เพราะว่าไกล่เกลี่ยเราก็ไกล่เกลี่ยแล้ว แค่ทางเขาไม่ยอม เขาบอกว่าเขาไม่ยอมที่ไกล่เกลี่ยกัน เราบอกให้เขาขอโทษเราทั้งหมด ออกทุกสื่อที่ลงไป แล้วก็จ่ายค่าทนาย ความให้เรา เขาก็บอกว่าเขาไม่เอา เขาบอกเขาขอสัญญาคืนเขาถึงจะยอม เราให้โอกาสแล้วเขาไม่เอาก็คือไม่เอา เเล้วมันไม่เกี่ยวกับสัญญา เพราะไม่เคยทำผิดสัญญากับเขาเลยแม้แต่ครั้งเดียว เราอยู่ด้วยกันมา 7 ปี คำว่าโกงหรือคำว่าเบี้ยวไม่เคยออกจากปากเขาเลย แต่จะเอาสัญญาคือกลับมาบอกว่าเราโกง
ยืนยันเลยว่าเราไม่ใจอ่อน คนทำผิดก็ต้องรับสิ่งที่เขากระทำไป แล้วเรื่องมันอยู่ที่ศาลอยู่ จะมาขอโทษ ถ้าคนเรามันจริงใจมันไม่ขอโทษผ่านโซเชียล เขาต้องมาหาเรา วันที่เขาขึ้นศาลก็เห็นว่าเขาไม่ได้สลดอะไร ทนายก็บอกว่าเขาบอกเขาไม่ผิด เราต้องการความถูกต้องว่าสิ่งที่เขาพูดไปเขาต้องรับผิดชอบ เราเสียหาย เราไม่เป็นอย่างที่คุณพูด
เรื่องดำเนินคดีเราก็แล้วแต่ศาลจะตัดสิน เขาก็บอกว่าเขาจะสู้ให้ถึงที่สุด เขาก็บอกว่าเขาจะขายบ้าน ขายรถ สู้เรา เขาเอาทนายว่ามาเบ่งกับเราก่อน ถ่ายรูปคู่กับทนายมาขู่เรา เราก็ในเมื่อเขาต้องการจะเป็นคดีความก็เป็นคดีความไปเลย ดังนั้นทุกสิ่งทุกอย่างเราไม่ได้เป็นคนเริ่มต้น เราเป็นคนถูกกระ ทำ แล้วเราก็มาคอยแก้คอยอะไรแบบนี้ ซึ่งจริงๆ มันไม่ได้อยู่ในหัวสมองเราเลย เราต้องทำงาน ถ่ายหนัง เพราะในสิ่งที่เขาทำเขาก็ต้องรับผิดชอบในสิ่งที่เขาทำเพราะเราเสียหาย สัญญาเขายังอยู่ที่เราอีก 2-3 ปี บอกตรงนี้เลยว่าใครจ้างงานเขา เราก็จะฟ้องคนจ้าง เราไม่ฟ้องเขาเพราะเขาไม่มีเงินจ่ายเรา ไม่ว่างานอะไรเขาต้องผ่านเรา เพราะเขายังอยู่ในสัญญาเรา เราไม่ได้แกล้งเด็ก แต่เด็กเขาทำตัวเองทั้งนั้น เขาบอกว่าเราสกัดเขาไม่ให้ออกรายการ เราสกัดได้เพราะมันเป็นสิทธิ์ของเรา ยืนยันว่าสัญญาเราเป็นธรรมแน่นอน
ส่วนเรื่อง “แตงโม” เขาไม่เกี่ยวกับเรา เขาไม่สมควรที่จะเข้ามายุ่ง เพราะว่ามันเป็นเรื่องของเรากับเด็กเรา เด็กเราเมื่อ 7 ปีที่แล้วเราทำงานด้วยกันมา “แตงโม” เพิ่งเข้ามา แล้วเราก็ไม่เคยมีปัญหาอะไรกับเขา เพราะฉะนั้น “แตงโม” อยู่เฉยๆ อย่ามายุ่งเรื่องของเรากับเด็กเรา
แล้วล่าสุดที่เราลงรูปไปว่าใครไปดูหนังเราก็จะแจกหน้ากากอนามัยให้ เราเห็นว่าตอนนี้หน้ากากอนามัยมันขาดแคลน แต่ที่เราจะแจกเราก็ทำจากผ้าที่ผ่านการฆ่าเชื้อผ่านมาตรฐาน เราก็เอามาแจกให้แฟนๆ หนังเวลาหัวเราะมันมีหน้ากากบังอยู่ เราหาวิธีรับผิดชอบต่อสังคมด้วยการแจกหน้ากาก
เรื่องหนังเข้าฉายเราก็แล้วแต่ผู้ใหญ่ เราเป็นคนทำงาน ถ้าผู้ใหญ่ให้เราฉายเราก็จะฉาย จริงๆ กำหนดเราเข้าฉายก็วันที่ 2 เมษายน