“แก้ม วิชญาณี” เล่าโมเมนต์ ขึ้นร้องเพลงบนเวทีระดับโลก
อีกหนึ่งความภาคภูมิใจของคนไทย สำหรับสาว “แก้ม วิชญาณี เปียกลิ่น” นักร้องสาวเสียงทรงพลัง และล่าสุดยังเป็นนักร้องไทยคนเเรกที่ได้รับเลือกให้ขึ้นร้องเพลงบนเวทีระดับโลก อย่างออสการ์ครั้งที่ผ่านมา วันนี้สาว “แก้ม” ได้ออกมาเล่าโมเมนต์ตอนขึ้นร้องเพลง และเล่าถึงความภาคภูมิใจในครั้งนี้ จะเป็นอย่างไรไปฟังเจ้าตัวเลย ว่า
อ่านข่าวต่อ : เปิดความรู้สึก “แก้ม วิชญาณี” 11ปี บนเส้นทางของการเป็นดาว
ความรู้สึกตอนอยู่บนเวทีเราคิดว่าเราต้องทำออกมาให้ดีที่สุด แล้วเราก็อยู่กับเนื้อเพลง และอยู่กับโชว์ตรงนั้น แต่ก่อนออกไปเราตื่นเต้นมาก มันเหมือนความฝัน ถึงแม้เราจะซ้อมหลายรอบแล้วก็ตาม แต่เรารู้สึกว่าชีวิตนี้เราจะทำตรงนี้ให้ดีที่สุด และเต็มที่ที่สุด เพราะไม่รู้ว่าเราจะได้มีโอกาสทำแบบนี้อีกไหม แล้วอยากทำให้ประเทศไทยได้ภูมิใจ ได้ร้องเพลงที่มีเนื้อเพลงภาษาไทย
เราไม่ได้เก็บความลับนี้นาน ตอนที่เราทราบทางดิสนีย์ไทยแลนด์แจ้งว่าจะให้เราไปร้องเพลงร่วมกับ “อาเรียน่า เมนเซล” ซึ่งเป็นคนร้องต้นฉบับ แต่ว่ายังไม่ได้บอกกับเราว่าจะเป็นเวทีไหน พอใกล้ช่วงนี้เขาประกาศเพลง เขาบอกว่าถ้าเพลง Into the unknown ได้เข้าชิงเราจะได้ไปร้องเพลงนี้กับอาเรีย และอีกหลายคนหลายประเทศที่ได้รับเลือกในครั้งนี้
พอเรารู้เราก็คิดว่าเราฝันไป ไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องจริง สำหรับเรามันเกินกว่าที่เราจะคาดถึงได้ ออสการ์มันเป็นอะไรที่ไกลตัวจากเรามากๆ เพราะไม่ได้เป็นนักแสดงภาพยนตร์ แต่เรามีโอกาสได้พากย์เอลซ่าเราเลยรู้สึกว่าเราโชคดีมากๆ ที่เราได้รับโอกาสในครั้งนี้ เราว่าทุกๆ เรื่องที่มันผ่านมาเป็นที่สุดในชีวิตของเราอยู่แล้ว แต่อันนี้มันยิ่งใหญ่ มันเป็นความภาคภูมิใจมากกว่า
กับการที่บอกว่าเราเป็นคนไทยคนแรก ตอนนั้นเราไม่ได้คิดอะไรเพราะเราไปโฟกัสกับการซ้อมร้องเพลงมากกว่า แต่เรารู้สึกดีใจมากกว่าที่มีภาษาไทยในเวทีออสการ์ เรารู้สึกโล่งใจที่ได้ทำออกไปอย่างเต็มที่ มันอิ่มเอมใจกับการที่เราได้อยู่ในโมเมนต์นั้น และเราได้ไปเจอกับดาราระดับโลก แล้วทุกคนที่ร้องเพลงด้วยกันหลายประเทศเขาร้องไห้เพราะว่าไม่รู้เราจะมีโอกาสแบบนี้อีกไหม
ตอนที่เราแสดงเราโฟกัสกล้อง เพราะว่าเราอยากให้ตัวเองมีสติมากที่สุด แล้วก็ส่งความสุขให้กับคนดู เราคิดว่าเราเป็นเหมือนตัวแทนคนไทยที่ได้ร้องเพลงภาษาไทยบนเวทีออสการ์มากกว่า แต่คนบอกว่าเราจิกกล้อง เราก็ไม่รู้ว่าภาพมันจะออกมาแบบนั้น ก็มีไปย้อนกลับมาดูตัวเอง เรามองกล้องจนวินาทีสุดท้ายจริงๆ เราเห็นกำลังใจที่ทุกส่งมาให้แล้วก็มีหลายคนที่ภูมิใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
เห็นบอกว่าต่างชาติเขายกให้เราเป็นดาวเด่นบนพรมแดง เราโชคดีที่ได้ดีไซเนอร์จากแบรนด์ POEM มาช่วยดูให้ เราบอกธีมเขาว่าเป็นธีมดิสนีย์ อยากให้มีสีชมพูหรือว่ามีสีม่วง ออกแนวเจ้าหญิง เราต้องขออนุญาตใช้แบรนด์ไทย เราเลือกชุดนี้เพราะทางดีไซเนอร์เชื่อมั่นว่าเราใส่แล้วมันจะออกมาดีและสวยงาม เพราะมันเป็นครั้งแรกที่เราไปด้วย เราไปถึงเราไม่รู้ว่าเขาจะปล่อยยังไง คิดว่าปล่อยให้เดินออกมาทีละคน เราเลยรู้สึกเกร็งนิดหนึ่ง เราใช้พื้นที่ตรงนั้นเยอะมากกว่าคนอื่น เราไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแบบนั้นจริงๆ แล้วมันเป็นจังหวะมากว่าทุกคนเขาโอเคและชื่นชมที่แต่ละประเทศเตรียมตัวกันไป เขายกให้เราเป็นเบสท์เดรส เราก็ดีใจแทนแบรนด์ไทย เราว่ามันเป็นชุดที่จะอยู่ในความทรงจำของเราและทุกๆ คน
มีดราม่าเรื่องชุด ตอนนั้นการที่เราเตรียมตัวไปเรารู้สึกว่าเราเต็มที่แล้ว เราไม่ทันได้มองถึงจุดนี้ เพราะเราถือว่าเราเป็นคนไทย แล้วการไหว้สวัสดีความเป็นไทยของเรามันมาจากตัวตนของเรา เลยอาจจะไม่สามารถที่จะทำได้ตามทุกอย่าง เราว่าเรากับทีมงานก็ทำเต็มที่มาก
