Show Me the Way to the Station ที่ตรงนั้นฉันจะรอเธอ
ภาพยนตร์ที่เรียกน้ำตาของต้นปีนี้ ดัดแปลงมาจากเรื่องสั้นของ ชิซุกะ อิจูอิน ในปี 2004 นักเขียนเจ้าของรางวัล นาโอกิ เป็นเรื่องราวของ “ซายากะ” ที่เล่าเรื่องชีวิตของตัวเองในวัยเด็ก กับความผูกพันที่บทสุดท้ายของมันคือการจากลา
เรื่องราวเริ่มเล่าไปถึง “เด็กหญิงซายากะ” วัย 8 ขวบ ที่อยู่ในโรงเรียนไม่มีใครอยากที่จะเป็นเพื่อนกับเธอเลยสักคน จนวันหนึ่งโชคชะตาก็นำพาเธอมาพอกับ เจ้าหมาชิบะ ที่มีชื่อว่า “ลู” เจ้าหมาที่ถูกทิ้งเพราะพันธุ์ของมันไม่ตรงกับใบเพชรดีกรี เจ้าของเก่าเลยเอามาส่งคืนที่ร้าน และทางร้านก็กำลังจะนำมันไปปล่อยที่ไหนสักที่หนึ่ง “ซายากะ” เห็น “ลู” ที่กำลังโดนผู้คนที่ออกมาจากร้านขายสุนัขพูดดูถูก ก็เลยเดินเข้าไปหา “ลู” เเล้วก็มีความคิดว่าบางทีอะไรหลายๆ อย่างใน “ลู” ก็เหมือนกับเธอ และด้วยความที่ว่า “ลู” ดันเป็นเจ้าสุนัขขี้อ้อน จึงทำให้ “ซายากะ” อยากที่จะพา “ลู” กลับไปเลี้ยงที่บ้าน
หลังจากนั้นเธอได้กลับไปขออนุญาตพ่อเเม่ เพื่อที่จะพา “ลู” ไปเลี้ยงที่บ้าน ใช้เวลาขออยู่นานพอสมควร แต่ไม่ใช่ว่าพ่อแม่จะไม่อนุญาตนะ (เรื่องนี้สะท้อนเรื่องครอบครัวได้ดีพอสมควร) พ่อเเม่ของซายากะพยายามพูดถึงสิ่งที่ เธอต้องเจอหลังจากเอา “ลู” มาเลี้ยง ว่าจะมีผลกระทบยังไงบ้าง “ซายากะ” เข้าใจเหตุผลที่พ่อเเม่ให้กับเธออย่างดี จนทำให้เธอเองก็ต้องกลับมานั่งคิดถึงสิ่งที่เธอกำลังจะทำ และแล้วเธอก็ติดสินใจว่า “หนูจะดูแล ‘ลู’ ตลอดไป”
หลังจากนั้นทั้งสองก็กลายเป็นเพื่อนรักกัน ทั้งคู่ชอบไปดูรถไฟขณะที่กำลังวิ่งผ่านเมือง และจะชอบมากถ้ารถไฟขบวนนั้นเป็นสีแดง ทั้งคู่ตระเวนวิ่งเล่นในเมือง จนวันหนึ่ง “ลู” ก็พา “ซายากะ” ไปพบกับที่แห่งใหม่ ที่ที่มีแต่เธอกับ “ลู” เท่านั้นที่จะเข้ามาได้ นั่นก็คือ สนามหญ้าติดกับแม่น้ำที่อยู่ในเมือง ทั้งคู่ใช้เวลาอยู่ที่นี่ในทุกๆ วัน จนวันหนึ่ง “ลู” ได้ไปเห็นอะไรบางอย่างแล้วพยายามที่จะขุดมัน ทั้งคู่ใช้เวลาขุดอยู่หลายวันจนพบว่ามันคือทางรถไฟเก่า หลังจากนั้นทั้งคู่ก็ยังใช้เวลาวิ่งเล่นอยู่ในที่แห่งนั้นในทุกๆ วัน กิน นอน อยู่ในที่ที่พวกเขาคิดว่ามันคือที่ที่เขาจะได้ใช้เวลาด้วยกัน จนถึงวันที่ “ซายากะ” ต้องไปทัศนศึกษากับที่โรงเรียน ทั้งคู่บอกลากันด้วยความเศร้า พร้อมกับคำสัญญาที่ว่า “รอก่อนนะเดี๋ยวก็กลับมาแล้ว”
หลังจากที่ “ซายากะ” กลับมาถึงบ้านก็ไม่พบ “ลู” เธอพยายามถามคนที่บ้าน คนที่บ้านก็บอกว่า “ลู” ตายเเล้ว แต่ด้วยความรักและความผูกพัน “ซายากะ” จึงพยายามที่จะออกตามหา “ลู” ในที่ที่ “ลู” เคยไป และทำทุกๆ อย่างเหมือนกับว่า “ลู” ยังอยู่ ทุกวันเธอพยายามที่จะไปรอที่สถานีรถไฟ พยายามจะไปในที่ที่เธอเคยไปวิ่งเล่นกับ “ลู” แต่สุดท้ายก็ไม่เจอ
จนเธอไปนั่งอยู่ในสถานที่ที่ “ลู” กับเธอเคยวิ่งเล่น จนไปเจอสุนัขตัวหนึ่งชื่อว่า “รูธ” เป็นสุนัขที่พัดหลงกับเจ้าของของมัน “ซายากะ” ได้พูดคุยกับ “รูธ” และ “รูธ” วิ่งหนีจน “ซายากะ” ตามหาแล้วก็ไปพบที่อยู่ร้านแห่งหนึ่งที่มี “โคทาโร่ ฟูเสะ” เป็นเจ้าของร้าน ทั้งคู่พุดคุยกันถึงเรื่องของ “เจ้ารูธ” ว่าเป็นมายังไง จนกระทั่ง “โคทาโร่ ฟูเสะ” รูปลูกชายตัวเองออกมาให้ดู และในรูปนั้นก็มี “ลู” อยู่ด้วย ซึ่ง “ลุงโคทาโร่ ฟูเสะ” ก็บอกว่า “รูธ” หน้าตาเหมือน “ลู” ซึ่งจริงๆ แล้วไม่มีความเหมือนกันเลย แต่การที่ “ลุงโคทาโร่ ฟูเสะ” บอกว่าเหมือนก็เพราะว่า “รูธ” เหมือนจะเป็นตัวแทนของ “ลู”
หลังจากนั้น “โคทาโร่ ฟูเสะ” และ “ซายากะ” ก็สนิทกันมากขึ้น จน “ซายากะ” ถามถึงลูกชายของ “โคทาโร่ ฟูเสะ” ว่าหายไปไหน เขาตอบได้เพียงว่า ลูกของเขาไปเที่ยวในที่ที่หนึ่ง และยังไม่กลับมา (มันคือการรอคอยนั่นเอง เพราะจริงๆ แล้วลูกชายของ “โคทาโร่ ฟูเสะ” เสียชีวิตไป 40 ปีแล้ว)
จนเวลาล่วงเลยมา วันหนึ่ง “ซายากะ” ได้ชวน “โคทาโร่ ฟูเสะ” ออกไปตามหาอะไรบางอย่าง อะไรที่ว่าก็คือ “อะไรนั่นแหละ” สิ่งที่ทั้งคู่กำลังจะออกไปตามหานั้นก็คงมีเป้าหมายของแต่ละคน “โคทาโร่ ฟูเสะ” อาจจะอยากไปตามหาลูกชาย ส่วน “ซายากะ” อยากออกไปตามหา “ลู” ทั้งคู่นัดกันที่สถานีรถไฟในเมืองเพื่อที่จะไปเที่ยวทะเล ระหว่างทางขณะที่ “ซายากะ” กำลังนั่งอยู่บนรถไฟ ก็ฝันเห็นลูกชายของ “โคทาโร่ ฟูเสะ” และ “ลู” อยู่ด้วยกัน แต่ความฝันสั้นมาก และเลือนลาง จนกระทั่งเธอไปถึงที่ทะเล และพูดคุยหลายๆ อย่างกับ “โคทาโร่ ฟูเสะ” จนหลับไป และตื่นมาพร้อมกับเห็น “โคทาโร่ ฟูเสะ”เล่นเบสบอลอยู่คนเดียว
“โคทาโร่ ฟูเสะ” เดินขึ้นมาหา “ซายากะ” แล้วถามขึ้นมาว่า “กินไอศกรีมหรือน้ำผลไม้” เธอตอบไปว่า ไอศกรีม แต่คนที่เอามาให้ดันเป็นลูกชายของโคทาโร่ ฟูเสะ และ “ลู” ทั้งคู่พูดคุยกัน และชวนกันเดินเล่นไปรอบๆ ของชายหาดนั้น จนเวลาที่ทั้งคู่ต้องจากกันก็มาถึง “ซายากะ” ตื่นขึ้นมาบนรถไฟขากลับ หลังจากนั้น “โคทาโร่ ฟูเสะ” กับ “ซายากะ” ก็แยกย้ายกัน
จากนั้นไม่กี่วัน “ซายากะ” ไปหา “โคทาโร่ ฟูเสะ” ที่ร้าน แต่กลับไม่เจอ เธอมารู้จากเจ้าของตึกว่า “โคทาโร่ ฟูเสะ” หนีออกจากโรงพยาบาลเพื่อมาเปิดร้าน เเละร่างกายก็ทรุดหนักหลังกลับจากไปเที่ยวกับ “ซายากะ”
“ซายากะ” รู้จึงไปหา “โคทาโร่ ฟูเสะ” ที่โรงพยาบาล รอจนตื่น และพูดคุยกันได้ไม่นาน ประโยคสุดท้ายที่คุยกันก่อนที่จะไม่ได้พบกันอีก คือ “ฉันจะรอที่สถานี” วันต่อมา “โคทาโร่ ฟูเสะ” ก็เสียชีวิต
จากเหตุการณ์แห่งการสูญเสียที่เกิดขึ้น ทำให้ “ซายากะ” เด็กผู้หญิงที่ ปฏิเสธคำๆ นี้มาตลอด ได้เข้าใจถึงคำที่ว่าไม่มีใครสามารถอยู่บนโลกนี้ได้ตลอดไป เธอกลับไปที่สนามหญ้าที่มีรางรถไฟเก่าอีกครั้ง ครั้งนี้สถานที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย จากที่เคยมีแค่รางรถไฟก็มีพื้นสถานีขึ้นมา พร้อมกับการที่เธอได้เจอกับ “โคทาโร่ ฟูเสะ” และลูกชายของเขา พร้อมทั้งมี “ลู” อยู่ข้างๆ ทุก สิ่งทุกอย่างคลี่คลายจากฉากท้ายของเรื่อง เมื่อรถไฟขบวนที่มารับ “โคทาโร่ ฟูเสะ” และลูกชาย เป็นรถไฟขบวนสีแดงที่เธอและ “ลู” ชอบไปดูเวลามันวิ่งผ่าน รถไฟขบวนนี้เป็นรถไฟแห่งการจากลา ไม่มีบอกว่าปลายทางคือที่ไหน เเต่มันคือจุดที่ต้องแยกจากกัน “ซายากะ” เข้าใจดีว่าสิ่งที่เธอเจอมาตลอดการเดินทางไปเที่ยวกับ “โคทาโร่ ฟูเสะ” นั้นหลายอย่างคือความฝัน แต่เป็นความฝันที่บอกถึงความจริง และที่ “โคทาโร่ ฟูเสะ” ตายตาหลับ หรือยอมที่จะ ปล่อยให้หมดลมหายใจก็เพราะว่าตอนนั้น “โคทาโร่ ฟูเสะ” ไม่ได้เล่นเบสบอลคนเดียวน่ะสิ การรอคอยหรือการตามหาของ “โคทาโร่ ฟูเสะ” สิ้นสุดลงตั้งแต่ได้ไปเที่ยวแล้ว การรอคอยกว่า 40 ปีที่ลูกรอคอยพ่อ พ่อรอคอยลูก จบลงที่สถานีรถไฟแห่งนี้ ทั้ง 3 ได้จากไปพร้อมกับขบวนรถไฟที่ไม่รู้ว่าจะวนมาเมื่อไร “ซายากะ” เริ่มเข้าใจกับเหตุการณ์นี้มากขึ้น และอยู่กับมันให้ได้ สุดท้ายเธอกลับไปตามหา “รูธ” ที่หายตัวไประหว่างที่ “โคทาโร่ ฟูเสะ” เข้าโรงพยาบาล
“ซายากะ” เจอกับ “รูธ” อีกครั้งที่สนามหญ้าที่เดิมที่เธอเคยมาเล่นกับ “ลู” ทั้งคู่ยังคงใช้ชีวิตด้วยความเข้าใจต่อไปว่า วันหนึ่งรถไฟขบวนนั้นจะกลับมาอีกครั้ง ครั้งนี้อาจจะเป็นเธอก็ได้ที่เป็นคนขึ้นไปอยู่บนรถไฟ และเจอกับครอบครัวของ “โคทาโร่ ฟูเสะ” และ “ลู” อีกครั้ง
เราเห็นอะไรจากภาพยนตร์เรื่องนี้บ้าง แน่นอนว่า “ลู” ก็คือ สุนัขของลูก คุณลุง “โคทาโร่ ฟูเสะ” เรื่องนี้น่าจะเป็น “ซายากะ” ในวัยอายุราวๆ 20 ปลายๆ เป็นคนเล่าเรื่อง พูดถึงเรื่องราวของตัวเองอีกครั้งในเวลาที่เธอคิดถึงมัน ความผูกพันระว่างคนกับสัตว์ ไม่ว่าจะนานกี่ปี ความสัมพันธ์ก็เหมือนเดิม การรอคอยในเรื่องนี้ก็สะท้อนออกมาได้ดี ในฉากที่ “โคทาโร่ ฟูเสะ” กับลูกชายได้เจอกันที่สถานีในสนามหญ้า
ภาพยนตร์ : Show Me the Way to the Station ที่ตรงนั้นฉันจะรอเธอ
ความสนุก : เรื่องนี้เล่าแบบง่ายๆ มีจุดที่น่ารักๆ อยู่หลายจุด และมีจุดพีคในช่วงท้ายของเรื่อง 8 / 10
กราฟิก CG : ไม่มีอะไรมาก มีแค่ฉากที่ “ซายากะ” เจอตัวเองในวัยเด็ก และตอนที่เธอตกลงมากจากบนฟ้าในฉากสุดท้าย 8 / 10
เนื้อเรื่อง : หลักๆ ในเรื่องจะพูดถึงเรื่องความสัมพันธ์ของคนและสัตว์ เรียบเรียงเรื่องได้ดี และถ่ายตามเวลาจริง หรือที่เรียกว่า CHRONOLOGICAL ORDER 9 / 10