เปิดเส้นทางก่อนจะดัง “พรีม รณิดา” จากนางเอกเอ็มวี สู่การเป็นนางเอกชื่อดัง!
แจ้งเกิดเป็นนักแสดงดาวเด่นประดับวงการ และมีผลงานให้แฟนๆ ได้ติดตามอย่างต่อเนื่อง สำหรับสาว “พรีม รณิดา เตชสิทธิ์” แต่กว่าจะมีชื่อดังโด่งดัง และมีแฟนคลับติดตามได้อย่างทุกวันนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย วันนี้ “ดาราเดลี่” จะพาไปย้อนเส้นทางการเข้าสู่วงการบันเทิง และชีวิตในวัยเด็กของเธอ ซึ่งเธอเผยให้ฟังว่า
สำหรับชีวิตวัยเด็ก “พรีม” โตที่อิตาลี แล้วเพิ่งย้ายมาตอน 10 ขวบ เป็นเด็กค่อนข้างซน มีวีรกรรมให้ครูปวดหัวตลอด เป็นคนพูดไม่หยุด ก็จะโดนลงโทษให้ไปนั่งคนเดียวในห้อง ตอนอยู่เมืองนอกเขาจะมองว่าอาชีพนักแสดงเป็นอาชีพที่ไม่แน่นอน เราไม่เคยมองว่าการเป็นนักแสดงเป็นอาชีพ คนธรรมดาอย่างเราทำได้ด้วยเหรอ มองว่าเป็นงานที่สูงมาก อยู่ไกลจากตัวเรา แต่พอเรามาย้อนมองเวลาคนรอบตัวเราชมหรือบอก เขาก็จะบอกว่าเราเป็นคนชอบการแสดง ชอบร้องเพลง ชอบเต้น ชอบทำหน้าทำตาตั้งแต่เด็กแล้ว ตอนเด็กๆ เราจะชอบดูหนัง แล้วจำไลน์ของหนังได้ ก็จะเป็นดูไปด้วยแอ็คติ้งไปด้วย
เส้นทางการเข้าสู่วงการบันเทิง ช่วงก่อนหน้านั้นก็มีคนมาทาบทาม ที่เยาวราช แต่ตอนนั้นหนูพูดไทยไม่ได้เลย เราก็เลยเขินอาย ไม่อยากทำ แล้วอีกครั้งตอนเดินฟู้ดแลนด์ ช่วงสงกรานต์ ตอน 3 ทุ่ม ผมก็เปียกจากเล่นน้ำมา เราแวะไปซื้อของก่อนกลับบ้าน เราก็กระโดดดูของโน่นนี่นั่นระหว่างเซลส์ จน “พี่พลอย-พี่แพร” (ผู้จัดการฯ ปัจจุบัน) เขามาเจอ แล้วก็มาชักชวนอีกรอบหนึ่ง ด้วยความที่พี่ๆ เขาก็เป็นคนที่ดูมีความน่าเชื่ออถือมาก และก็เป็นคนโทรไปอธิบายอะไรต่างๆ ให้คุณแม่ฟัง แต่ตอนนั้นหนูก็ยังพูดไทยไม่ค่อยชัด ก็เลยคิดว่าถ้าเราโดนทาบทามมาครั้งหรือสองครั้ง แสดงว่าเขาต้องเห็นอะไรในตัวเรา “พรีม” เป็นคนที่จะคิดว่าคนเราถ้าจะเป็นมันก็ต้องเป็น ถ้าดวงมันจะมาเราก็ต้องรับโอกาสนี้ไว้ ก็เลยตอบตกลงไป ตอนนั้นอายุ 12 ปี ยังดัดฟันอยู่ ต้องเก็บตัว 2 ปีเพื่อให้ดัดฟันเสร็จก่อน บวกกับต้องเรียนภาษาไทยให้แข็งด้วย จนอายุ 14 ถึงเริ่มมีผลงาน
ผลงานแรก คือ MV เพลง “เหวี่ยงก็รัก” ของ “พี่กัน นภัทร อินทร์ใจเอื้อ” เราเป็นเด็กไม่เคยแสดง พอเราแคสติ้งโฆษณาเราก็รู้สึกว่าเราทำไม่เป็น ทำไม่ถูก ก็เลยคิดว่าตัวเองไม่ถนัดอะไรแบบนี้เลย จนผู้จัดการฯ เรามองเห็นว่าเราชอบเต้น ชอบดนตรี ก็เลยลองให้ไปเล่น MV ดู เพราะเพลงของ “พี่กัน” เป็นเพลงเต้นทั้งเพลงเลย แล้วมันก็เข้าทางเรามากๆ ผู้จัดการฯ ก็เลยมองออกว่าเป็นแนวที่ “พรีม” ถนัด น่าจะชอบ น่าจะเอ็นจอยกับตรงนี้ แล้ว “พรีม” ก็แฮปปี้มากค่ะตอนนั้น
พอได้มาแสดงแล้วก็รู้สึกว่าชอบ รู้สึกว่าเราอินกับเรื่องราวในละคร เราอินกับการแสดง เป็นอีกคาแรกเตอร์ เพราะเราเหมือนต้องเข้าไปศึกษาชีวิตของคนอีกคนหนึ่ง กับละครเรื่องแรกของ “พรีม” คือ “แม่ยายที่รัก” ตอนนั้นทำการบ้านหนักมาก ทั้งเรื่องของภาษาด้วย เพราะเราไม่ได้พูดภาษาไทยชัดขนาดนั้น ก็เลยหนักกว่าคนอื่น บวกกับโชคดีที่เจอ “พี่แมน” ผู้กำกับฯ ที่เขาดีและใจเย็นกับหนูมาก ทุกครั้งก่อนที่จะแสดงเขาจะเรียกหนูไปซ้อมเดี่ยวกับเขาก่อนที่จะถ่ายทำจริงๆ
ด้านไอดอล สมัยก่อน “พรีม” ชอบ “พี่แอน ทองประสม” แล้วก็รุ่น “พี่นก สินใจ, พี่กบ สุวนันท์, พี่เคน ธีรเดช” แต่ยังไม่มีโอกาสได้ร่วมงาน แต่ว่าเวลาเจอกันตามงานเราก็จะกรี๊ดเขาบ้าง พอได้เข้ามาเล่นละครจริงๆ ก็หลงรัก “พี่หมิว ลลิตา” มากๆ เหมือนว่าเรื่องนั้นจะเป็นเรื่องที่ “พี่หมิว” กลับมาเล่นละคร
เรื่องความดัง จริงๆ ก็ไม่เคยคิดว่าเราจะมาถึงจุดนี้ ช่วงแรกที่คิดก็คือแค่มีคนดูละคร จดจำเรา หรือคาแรกเตอร์ของเราได้ก็คงจะดีมากๆ แล้ว พอตอนนี้มีคนมาติดตาม มาซัพพอร์ต หนูก็รู้สึกขอบคุณค่ะ ขอบคุณมาก ที่หนูโตมาได้จนถึงทุกวันนี้ก็เพราะทุกคนยังติดตาม ดีใจที่ชื่นชอบในสิ่งที่ “พรีม” เองก็รักและมีความสุขที่จะทำมัน วิธีรับมือกับกระแสที่เกิดขึ้นกับตัวเอง ในความรู้สึกของ “พรีม” ถ้าเรารู้ว่าเรื่องนั้นมันไม่ใช่เรื่องจริง เรื่องนั้นเราไม่ได้ทำ “พรีม” รู้สึกว่าเวลามันเป็นเครื่องพิสูจน์ ต่อให้มีตัวอักษรย่ออะไรแล้วโยงมาถึงเรา ถ้าเรามั่นใจว่าเราไม่ได้ทำก็ปล่อยให้เวลามันจัดการของมันเอง สุดท้ายเดี๋ยวเราก็จะหลุดออกมาเองโดยที่เราไม่ต้องไปคิดอะไร
การรับมือของ “พรีม” ก็คืออย่าไปสืบ ถ้าเรารู้สึกว่ามันไม่ใช่เรื่องจริงเราก็อย่าไปอ่านในสิ่งที่เขาต้องการจะโยงให้เป็นเรา ไม่ต้องไปสนใจอะไรมัน ข่าวที่หนักที่สุดที่มันไม่จริงของ “พรีม” ก็คือ “นักแสดงอักษรย่อที่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด” แล้วตอนนั้น “พรีม” อายุ 15-16 เอง ก็ตกใจเพราะเราก็เสียหาย แต่สุดท้ายข่าวมันก็หายไปเอง เราแค่อ่านให้รู้แล้วก็ปล่อยผ่านไป ส่วนในเรื่องของข่าวที่เกี่ยวกับการติชม เราก็จะอ่านไว้ปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้น เพราะมันอาจจะมาจากความหวังดีของสักคนที่อยากเห็นเราพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น เราก็รับฟังแล้วเอามาแก้ไข
สุดท้ายขอบคุณแฟนคลับ จากวันนั้นจนถึงวันนี้ก็ 9 ปีแล้ว ขอบคุณทุกคนมากๆ ที่อยู่ด้วยกันมานานขนาดนั้น ขอบคุณที่คอยติดตาม ก็อยากจะให้อยู่เฝ้ามองการพัฒนาของ “พรีม” ไปเรื่อยๆ ทุกคนเป็นกำลังใจที่สำคัญมากที่ทำให้ “พรีม” อยากจะพัฒนาตัวเอง สัญญาว่าจะมีเรื่องราวดีๆ ผลงานดีๆ ออกมาให้ทุกคนได้ติดตามกันต่อไปแน่นอนค่ะ
