“เปิ้ล นาคร” เผยอาการหูดับเฉียบพลันหายดี 100% ลั่นไม่คิดเลิกแข่งเจ็ทสกี
อาการป่วยจากหูดับเฉียบพลันได้หายเป็นปกติเรียบร้อยแล้ว หลังจากเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลอยู่หลายวันเลยทีเดียว สำหรับ “เปิ้ล นาคร ศิลาชัย” ล่าสุดเจ้าตัวได้ออกมาเผยให้ฟังถึงเรื่องนี้พร้อมบอกยังไม่คิดเลิกแข่งเจ็ทสกีแม้อาจจะทำให้กระทบเรื่องสุขภาพอยู่ก็ตามด้วยว่า
ก็เพิ่งสรุปผลไม่กี่วันหูกลับมาเป็นปกติ 100% แล้ว ก็อยู่ในโรงพยาบาลไปกลับ 20 วัน และได้เห็นคนไม่หายเยอะ ตอนเป็นมีความรู้สึกเป็นเหมือนคนตาบอด ถ้าคนไม่เป็นจะไม่มีทางรู้ การเดินจะเซ เวลาคนเรียกจะหันไปหาผิดตลอด โดยตอนนี้เหมือนแผลเพิ่งหายถ้าไปในที่ที่เสียงดังมาก ขำๆ เสียงภรรยาที่ดังก็ส่งผลเช่นกัน ทำให้พอได้ยินเสียงจะเจ็บเลยต้องมีเครื่องกรองเสียงใส่ไว้ ซึ่งทางคุณหมอห้ามทำงานหนักเหมือนเดิมให้นอนเยอะๆ เพราะก่อนหน้านี้ไม่รู้ตนออกกำลังกายอาทิตย์ละ 5 วัน ประชุมวันละ 3-8 ชั่วโมง ต้องบินไปต่างประเทศและตื่นตี 5 ไปส่งลูกไปโรงเรียนก็ใช้ร่างกายเยอะโดยที่ไม่รู้ตัว และมีเชื้อไวรัสที่เข้ามาด้วยเลยทำให้เป็นเลยต้องลดการใช้ชีวิตอย่างหนัก ทางคุณหมอห้ามเล่นกีฬาหนักหรือเสี่ยง ก็บอกไปว่ายากยิ่งเป็นเจ็ทสกีด้วย เพราะจะเริ่มซ้อมเพื่อแข่งแล้วด้วย คุณหมอไม่สามารถบังคับได้ ทั้งนี้มีโอกาสกลับไปเป็นเหมือนเดิมถ้าใช้ชีวิตหนัก ก่อนหน้านี้เวลาไปแข่งออกกำลังกายหนักมาก แต่ก็คงลดและถนอมการใช้ร่างกายให้มากกว่านี้ไม่มีอะไรห้ามสิ่งที่รักได้ รับเจ็ทสกีบางรุ่นที่มีเสียงดังก็มีแต่ที่ตนขับเสียงจะเงียบมากก็ไม่ได้ถึงกับเสี่ยง เพราะแข่งเจ็ทสกีแค่ทำทุกอย่างให้พอดีก็จะไม่กลับมาเป็นอีก แต่ใช้เกินไปก็อาจจะกลับมาเป็นได้ การเล่นเจ็ทสกีเป็นการบริหารลมหายใจด้วยเพื่ออยู่กับคนที่รักให้นานที่สุด ด้านภรรยาก็เข้าใจเขาบอกเสมอว่าห้ามตายแต่ตนยังบอกให้เขามาวิ่งกับตนเพื่อให้มีลมหายใจอยู่กับลูกนานๆ ตอนนี้การแข่งเจ็ทสกีไม่ได้โฟกัสชนะขอให้ได้แข่งพอ และอยากให้ลูกเห็นเป็นนักกีฬาและดำเนินรอยตามมากกว่า กับค่ารักษาก็หมดเจ็ทสกีไปเป็นลำแต่ไม่ถึงหลักล้านแต่หลายแสนโชคดีมีประกันที่ทำไว้ช่วย
ส่วนตอนอยู่บ้านต้องใส่เครื่องกรองเสียง เพราะ "ออเกรซ" ชอบมากรี๊ดใส่หูยังไม่หายดีก็เซฟได้ 100% เลยไม่ว่าจะไปที่มีเสียงดังมากแค่ไหนก็ตามที่ได้ยินเสียงวิ้งอยู่จะหาย เมื่อนอนพักผ่อนออกกำลังกายพอดีและสูดออกซิเจนให้มากที่สุดโชคดีที่แข็งแรง เพราะเป็นนักกีฬาตอนไปโรงพยาบาลเห็นหลายคนรักษานานไม่หายจะดับไปตลอดชีวิต ตอนตนเป็นก็เหมือนคนหลับตาข้างหนึ่งแล้วลองเดินเหมือนคนตาบอดข้างหนึ่งเลย และเวลาขับรถก็จะอันตรายมากอาจจะขับหรือทำอะไรแบบที่คนอื่นทำไม่ได้เต็มร้อย พอหายก็ดีใจที่หาย ก็นึกถึง "พี่อ๊อฟ พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง" ตอนที่พี่เขาบอกตัวเองว่าเป็นน้อยมากแต่พอมาคิดก็น่ากลัวเหมือนกันกับการใช้ชีวิต จะขอทำงานน้อยลงและเวลาประชุมนานๆ ขอลดเวลาลงเลยทำให้บริหารตัวเองด้วย ซึ่งใครที่มาทำงานต้องเป็นคนเก่ง แต่การรับงานก็ยังปกติแต่คงต้องเลือกมากขึ้น เพราะอยากออกกำลังกายอยากอยู่ให้ถึงอายุ 70 ปี