หัวอกคนเป็นพ่อ! “ดีเจระย้า” เผยนาทีสูญเสียลูก “โน๊ต” ต้องจากกันเร็วเกินไป
ต้องขอแสดงความเสียใจกับทางครอบครัว หลังจากเหตุการณ์สลดอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ชนราวสะพานมีผู้เสียชีวิต สะพานข้ามแยกคลองตัน ผู้ตายคือ “นายภัทร์นฤณ พงษ์ธนานิกร” หรือ “โน้ต” ลูกชายของ “นายประเสริฐ พงษ์ธนานิกร” หรือ “ดีเจระย้า” ผู้บริหารค่ายรถไฟดนตรี จากไปอย่างน่าเศร้า หลังจากขี่บิ๊กไบค์ชนขอบทางจนคอขาด สร้างความโศกเศร้าสะเทือนใจแก่ครอบครัวเป็นอย่างมาก ซึ่งวันนี้ได้มีการสวดพระอภิธรรมเป็นวันแรก ณ วัดธาตุทอง ศาลา 4 โดยทั้งนี้ทางคุณพ่อหรือ “ดีเจระย้า” ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า
อ่านข่าวต่อ :
“ไอซ์” อาลัยลูกพี่ลูกน้อง “โน้ต รถไฟดนตรี” เสียชีวิตไม่คาดคิด
สำหรับวันนี้การเตรียมงานของเราอาจจะยังไม่ค่อยเรียบร้อยเท่าไหร่ เพราะว่ามีเพื่อนๆ มาร่วมแสดงความเสียใจกันเยอะ ทั้งเพื่อนแม่ เพื่อนพ่อ และก็เพื่อนเขา ถือว่าคนเยอะครับ คนเยอะกว่าที่คาดเอาไว้มาก แต่ว่าทางเราไม่ได้มีพิธีรดน้ำนะครับ เพราะสภาพจิตใจของคุณแม่ค่อนข้างแย่มาก เราเองก็กลัวว่าถ้ามีพิธีรดจะแย่ขึ้นไปอีก ก็เลยยกเลิกดีกว่า
สำหรับสภาพจิตใจของเราทุกคนก็ไม่รู้จะพูดอะไร หัวใจมันสลาย เพราะเขาก็กำลังจะตั้งหลักได้ดี งานการทุกอย่างก็กำลังดี อีกทั้งเมื่อเวลาประมาณ 1 ทุ่ม 14 นาที ในคืนวันศุกร์ เขายังโทรมาหาพ่อ บอกกับพ่อว่าจะขอนำโรงจอดรถในบริษัทไปทำเป็นอู่ซ่อมบิ๊กไบค์ ซึ่งพ่อก็ยินดี ยังบอกเขาเลยว่าให้ทำเลย ทำได้เลย เขาก็ตอบกลับพ่อมาว่า ขอบคุณมาก ขอบคุณมากครับพ่อ นั่นแหละครับคำพูดสุดท้ายของเขา
ซึ่งก่อนหน้านี้ตัวคุณพ่อเองไม่เคยมีลางสังหรณ์หรือความรู้สึกแปลกๆ เลย เพราะปกติแล้วตัวโน้ตเขาจะเป็นคนที่มีนิสัยสุภาพเรียบร้อย ไม่มีปัญหาอะไรกับใคร ไม่วุ่นวายอะไรกับใครเลย หรือแม้แต่เรื่องไหนที่ไม่ดีเขาก็จะไม่เข้าไปยุ่ง อย่างเวลาที่เขาอยู่ในบริษัทเขาก็ไม่เคยวางอำนาจกับลูกน้องเลย ไม่เคยทำตัวให้คนเกรงเพราะเป็นลูกเจ้าของบริษัท เวลาเจอใครเขาก็ยกมือไหว้สวัสดี ขนาดตอนที่เขาทำงานกับเพื่อนเขา เขายังมาบอกกับพ่อเลยว่าตกลงกันที่ 50 ต่อ 50 เพราะถ้าคนเราต้องทำงานด้วยกัน มันก็ควรที่จะแฟร์กัน เขาได้เราได้ ทุกคนจะได้มีความสุข
โดยปกติแล้วตัวคุณพ่อเองมีความเป็นห่วงเขาในช่วงแรกๆ ก็เป็นห่วงเขามากครับ แต่หลังๆ มานี้ไม่ได้ห่วงอะไร เพราะมันก็เป็นเรื่องธรรมดาของเด็กหนุ่ม ที่จะมีกีฬา หรือมีกิจกรรมที่เขาชอบแตกต่างกันออกไป แต่ก็อย่างที่บอกครับ ช่วงแรกที่เขาเริ่มขี่พ่อเองก็ห่วง หรือแม้กระทั่งเวลาที่เขาสตาร์ทรถออกจากบ้าน พ่อเองก็ใจหาย และก็ภาวนาตลอดว่า ขอให้พระคุ้มครองเขาด้วย ตัวเขาเองก็รู้ครับว่าพ่อแม่เป็นห่วง เขายังรับปากเลยว่าจะไม่ขับรถเร็ว และพยายามเซฟตัวเองอย่างดีให้เราสบายใจ ไม่ว่าจะเป็นหมวกกันน็อค เสื้อ ร้องเท้า เขา คือเซฟอย่างดีทั้งหมด แต่ที่ผ่านมาก็ไม่เคยประสบอุบัติเหตุ ยกเว้นเมื่อ 3-4 ปีก่อน ที่มีเหตุการณ์หนึ่งช่วงที่เขาขี่รถออกไปกับเพื่อน แต่บังเอิญว่ามันมีรถสองแถวยูเทิร์นมาพอดี เขาก็เลยต้องชะลอ แต่เพื่อนที่เขาตามเขามาไม่ทันเห็นก็เลยชนเข้ามาที่เขา ตอนนั้นก็มีแค่กระดูกขาแตก แต่สำหรับครั้งนี้จริงๆ เขาก็เซฟอย่างดีนะ เขาไม่ได้ขับเร็ว เขาไม่ได้ประมาท
ก่อนที่เขาจะเสียชีวิต เขาเคยพูดหรือบอกกับคุณพ่อเยอะเลยครับ มีหลายๆ อย่างเลยที่เขายังอยากทำ อย่างบริษัทที่เขาทำอยู่ เขาเคยทำงานเกี่ยวกับพวกเวชภัณฑ์ พวกสำลี ผ้าก็อซ ให้กับโรงพยาบาลทั่วประเทศ ซึ่งเขาเองก็ล้มลุกคลุกคลานมาอยู่ประมาณ 5-6 ปี แต่เขาเพิ่งจะพูดกับพ่อเมื่อช่วงสัปดาห์ที่แล้ว เขาบอกว่า ตอนนี้หลายๆ อย่างเริ่มเข้าที่แล้วนะพ่อ เริ่มมีกำไรให้เห็นแล้ว เขามีโครงการอะไรของเขาอีกเยอะมากเลยครับ แต่ยังไม่มีโอกาสได้ทำ เพิ่งจะเริ่ม
ส่วนคุณพ่อมีแพลนจะสานต่องานของเขาบ้างไหม คงไม่หรอกครับ เพราะมันก็เป็นสิ่งที่เขาชอบ เขาชอบเรื่องรถ เขาชอบขับรถ ชอบมอเตอร์ไซค์ ขนาดวันไหนเขาว่างๆ อยู่บ้าน เขาก็ยังมานั่งถอดรถเป็นชิ้นๆ ดูแลแต่ละชิ้นเองหมด ขนาดมียุงเป็นฝูงเขาก็ยังนั่งทำได้ มันเป็นความชอบของเขาครับ พ่อได้เขียนทุกอย่างไว้ในเฟซบุ๊กแล้วครับ อยากให้ลองเข้าไปอ่านดูดีกว่า เพราะมันค่อนข้างยาว
สำหรับพิธีการทางศาสนา ทางครอบครัวตั้งใจไว้ก็จะมีพิธีสวด 7 วันครับ ส่วนพิธีฌาปนกิจก็จะมีขึ้นในวันจันทร์ที่ 5 ครับ ความคืบหน้าทางด้านคดีตอนนี้ไม่มีอะไรหรอกครับ เพราะว่ามันคืออุบัติเหตุ และอย่างที่บอกเขาเองก็ไม่ใช่คนประมาทอยู่แล้ว แถมเขาเองก็เคยรับปากกับพ่อกับแม่ว่าเขาจะไม่ขับรถเร็ว จะไม่ทำให้พ่อแม่เป็นห่วง แต่วันนั้นมันบังเอิญเป็นเช้าวันเสาร์ที่รถว่าง และบริเวณนี้เขาเองก็ผ่านมาทุกวัน ผ่านมา 20-30 ปี แต่ด้วยความที่รถว่างเขาก็อาจจะเกิดลื่นหรือเกี่ยวอะไรก็เป็นไปได้ ของแบบนี้มันนิดเดียวก็เกิดขึ้นได้ครับ ฟ้ากำหนดไว้แล้ว พ่อเองก็ยังไม่รู้เลยครับ อะไรที่เป็นของเขาทั้งหมดเดี๋ยวเราคงต้องมาดุกันอีกที แต่ขอให้เสร็จสิ้นงานตรงนี้ก่อนดีกว่า
