“แก้มบุ๋ม” ลั่นรอดตายด้วยผลบุญ พร้อมใบ้เลขเด็ดถูกหวยหลายงวดติด
มาอัพเดทอาการป่วยหลังจากเข้าห้องผ่าตัดกันสักหน่อย สำหรับนักแสดงสาวสายบุญอย่าง "แก้มบุ๋ม ปรียาดา สิทธาไชย" ที่ตอนนนี้เหมือนจะหายเป็นปกติแล้ว แต่ถึงจะฟาดเคราะห์ร้ายมากแค่ไหนเจ้าตัวก็ยังคงถูกหวยรัวๆ อยู่ตลอดหลายงวดติด ล่าสุดมีโอกาสเจอตัวสาว “แก้มบุ๋ม” โดยเจ้าตัวนั้นเผยว่า
อ่านข่าวต่อ
ไม่ทันตั้งตัว “แก้มบุ๋ม” สุดอาลัย สูญเสียคุณตา
ตอนนี้ก็ประมาณเดือนหนึ่ง แต่จริงๆ ต้อง 3 เดือนขึ้นไปถึงจะได้เริ่มทำอะไรหนักๆ แต่เขาก็อยากทำงานแล้วเพราะว่าเป็นคนที่อึด ก็ไม่ได้ใช้แรงอะไรเยอะอยู่แล้ว อย่างล่าสุดก็ไปเดินการกุศล 5 กิโลเมตร คุณหมอเองก็ไม่ได้ห้ามอะไร หมอบอกว่ายิ่งเดินยิ่งดี แต่ว่าอย่าไปยกของหนักเพราะเดี๋ยวแผลข้างในมันจะฉีก ตอนนี้ก็ห่วงว่าตัวเองจะทำงานมากเกินไปเพราะปกติแล้วเป็นคนที่ทำงานก็จะทำไปตลอด เวลาได้ทำก็จะทำสุดตัว ด้วยความที่เราอยู่นิ่งไม่ได้
แล้วยิ่งช่วงนี้เราก็ถูกหวยบ่อย จริงๆ คือถูกติดกันหลายๆ ครั้งดีกว่า แต่ก็ไม่ได้ถูกเยอะอะไร อาจจะมีถูกเยอะบ้างน้อยบ้าง ถามว่าเราไปเอาเลขมาจากไหน เราไม่ได้ทำอะไรเลยนะ ก็นั่งสวดมนต์ไหว้พระตามปกติ แล้วอยู่ดีๆ เลขก็เข้ามาเอง หรือมันตรงกับจังหวะที่เลขที่เราชอบแล้วคนรอบข้างเขาก็เห็นด้วย จะเป็นเหมือนลมผ่านหูที่เวลาคนพูดเลขนี้ขึ้นมาแล้วเราก็เออ เห็นด้วยมากกว่า แต่ตอนนี้ก็ถูกติดกันมาประมาณ 5-6 งวดแล้ว เราเองก็คอยใบ้ให้ตลอด แต่ก็ขึ้นอยู่ที่ว่าคนที่ดูเขาจะรู้หรือเปล่า แล้วส่วนใหญ่ก็จะมีคนถูกหวยเพราะเรา ยิ่งเวลาเขาถูกหวยจากเราเขาก็จะเอาเงินที่ได้ไปทำบุญ อย่างเราเองเวลาเราถูกส่วนหนึ่งก็ทำบุญ ส่วนหนึ่งก็เก็บไว้
อย่างตอนนี้ก็ไถ่ชีวิตโคกระบือ เราก็ให้ตั้งชื่อด้วย แล้วแต่ก่อนเราอยากทำมานานแล้ว แต่เราไม่มีที่ให้เขาอยู่ แต่เราได้ไปรู้จักครูบาคนหนึ่ง เราก็เลยบินไปถึงจังหวัดพิษณุโลกเลย เพื่อที่จะไปรู้ว่าตัวนี้เขาจะมีที่อยู่จริงๆ แล้วพอเราเห็นแบบนั้นจริงๆ แล้วก็เลยระดมทุน แล้วก็ไถ่ชีวิตโคกระบือไปเรื่อยๆ จนตอนนี้ก็ประมาณ 2 ถึง 300 ตัวได้แล้ว ที่เราเปิดไปตั้งแต่ประมาณเดือนเมษายน ส่วนตัวก็คิดว่าคงจะเป็นผลบุญจากตรงนี้ทำให้เราถูกหวยบ่อยด้วยแล้วก็ทำให้เรารอดตายด้วย
ด้วยเพราะว่าตอนที่เราเข้าไปในห้องผ่าตัดก็คือเลือดออกในช่องท้อง เลือดเยอะมากๆ แล้วเราก็ช็อกไปแล้ว เสร็จแล้วก็ต้องออกมาอยู่ห้อง ICU 4 วัน ความดันก็ไม่ขึ้นเลย ก็ต้องคอยใช้ยาแล้วก็หาสาเหตุว่าเป็นเพราะอะไร ตอนนั้นทุกคนภาวนาว่าขอให้เราอย่าลืมตาขึ้นมา 2-3 วันแล้วก็หลับไป ถามว่าทรมานไหม มันทรมานมาก ความรู้สึกเหมือนตายแล้วเกิดใหม่
ส่วนตัวเราเองก็เชื่ออย่างหนึ่ง ก็คือถ้าเกิดมองในหลักการของวิทยาศาสตร์ก็คือความโชคดี โชคดีที่โรงพยาบาลอยู่ใกล้บ้าน โชคดีที่ตอนนั้นเราส่งตัวทัน อย่างที่สองก็คือเราทำบุญมาค่อนข้างเยอะ และเราเองก็มีเป้าหมายในการทำบุญที่ค่อนข้างจะยิ่งใหญ่ในอนาคต เรายังอยากที่จะสร้างสถานที่ปฏิบัติธรรม หรือยังอยากที่จะคอยช่วยเหลือผู้คน เราก็เลยมีความรู้สึกว่าเขายังอยากให้เราอยู่ต่อเพื่อที่จะสานต่อ อะไรที่เป็นประโยชน์ต่อเพื่อนมนุษย์ได้มากกว่านี้