"ป๋อ" อัพเดทอาการ หลังเข้าช่วยเหลือ "เป้า ปรปักษ์"

"ป๋อ" อัพเดทอาการ หลังเข้าช่วยเหลือ "เป้า ปรปักษ์"

               หล่อแล้วยังใจบุญ สำหรับพระเอกมาดเข้ม "ป๋อ ณัฐวุฒิ สกิดใจ" ที่ตอนนี้ได้ออกมาทำเพจส่วนตัว แล้วได้เข้าไปช่วยเหลืออดีตสตั๊นแมนอย่าง "เป้า ปรปักษ์" ที่ตอนนี้ทรุดป่วยน้ำหนักตัวลดลงจนจำไม่ได้ งานนี้เจอตัวหนุ่ม “ป๋อ” เลยถือโอกาสเข้าไปถามอัพเดทช่องทางการช่วยเหลือ และอาการของหนุ่ม “เป้า” กันสักหน่อย ซึ่งเจ้าตัวก็เผยว่า

อ่านข่าวต่อ

พบแล้ว “เป้า ปรปักษ์” นอนข้างวัดพระพุทธบาท กราบ “ป๋อ” ที่ช่วย ขอแสวงบุญไปจนกว่าจะตาย

               เราก็คุยกันว่าอยากจะไลฟ์ เป็นเหมือนการปลูกดอกไม้ในโซเชียล จริงๆ แล้วมันเป็นโปรเจ็คท์ที่เราอยากจะทำมาตั้งนานตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว ตอนนั้นผมทำธีสิส ผมทำเกี่ยวกับเรื่องทำงานที่บ้าน สมัยนั้นเน็ตมันยังไม่เสถียร แต่ตอนนี้ทุกอย่างดีขึ้นหมดแล้ว แล้วเราก็มองว่าการที่เรามานั่งไลฟ์สดเพื่อเป็นการช่วยเหลือคนสามารถช่วยเหลือเขาได้จริงๆ ซึ่งเราก็สร้างคอนเซ็ปต์ขึ้นเป็นการปลูกดอกไม้ในโซเชียล อย่างในเพจ "ป๋อ ณัฐวุฒิ" แล้วยูทูบก็จะมีลิ้งค์เชื่อมกันได้

               ส่วนเรื่องราวของ “พี่เป้า” วันนั้นเป็นวันที่เราไปถ่ายละครในกองถ่าย แล้วก็ได้ไปเจอน้องสตาฟฟ์อยู่คนหนึ่ง ซึ่งน้องเขาเคยทำงานกับ “พี่เป้า” ก็เลยถามเขาว่า “พี่เป้า” สบายดีไหม น้องเขาเล่าให้ฟังแล้วเอารูปให้เราดู เราก็ตกใจมาก ตอนนั้นผมก็เลยไม่ได้คิดอะไร ขอเลขที่บัญชีของ “พี่เป้า” มาแล้วก็โอนเงินไปเพื่อช่วยเหลือเขา

               หลังจากนั้นผมก็คิดแล้วว่าจะทำยังไงดีให้การช่วยเหลือ “พี่เป้า” นี้เป็นไปได้อย่างที่ดีขึ้น ผมทำไลฟ์สดอยู่พอดีก็เลยเอาเรื่องของ “พี่เป้า” มาพูด ซึ่งวันนี้ผมโอนเงินไปให้ “พี่เป้า” เราได้มีโอกาสโทรคุยกับ “พี่เป้า” เขาบอกว่าพี่กำลังจะไปโคราช แต่เชื่อไหมว่าพี่นอนปั๊มมา 3 คืนแล้วเพราะว่ารถเสีย เขาบอกว่าพอได้เงินก้อนนี้มาก็เหมือนกับมีเทวดามาช่วยเขา หลังจากนั้นมาเราก็เลยคุยกับ “พี่เป้า” ว่าเราจะช่วยเขายังไงดี แต่ “พี่เป้า” เขารู้สึกว่าเหมือนจะปลงแล้ว แต่เราก็ตัดสินใจทำแล้ว หลังจากที่ทำรายการนี้ไป “พี่เป้า” ก็อาการดีขึ้นมาก

               ล่าสุดวันนี้ “พี่เป้า” ก็บอกเราว่าเขากำลังจะไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลแล้ว พอแกได้เห็นพลังของคนไทยอาการดีขึ้นมาก ก็ต้องขอขอบคุณสื่อทุกสำนักด้วยที่ช่วยกันแชร์เรื่องข่าวคราวของ “พี่เป้า” ล่าสุดตอนนี้กำลังจะมีคอนเสิร์ตของพี่ "หนุ่ม คงกะพัน" ก็จะรวมเงินสมทบทุนมาช่วย “พี่เป้า” แล้วก็ช่วย "พี่เมฆ วินัย" ด้วย โดยส่วนตัวผมมองว่าเรื่องของการช่วยเหลือใครจะช่วยก็สามารถช่วยได้ แต่เราก็ช่วยยกระดับในการช่วยเหลือให้เข้าถึงเขาให้ได้มากที่สุด เพราะว่าตัว “พี่เป้า” เองก็มีปัญหาด้านการเงินมานานอยู่แล้ว อย่างที่บอกไปว่า “พี่เป้า” นอนปั๊ม เขาทำแบบนี้มานานเกือบ 20 ปีได้แล้ว แต่ก็ไม่มีใครที่จะสามารถเข้าไปก้าวก่ายกับเขาได้ เพราะว่าเขาเลือกแล้วว่าเขาทำแบบนั้นแล้วสบายใจ เห็นแบบนี้ “พี่เป้า” เขาดูมีความสุขนะ ไม่ใช่ว่าเขาเป็นคนที่ไม่มีความทุกข์ แต่เขาใช้ชีวิตร่วมอยู่กับมันได้ มีเงินแค่นี้ก็ใช้แค่นี้ แต่ว่าตอนนี้แกป่วย รายได้ไม่มี ที่มีก็มีแต่รายจ่ายที่เพิ่มขึ้น เราก็เลยคิดว่ามีช่องทางนี้ที่จะสามารถช่วยเหลือพี่เขา อย่างที่บอก ตัวผมเองโอนเงินก้อนนั้นไปก่อนที่จะมีการแชร์กันซะอีก เพราะผมเห็นข่าวว่ามีการแชร์กันผมก็รู้สึกดีใจมาก แล้วผมก็ทำรายการต่อ แล้วก็มีพี่ๆ สื่อสำนักข่าวต่างๆ แชร์ มันก็เลยเป็นเรื่องราวที่แพร่กระจายไปอีก

               ส่วนเรื่องเงินช่วยเหลือคนถาม “พี่เป้า” แล้วแต่ “พี่เป้า” ไม่ยอมบอก “พี่เป้า” บอกผมว่าเงินนี้เป็นเงินบุญเขาเอง ยังไม่กล้าเช็กสมุดเลย เอาไว้เวลาที่ลำบากจริงๆ เขาค่อยใช้มัน ผมเองเป็นนักแสดงรุ่นน้องก็ไม่กล้าบอกพี่เขามากว่าให้พี่เขาทำอะไร แต่ก็มีพี่ๆ นักแสดงรุ่นใหญ่โทรไปคุย โทรไปปรึกษา บอกพี่เขาว่าเงินนี้เอามาก็เอาไปรักษาตัว เพราะเดี๋ยวก็มีเงินที่ช่วยสมทบทุนจากงานคอนเสิร์ตอีก พวกเราก็จะคอยช่วยเหลือกันอยู่ต่อไป ตอนนี้ก็มีนักแสดงหลายท่านช่วยสมบททุน ช่วยเหลือ “พี่เป้า” อยู่ไม่น้อย

               ซึ่งส่วนตัวผมเองร่วมงานกับ “พี่เป้า” มาเยอะมาก แล้วผมก็จะได้ยินคำแนะนำจากพี่เขาเสมอ ว่าบ่ต้องดูแลตัวเองเพราะฉะนั้นผมเลยรู้สึกผูกพันกับ “พี่เป้า” มาก เราเองติดตามดูผลงาน “พี่เป้า” มาตั้งแต่เด็กๆ พอได้เป็นนักแสดงก็เหมือนมีเขาเข้ามาเป็นครูผู้สอนเรา เมื่อถึงยามที่เขาลำบากเราก็อยากจะช่วยเหลือเขา เราก็มองว่าเป็นสิ่งที่ดีที่เกิดขึ้นในโซเชียล และอีกอย่างเราคงไม่ปล่อยให้ "ตูน บอดี้สแลม" ออกมาวิ่งอยู่คนเดียว ในโลกนี้ยังมีดารา มีนักแสดงหลายคนที่อยากจะช่วยเหลือสัตว์หรือช่วยเหลืออะไรก็ได้ เพียงแค่ทุกคนทำหน้าที่ของตน แสดงออกมาให้ได้เห็น อย่างที่เห็นได้ชัด “ตูน” ออกมาช่วยคนด้วยการวิ่ง ส่วนผมออกมาช่วยคนด้วยการไลฟ์ อย่างล่าสุดผมก็เพิ่งทำโครงการช่วยเหลือน้องที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีไป

               ส่วนเรื่องของหน่วยงานที่จะเข้ามาช่วยเหลือ “พี่เป้า” ตอนนี้ยังไม่มี จะเป็นผมเองซะมากกว่าที่คอยตามหาหน่วยงานให้พี่เขา แต่ตอนนี้ก็มีคุยกันบ้างแล้ว อย่างเรื่องเตียง เรื่องถังออกซิเจน หรืออยากจะได้อะไรก็ติดต่อบอกมาได้เลยเขาก็พร้อมจะช่วย อีกอย่างหนึ่งด้วยความที่ว่าเพจของผมยังไม่ได้เป็นที่รู้จักมากนัก เพราะมันเป็นเพจส่วนตัวที่เพิ่งจะมาเปิด ใช้เมื่อประมาณ 3-4 อาทิตย์นี้เองคนก็เลยยังไม่รู้จักมาก ซึ่งถ้ามันดังพอตั้งแต่ตอนแรกหน่วยงานอื่นๆ เขาเห็นก็คงจะเข้ามาช่วยเหลือแล้ว อย่างที่บอกการช่วยเหลือคนไม่ได้จำเป็นที่จะช่วยเหลือด้านเงินอย่างเดียว มีอีกเยอะแยะมากมาย สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่จะเข้าไปช่วยเหลือคนไข้ ทำให้เราเห็นถึงน้ำใจคนไทยในสังคมมากขึ้นอีกด้วย ถามถึงอาการของ “พี่เป้า” เองก็ยังไม่แน่ชัดว่าเป็นโรคอะไรกันแน่ แต่ที่เห็นชัดๆ คือน้ำหนักตัวที่ลดลงไปอย่างมาก แล้วก็จะมีอาการ อาเจียนกับท้องเสีย รับประทานอาหารไม่ได้