“ต่อ” เปิดใจหลังแฟนสาว “มีน” ถูกบูลลี่ตลอด 5 ปี
หลังจากเกิดเรื่องราวดราม่าของกลุ่มคนรักนักแสดงหนุ่มหล่ออย่าง “ต่อ ธนภพ ลีรัตนขจร” ที่ออกมาโพสต์ข้อความแสดงการบูลลี่แฟนสาวนอกวงการ อย่าง “มีน ชุติญา ลาภเวโรจน์” ล่าสุดมีโอกาสได้เจอกับเจ้าตัวเลยขอเข้าไปสัมภาษณ์สักหน่อย ว่าตนนั้นมีโอกาสได้คุยกับแฟนสาวถึงเรื่องนี้กันบ้างหรือเปล่า
สำหรับเรื่องก่อนหน้านี้ที่ “มีน” โพสต์ระบายความรู้สึกจากการที่โดนบูลลี่มาเป็นเวลาหลายปี จริงๆ ปฏิเสธไม่ได้ว่ารับรู้เรื่องนี้มาตลอด ส่วนตัวมองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องเซ้นซิทีฟที่พูดค่อนข้างยากมาก พูดแล้วก็ไม่มีผลดีกับฝ่ายไหนเลย แต่วันนี้ผมก็ยังยืนยันกับแฟนคลับกลุ่มอยู่ดี ว่าจริงๆ ไม่ใช่แค่ “มีน” ที่โดน ผมเองก็โดน สุดท้ายแล้วผมยืนอยู่บนพื้นฐานที่ว่าไม่เป็นไร และยังกล้าที่จะรักพวกเขาอยู่ดี เพราะการที่จะทะเลาะกันไปมามันไม่มีประโยชน์เลย ที่สำคัญ ไม่มีใครห้ามให้ประเด็นดราม่าต่างๆ ไม่ให้เกิดขึ้นได้ ฉะนั้นเราอาจจะต้องจูนความคิดใหม่ว่าไม่เป็นไร ไม่ต้องป้องกันด้วย คงต้องใช้ชีวิตไปแบบนี้ แต่พยายามทำตัวเองอย่าให้แฟนๆ ผิดหวังมากกว่า
มีโอกาสได้คุยเรื่องนี้กับ “มีน” ที่ผมบอกว่ามันเซ้นซิทีฟมากเพราะว่าแม้แต่ตัวผมยังไม่กล้าคุยตรงๆ ขนาดนั้นเลย แต่ตัวเรามีโอกาสปกป้องความรู้สึกของแฟน การปกป้องมันมีหลายแบบ สิ่งที่เขาโดนมันโดนอยู่ในสื่อก็จริง แต่การปกป้องของผมอาจจะไม่ได้จำเป็นที่จะต้องออกมาปกป้องผ่านสื่อ อย่างการสัมภาษณ์วันนี้ผมก็ไม่ได้ต้องการที่จะโจมตีใครต่อเหมือนกัน สุดท้ายแล้วคือผมรักคนของผม คนรอบตัวผม แม้ว่าวันนี้จะมีทั้งคนโอเคและไม่โอเค แต่สุดท้ายเราอยู่ด้วยมันน่าจะสมานฉันท์ทุกฝ่ายดีกว่า แล้วมีคำพูดหนึ่งที่ “มีน” เคยฝากผมมา คือเขาไม่ได้อยู่วงการนี้ อย่าเอาเขามาเกี่ยวเลย ไม่ว่าจะในข่าวอะไรก็ตาม เพราะว่าจริงๆ แล้วทุกคนมีอาชีพของตัวเอง ที่หลังๆ ผมไม่ใช่ว่าไม่ชอบพูดถึงเขานะ แต่บางครั้งพอผมรับสารสิ่งนี้มาผมก็พยายามช่วยเขาแหละ บางครั้งถ้าผมเป็นกำลังให้ได้สักนิดในการไม่พูดถึงเขา มันอาจจะดีกว่าก็ได้
ส่วนตัวผมไม่มั่นใจว่านี่คือการปกป้องไหม แต่รู้สึกว่านี่คือวิธีที่ผมสบายใจที่สุดที่จะทำ ตอนนี้ความรู้สึกของ “มีน” ผมตอบแทนเขาไม่ได้ แต่เชื่อว่าเรื่องนั้นมันผ่านมาแล้ว และเชื่อว่าตอนนี้ทุกอย่างมันฟื้นฟูดี หรือภาพที่เห็นอยู่วันนี้รู้สึกว่าทุกอย่างกำลังกลับมาอยู่ในสภาวะปกติ ไม่อยากคิดว่าเป็นเพราะความดังความฮอตของตัวเราที่ทำให้คนรอบข้างเราโดนแบบนี้ เพราะสุดท้ายแล้วผมรู้สึกว่าผมไม่ได้เปลี่ยนไป อะไรก็ตามในวันนี้ผมอยากจะพูดในมุมตัวเองมากกว่าจะพูดในมุมที่เราไปพาดพิงรอบนอก
ตอนแรกคิดว่าตัวเองวางตัวลำบาก แต่หลังจากที่ลองใช้สติมันไม่ยากเลยครับ วางตัวแบบนี้ ไม่ต้องเปลี่ยนอะไรเลย ในเมื่อทุกอย่างมีคำตอบในตัวอยู่แล้ว ผมว่าการนิ่งคือสิ่งที่ดีที่สุด ไม่ต้องเถียงกันเพิ่มด้วย ไม่บานปลาย ก่อนหน้านี้เคยให้สัมภาษณ์ว่าอยู่วงการนี้แล้วรู้สึกว่าตัวเองเปลี่ยนไป ความที่เราเป็นเด็กคนหนึ่ง บางครั้งไม่เคยได้รับสิ่งที่เราได้ในวงการนี้ มันจะมีช่วงที่เราเหมือนเฮโลตามเพื่อน นี่คือสิ่งที่ผมรู้สึกว่าอาจจะอยู่ในมุมคำว่าหลง แต่โชคดีที่ผู้ใหญ่ฝั่งผมค่อนข้างดูแลดี เวลาเห็นอะไรที่ไม่ดีก็จะตักเตือน ล่าสุดก็มีผู้ใหญ่มาเตือนเรื่องหนึ่ง ซึ่งผมรู้สึกว่าอันนี้เราเข้าใจผิด ก็อาจจะต้องปรับความเข้าใจกัน ช่วงหลังอาจมีบางคนรู้สึกว่า “ต่อ” เปลี่ยนไป หลุดคาแรกเตอร์ไหม ตอบไม่ได้ครับ ไม่แน่ใจด้วย เพราะเพิ่งกลับมาทำงานหลังจากไปบวชมา แต่ที่บอกได้คือผมไม่ได้เปลี่ยนไป ยังพร้อมที่จะเป็นน้องที่น่ารักของพี่ๆ ทุกคนอยู่ครับ