เส้นทางที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เปิดใจ “ฟ้าใส” กว่าจะมีวันนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย

เส้นทางที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เปิดใจ “ฟ้าใส” กว่าจะมีวันนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย

0

เส้นทางที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เปิดใจ “ฟ้าใส” กว่าจะมีวันนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย

     ถ้าพูดชื่อสาวงามคนนี้ “ฟ้าใส ปวีณสุดา ดรูอิ้น” คงไม่มีใครไม่รู้จักเธอ ซึ่งต้องบอกว่ากว่าที่เธอจะประสบความสำเร็จดังใจหวังกับการคว้ามงกุฎ มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2019 เส้นทางชีวิตที่ผ่านมาไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ จากเด็กสาวที่ไม่เคยมั่นใจในตัวเอง จนวันหนึ่งเธอใช้เวทีประกวดนางงามเป็นหนทางสร้างความมั่นใจในตัวเอง เปลี่ยนทุกแผลในชีวิต ทุกความผิดพลาด ให้กลายเป็นพลังจนสามารถประสบความสำเร็จได้อย่างที่ฝัน โดย “ฟ้าใส” เล่าเรื่องราวของชีวิตให้ฟังว่า

อ่านข่าวต่อ :

"ลูกเกด" vs "นาตาลี" เปิดศึกเทรนมิสยูนิเวิร์ส

     ตอนเด็กๆ หนูเกิดที่เมืองไทย พอจบ ป.2 ก็ย้ายตามคุณพ่อไปอยู่ที่แคนาดา จากที่อยู่เมืองไทยหนูเป็นเด็กชอบทำกิจกรรมมาก พอไปถึงเราก็อยากมีเพื่อน แต่ก็มีปัญหาเรื่องภาษาในช่วงแรก สิ่งเดียวที่จะทำให้หนูมีสังคม มีเพื่อนได้ คือการเล่นกีฬา เพราะไม่ต้องใช้ภาษาอะไรมาก จากนั้นหนูเลยชอบเล่นกีฬามาตลอด ทั้ง บาสเกตบอล วอลเลย์บอล หรือว่ายน้ำ แล้วเมื่อก่อนหนูเป็นเด็กเรียนมาก คุณแม่จะเข้มงวดเรื่องการเรียนเป็นพิเศษ มีความคาดหวังในตัวหนูสูง ส่วนคุณพ่อใจดี เป็นที่ปรึกษาที่ดี เราคุยกันตลอด

ฟ้าใส ปวีณสุดา นางงาม เปิดใจ

      ตอนแรกที่เริ่มประกวดเกิดจากมีคนมาชวนให้ประกวดที่แคนาดา หนูคิดว่าน่าสนุก แถมได้เพื่อน ก็เลยลองประกวด แต่พอไปประกวดจริงๆ คือเขาแข่งขันกันมาก แล้วไม่ได้ทำกิจกรรมอะไรเลย ก็เริ่มไม่ค่อยชอบเท่าไร เพราะคนที่เข้ามาประกวดตอนนั้นเขาเปิดกว้าง มีหลายวัยด้วย พอปี 2013 หนูเรียนหมอ ในมหาวิทยาลัย เพราะตั้งแต่เด็กหนูอยากจะเป็นหมอ แต่พอเรียนไปจนจะจบปีที่ 2 วิชาที่ได้เรียนทำให้รู้ว่าไม่ใช่ทางของเรา ประกอบกับติดดูละครมาก ทำให้เกรดออกมาไม่ค่อยดีนัก สุดท้ายก็เปลี่ยนไปเรียนคณะวิทยาศาสตร์การเคลื่อนไหว และตอนนั้นเองช่วงที่เกรดไม่ดี ถ้าได้ต่ำว่า 2.0 มหา’ลัยจะไล่ออก แล้วหนูได้ 2.5 คุณพ่อก็บอกหนูว่าถ้าหนูได้เกรดเอสักตัว จะซื้อตั๋วเครื่องบินมาเมืองไทยให้ฟรี หนูเลยตั้งใจเรียนและก็ทำได้

ฟ้าใส ปวีณสุดา นางงาม เปิดใจ

      พอมาเมืองไทยก็มีครูสอนภาษาไทย เขาชวนมาประกวดนางงาม เขาเล่าว่าจะมีกิจกรรมกับเพื่อนๆ ได้ทำอะไรสนุกๆ หนูก็เลยลองประกวดอีกครั้ง ในเวทีไทยแลนด์ ไชนีส คอสมอส ที่ประกวดได้เพราะคุณแม่มีเชื้อจีนถึงแม้ว่าหนูจะหน้าฝรั่งก็ตามค่ะ ลงประกวดแบบไม่ได้หวังอะไรมาก แต่ก็ได้รองอันดับ 2 มา แล้วต้องไปประกวดต่อที่เวทีมิสไชนีส คอสมอส เซาท์อีทเอเชีย ที่มาเลเซีย ตอนนั้นด้วยความที่เราไม่รู้ภาษาจีน แล้วเขาถามคำถามเป็นภาษาจีน เราก็ต้องตอบไปทั้งที่ไม่เข้าใจคำถาม แต่โชคดีที่คำตอบที่ตอบออกไปมันดี แต่คือหนูอายมาก ครั้งนี้ทำให้หนูได้ประสบการณ์และเรียนรู้ว่าเราต้องเตรียมตัวให้พร้อมกว่านี้ในทุกๆ ด้าน และต้องพึ่งพาตัวเองให้ได้

ฟ้าใส ปวีณสุดา นางงาม เปิดใจ

      หลังจากจบ 2 เวทีนี้เสร็จ หนูก็ขอกองประกวดว่าจะกลับไปเรียนให้จบ แต่ครูคนเดิมก็มาบอกว่าจะมีการประกวดนางสาวไทยเร็วๆ นี้ ตอนแรกหนูก็สองจิตสองใจ หนูก็ถามพ่อแม่ว่าหนูควรประกวดไหม ประกอบกับคุณแม่ชอบ “พี่ปุ๋ย ภรณ์ทิพย์” มาก และเป็นเหมือนฝันเล็กๆ ที่อยากให้ลูกสาวได้เวทีนี้ ก็เลยบอกแม่ว่าหนูทำให้ ในที่สุดก็ได้รองอันดับ 2 ปฏิบัติหน้าที่ครบ 1 ปีก็กลับไปเรียนจนจบปริญญาตรี ระหว่างนั้นก็วางแผนจะประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ หนูรู้ว่านางงามเขาไม่ได้มองแค่สวยอย่างเดียว แต่เขาดูว่าเราฉลาดด้วยไหม ก็เลยตั้งใจเรียนและต้องจบด้วยเกียรตินิยมเท่านั้น หนูตั้งใจมาก สรุปได้ตามเป้าหมาย เรียนจบด้วยเกียรตินิยมอันดับ 1 และหนูก็ขอเงินคุณพ่อไปลงเรียนคอร์สเพื่อพัฒนาตัวเองทุกด้านเพิ่มเติม

ฟ้าใส ปวีณสุดา นางงาม เปิดใจ

      จากนั้นในปี 2017 หนูกลับมาเมืองไทย ประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ รอบนี้กลับทำให้หนูสูญเสียความมั่นใจเพราะเรามัวแต่เอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่นจนหาข้อดีของตัวเองไม่เจอ โดยเฉพาะกับ “พี่มารีญา” ข้อดีทุกอย่างที่เราเคยคิดว่าเป็นจุดเด่นของเราเขาก็มีหมด และมีมากกว่าเรา มันทำให้หนูสูญเสียความมั่นใจที่จะไปสู้กับคนอื่น ประกอบกับคุณยายเสียด้วยในวันที่หนูสัมภาษณ์ มันเป็นช่วงที่หนูสับสนมาก และแม่ก็เกาะติดเพจนางงาม ทุกคอมเมนต์แม่อ่านหมด สมมติว่ามีคนชม 100 คอมเมนต์ ถ้ามีสัก 2 ที่ติ แม่ก็จะมาพูดกรอกหูหนูทุกวันจนทำให้เรารู้สึกกดดันตลอดเวลาอีก

      ผลที่ได้ครั้งนั้นคือ ได้รองอันดับ 2 มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2017 แล้วเขาก็ส่งเราไปประกวดมิสเอิร์ธต่อ ผลคือติดท็อป 8 ตอนนั้นหนูรู้สึกว่าเราทำดีที่สุดแล้ว และพบว่าหนูมีข้อดีแต่หนูมัวเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น แล้วกลายเป็นเห็นว่าตัวเองไม่ได้มีดีอะไรแตกต่างจากคนอื่นเลย แล้วทำไมหนูต้องประกวดใหม่ และหนูก็มัวถามคนอื่นว่าหนูมีดีอะไร จนคุณพ่อมาปลดล็อกปมอันนี้ด้วยคำพูดที่ว่า “แม้เราจะมีดีเหมือนคนอื่น แต่ข้อดีแต่ละอย่างที่เหมือนคนอื่นพอมารวมกับประสบการณ์มันจะทำให้เรามีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร และถ้ายังเห็นคุณค่าตัวเองด้วยการที่ให้คนอื่นมาบอก แต่ไม่ย้อนกลับมาดูตัวเอง คุณก็จะไม่มีทางเห็นว่าตัวเองมีดีอะไร อย่าคิดว่าจะได้รางวัล แต่เราต้องทำทุกวันให้เต็มที่ก่อน” หนูก็เลยกลับมาประกวดปี 2019 อีกครั้ง เพราะส่วนตัวยังรู้สึกว่าฝันเรายังไม่สำเร็จ เราต้องทำให้ได้ที่จะใส่สายสะพายเป็นตัวแทนประเทศไทยไปประกวดมิสยูนิเวิร์ส

ฟ้าใส ปวีณสุดา นางงาม เปิดใจ

      เมื่อเป้าหมายใหญ่ขึ้น ความพยายามก็มากขึ้น หนูเตรียมตัวดูแลรูปร่าง จ้างเทรนเนอร์ คุมอาหาร เข้ายิมทุกวัน หนูมาด้วยความตั้งใจที่จะสนุกกับกิจกรรมทุกอย่าง ไม่กดดันตัวเอง เป็นตัวของตัวเอง ไม่เครียดเหมือนคราวที่แล้ว ซึ่งอาจจะเป็นข้อดี และถ้าเราเชื่อว่าเราทำได้เราก็จะทำได้ แบบเชื่อด้วยตัวเองว่าเราทำได้ โดยที่เราก็ต้องลงมือทำบนหนทางที่จะนำเราไปสู่ความสำเร็จที่หวัง แล้วหนูก็ได้อย่างที่คิดค่ะ อย่าให้ใครมาบอกว่าเราทำอะไรได้หรือไม่ได้ ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับตัวเราเองที่เป็นผู้กำหนดคุณค่าของเรา ไม่แปลกที่เราอาจจะถามความเห็นคนอื่นได้ แต่เราก็ต้องเปิดใจด้วย และถ้าเราตั้งใจกับอะไรไว้ ถึงครั้งแรกๆ จะไม่สำเร็จ มีบ้างที่อาจจะท้อ แต่เราต้องไม่หยุด ต้องกล้าที่จะลงมือทำต่อไปจนกว่าจะสำเร็จ เพราะคำว่าเสียใจภายหลังจะเจ็บกว่าถ้าเราไม่ลองลงมือทำอะไรเลย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

“ฟ้าใส-เฟิร์ส หวัง” พร้อมเหล่าผู้ทรงเกียตริจากหลากหลายองค์กรทั่วโลก ร่วมเดินพรมแดงและเปิดงาน พร้อมรับรางวัลสุดยอดผู้นำบนเวที “Global Leadership Awards 2023”

“ฟ้าใส-ปวีณสุดา” ทุ่มสุดตัวเทรนด์สาวงามมิสแกรนด์ปทุมธานีสู้ศึกคว้ามงกุฎบนเวทีแม่

“ฟ้าใส-ปวีณสุดา” นั่งแท่นผู้อำนวยการกองประกวด “Universal Woman Thailand” ส่งสาวไทยเฉิดฉายบนเวทีโลก

“ฟ้าใส ปวีณสุดา” แนะแนวทางการเขียนBIO ที่ฝรั่งชอบ

“ฟ้าใส ปวีณสุดา” ประกาศเลิกประกวดนางงาม เตรียมบินแคสติ้งงานที่ฮอลลีวูด

สายตรง “พี่เอส” ผู้จัดการส่วนตัวเล่า “ฟ้าใส” ตื่นเต้นมาก!! เตรียมสวมองค์พิธีกรสัมภาษณ์ “แจ็คสัน”

“ฟ้าใส ปวีณสุดา” เปิดตัวเป็นพีดีมิสแกรนด์ปทุมธานี

Comments