"แก้มบุ๋ม" เปิดใจเกือบเฉียดตาย ถุงซีสต์แตก ซึ้งใจมีคนดูแลอย่างดี
หลังจากได้รับการผ่าตัดถุงซีสต์แตกจนสามารถกลับมาทำงานได้อย่างปกติแล้ว สำหรับสาวใจบุญ "แก้มบุ๋ม ปรียาดา สิทธาไชย" ล่าสุดเจ้าตัวมาเปิดใจถึงนาทีเฉียดตายว่า
อ่านข่าวเพิ่มเติม
“แก้มบุ๋ม” ซีสต์แตก ส่งตัวผ่าตัดด่วน
อาการป่วยของเราตอนนี้ดีขึ้นค่ะ เดินได้ ทำอะไรได้ปกติ ห้ามล้มอย่างเดียว แต่ก็แอบสะดุดไปแล้ว 2 รอบ มีเลือดออกนิดหน่อย หมอบอกว่าข้างในรักษาตัวเองได้ ที่เลือดยังออกเพราะว่าเราเข้าไปในร้านของเรา และมีหมามาชนขาเราจะล้ม แต่ก็ไม่ล้ม เลยมีเลือดออกนิดหน่อย กลัวไหมว่าถ้าโดนกระทบกระเทือนบ่อยๆ อาจจะต้องผ่าตัดอีก กลัว ไม่อยากผ่าตัดแล้ว เพราะว่าแผลเราเป็นแผลเปิด เหมือนผ่าคลอดลูก จะเปิดอีกรอบไม่ไหว ทุกวันนี้หมอยังนัดไปดูแผลอยู่เลย และต้องเจาะเลือดดูด้วยว่าเลือดยังดีไหม เพราะว่าตอนที่เข้าโรงพยาบาลเราให้เลือดไปประมาณ 6 ถุง เพราะว่าค่าเลือดไม่ได้เลย
ย้อนกลับไปวันนั้นว่ามันเกิดอะไรขึ้น ก็มีอาการปวดท้องตอนกลางคืนค่ะ ด้วยความที่เราเป็นคนอดทน พอปวดท้องก็คิดว่าแก๊สในกระเพาะเยอะ ทนไปจนถึง 7-8 โมงเช้า เรามีอาการหน้ามืด คลื่นไส้ นอนไม่ได้ ต้องนั่งพิงหัวเตียงไว้ เสร็จตอนเช้าบอกให้เขาโทรเรียกรถโรงพยาบาลให้หน่อย พอไปถึงโรงพยาบาลหมอบอกให้ผ่าตัดทันที ถ้าช้ากว่านี้ครึ่งชั่วโมงไม่รอดแน่เพราะว่าเลือดออกประมาณพันห้าร้อย
แสดงว่าถ้าไปช้ากว่านี้อาจจะเสียชีวิต ใช่ค่ะ ถ้าไปแล้วหมอหาสาเหตุไม่ทันก็คงไม่อยู่แล้วค่ะ กับเหตุการณ์ที่ผ่านมาเรากลัวความตายไหม ไม่กลัวค่ะ เพราะว่าตอนที่เข้าไปมันต้องทำซีทีสแกน คือเราไม่สามารถบอกหมอว่าเราไม่สามารถนอนราบได้ เพราะเหมือนข้างในเลือดมันออกมา พอนอนราบมันก็ตีมาถึงไหล่ หายใจไม่ออก เหมือนจะตายแล้ว ตอนนั้นถ้าให้นอนราบอีก 5 นาที หนูคงตายแล้ว แต่ไม่ได้กลัวตายนะ เพราะหมอบอกว่าน่าจะเกิดจากในช่องท้อง ซึ่งจะเป็นอะไรก็เป็น
ถือว่าเจ็บที่สุดในชีวิต เรียกว่าเฉียดตายครั้งแรกในชีวิตดีกว่า หนูรู้สึกว่าที่หนูรอดได้เพราะว่าก่อนหน้านี้หนูช่วยชีวิตสัตว์ใหญ่ไว้เยอะ ช่วยวัว ควาย ไว้เยอะ อย่างที่บอกว่าปีนี้ตั้งใจว่าจะช่วย 100 เคส ผ่านมาครึ่งทางแล้ว อันนี้มันเป็นบุญกุศลที่ทำให้เราอยู่ต่อได้ ที่หนูไม่กลัวตายเพราะว่าก่อนหน้านี้หนูทำทุกอย่างได้เต็มที่ ทำด้วยใจ และทำจริงๆ ถ้าวันนี้จะตายก็รู้สึกว่าพอแล้ว เราทำดีแล้ว
หลังจากนี้อาจจะต้องทำบุญมากขึ้น เรายังทำบุญเท่าเดิม ทุกวันนี้ทำบุญมากกว่าทำงานหาเงินให้ตัวเองอีก แต่มันก็ทำให้คนที่ติดตามเราทำบุญมากขึ้น เพราะเขารู้สึกว่าเขาทำแล้วเขาได้ เขาเห็นเราเป็นตัวอย่างว่าพอเราเจอเหตุการณ์อะไร สิ่งที่เราสะสมเล็กๆ น้อยๆ แค่เป็นสะพานบุญบอกคนอื่นมันกลับช่วยเราได้ นี่คือส่วนหนึ่งของความเชื่อ การที่เราตรวจพบโรคเร็ว ทำให้เรารอดค่ะ
หายเร็วเพราะเรามีคนดูแลดีหรือเปล่า เพราะเราเป็นคนถึกมากกว่า แต่ถามว่าคนที่มาช่วยดูแลเขาดูแลดีไหม เขาก็ดูแลดีค่ะ ยาใจดีอยู่แล้ว ต้องบอกเลยว่าถ้าหนูให้รถโรงพยาบาลมารับคงต้องรอเป็นชั่วโมง แต่ครั้งนี้เขาสายตรงไปถึงหมอ ถ้าไม่ได้เขาอีกคนหนูจะคงไม่รอด เพราะว่าเขาเป็นคนติดต่อทุกอย่างให้หมด ซึ้งใจเลยไหมเขาดูแลเราดีขนาดนี้ เขาตามไปที่โรงพยาบาล เขาดูแลดีมาก เขาไม่อยู่ก็ฝากพี่พยาบาลให้ช่วยดูแล ทุกคนดูแลดีมากค่ะ
หลายคนอยากรู้ว่าหนุ่มข้างกายเราเขาเป็นใคร รู้กันอยู่แล้ว ไม่อยากพูดถึงสักเท่าไร แต่ดูเราเปิดตัวมากขึ้นเลยนะ ก็ให้เกียรติเขาค่ะ จริงๆ เราไม่ได้แบบว่าอยากปิดครึ่งหนึ่งหรืออะไรหรอกนะ แต่เราเกรงใจเขามากกว่า เราทำงานในวงการ แต่เขาไม่ได้ทำงานในวงการ เขาอาจจะไม่ได้อยากให้คนรู้จักเขา แต่พอเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นมาเราก็เลยต้องลงเพื่อขอบคุณเขา อยากเก็บไว้เป็นความทรงจำดีๆ จากนี้ครึ่งหน้าไม่มีแล้วค่ะ มาเต็มๆ แล้ว แค่ไม่ได้สวีทหวานก็เท่านั้นเอง