“อเล็กซ์” รับ EEC ได้ “เต้ย” เป็นที่ปรึกษา แย้มมีโปรเจ็คท์ร่วมอีก 4 ประเทศ
เรียกว่าเป็นอีกนักแสดงที่ผันตัวเองเข้าไปหลงรักสิ่งแวดล้อม จนกลายเป็นนักอนุรักษ์ สำหรับหนุ่ม “อเล็กซ์ เรนเดลล์” ซึ่งตอนนี้ถือเป็นผู้บริหารโครงการ EEC Thailand ไปแล้ว ล่าสุดได้เจอกับเจ้าตัวเลยขอเข้าไปอัพเดทถึงโครงการนี้กันสักหน่อย พร้อมถามถึงสาว “เต้ย จรินทร์พร จุนเกียรติ” ได้เข้ามาช่วยบ้างหรือเปล่า โดยเจ้าตัวเผยว่า
อ่านข่าวเพิ่มเติม
"อเล็กซ์" รับมีโปรเจ็คท์ใหญ่ร่วมงานกับต่างชาติ
อัพเดทโครงการ EEC ปีนี้ก็เหนื่อยนิดนึง มีความท้าทายให้กับเรา และเหมือนทำให้เราโตขึ้นกับการทำงานด้านนี้ ก็เลยไปได้ดี อย่างที่เห็น เหนื่อย ไม่ค่อยได้นอน ต้องประชุมหนัก ไปๆ มาๆ งานของเราต้องเข้าประชุม ต้องตัดสินใจ เป็นคนรอบคอบที่สุดเลยไปเหนื่อยทางการคิดบ้าง เราก็เรียนรู้จากหลายๆ คน เคยไปประชุมกับ “ประวิทย์” ได้เห็นวิธีของท่าน ท่านจะฟังทุกคนและก็ตัดสินใจ เลยคิดว่าถ้าอยากประสบความสำเร็จเราต้องฟังคนให้มากขึ้น กับเหตุการณ์ต่างๆ พยายามหาปัญหาเพื่อการเติบโตของเรา ยากครับการเป็นผู้บริหาร คือการบริหารคน คำพูดเรา การกระทำเรา เหมือนกับเราไปกองถ่ายก็จะเป็นนักแสดง ก็ต้องมีความเฟรนด์ลี่ แต่พอมาอยู่จริงแล้วคำพูดเรามันสำคัญ จะพูดอะไรไปก็ต้องหาวิธีที่ถูกต้อง ปัจจัยรายละเอียดมันเยอะมาก
คนติดภาพกับบทบาทของเราแบบนี้ไปแล้ว อาจจะเป็นเพราะช่วงนี้ละครอาจจะยังไม่ออนแอร์ ละคร 2 เรื่องปีที่แล้ว และตอนนี้เราก็มีถ่ายทำอยู่ ก็ใช้เวลานิดนึง อาจจะเป็นปลายปี พอถึงตอนนั้นก็มีงานละคร ภาพอาจจะเปลี่ยนไป แต่ส่วนตัวคิดว่าการละครเป็นการแสดงของเรา เราอยากให้คนชอบการแสดงมากกว่าชีวิตของเรามากที่สุด จัดการยังไงให้ทั้ง 2 อย่างบาลานซ์กัน ก็จัดการได้ ตอนนี้งานมีมาหลายทิศหลายทาง พอมาทำแบบนี้เราก็ไปเป็นวิทยากร ไปพูดตามโรงเรียน มหา’ลัย งานภายในขององค์กรบ้าง และงานทางสังคมด้วย อีเว้นท์กับวงการบันเทิงด้วย งานประชุมของเราก็คือได้เลขาแล้ว ก็มีคนมาช่วย พยายามตัดบางอย่างไป
ก่อนเริ่มโครงการเห็น “เต้ย” เข้ามาช่วย ตอนนี้ “พี่เต้ย” ก็ได้คุยกันอยู่ตลอด เมื่อเช้าก็ยังคุยกัน เราปรึกษากันถ้าเกิดมันมีประเด็นอะไร คือการที่เรามีคนที่รู้เกี่ยวกับ EEC เหมือนเรา เพราะฉะนั้น “พี่เต้ย” เป็นคนที่ยังไม่ได้ไปไหน ยังวนเวียนอยู่ในออฟฟิศ มันก็เป็นเรื่องที่ดีที่เขาเข้ามาเป็นระยะๆ อาจจะยังไม่ได้เข้ามาบริหารเต็มตัว กับบทบาท “เต้ย” ในองค์กร ถ้าเป็นตำแหน่งต้องไปถาม “พี่เต้ย” เอง แต่ถ้าเกิดสำหรับผมมองว่าเป็นที่ปรึกษา เพราะมีไม่กี่คนที่จะรู้จัก EEC ตั้งแต่ต้นจนจบเหมือนเรา เพราะเราเริ่มมาด้วยกัน ก็ยังมีความเป็นเพื่อนกัน
เขาก็ลงพื้นที่กับเราแต่เขาไม่ออกสื่อ วันว่างเขาก็ไปช่วยออกค่าย เขาก็ถามมาว่าช่วงนี้มีค่ายไหนน่าสนใจก็บอก และจะไปด้วย เห็นว่าเขาจะลงไปทำธีสิสอีก 2 อาทิตย์ เขาจะไปเก็บข้อมูลของเต่ามะเฟือง ก็ถามว่าเราว่างไหม แต่ติดถ่ายละครเราก็ไม่ได้ไป ถึงไม่ได้ไปแต่ก็ยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ก็คงจะเป็นแบบนี้ไปอีกสักพักยาวๆ ส่วนตัวเราก็สบายใจมาก
โครงการเราเกี่ยวกับเด็กออทิสติกด้วย คือ EEC นอกจากจะมีงานทางด้านสิ่งแวดล้อมให้กับเด็ก เราก็อยากจะให้เป็นองค์กรทำงานเพื่อสังคม 100% ทีมงานทุกคนไปด้วยหัวใจ และก็อยากจะไปจัดให้กับคนที่ไม่มีโอกาส และไม่ได้เกิดในครอบครัวที่มีกำลังมาอยู่ในค่ายของเรา ซึ่งผมเพิ่งประชุมกันไปเมื่อวานว่าเดือนกันยายนจะจัดเป็นค่าย เพราะปีที่แล้วมีเด็กวีลแชร์ เด็กออทิสติก มาร่วมด้วย ซึ่งเกือบถึง 200-300 คน เราก็อยากจะใช้ธรรมชาติในการฟื้นฟูเขาด้วย อันนี้เป็นของเราเอง เราก็ระดมทุน ตัวผมเองก็คิดจะเปิดเป็นเรื่องเป็นราว เป็นของเราคนเดียว
ส่วนชื่อมูลนิธิ คือเพิ่งทะเลาะกับแม่ไปเมื่อวานเรื่องชื่อ เพราะเราตั้งใจว่าคุณแม่เกษียณแล้วเราอยากให้เขามาดูแลมูลนิธินี้ และเขาก็เป็นครูสอนมา 20 ปีแล้ว เราก็อยากให้เขามาช่วย อยากหางานให้เขาทำ ซึ่งเวลาเราไปพูดเขาก็จะมีค่าตอบแทนวิทยากรให้ เราก็คิดว่าเอาเงินส่วนนี้ไปใส่ในมูลนิธิ เราได้ไอเดียนี้มาจากต่างประเทศ เหมือนกองทุนที่เราจะขยับขยาย และโปรเจ็คท์จะดีมากน้อยแค่ไหนก็อยู่ที่การระดมทุน ถ้าทำได้น่าจะเป็นสิ่งที่ดี คือ EEC เป็นธุรกิจเพื่อสังคม เป็นบริษัทที่พนักงานได้เงินเดือน อยากจะเปิดเพื่อบางทีเราจะจัดให้เด็กตาบอด แต่บางทีเราไม่มีทุน และการที่เราไปขอเงินคนอื่นมันเหนื่อยมาก แต่ถ้าเรามีกองระดมทุนเพื่อเด็กๆ จะได้รับโอกาสตรงนี้ได้มันก็จะเป็นสิ่งที่ดี
เป็นมูลนิธิที่จะช่วยเหลือประชาชน อาจจะเปลี่ยนข้อมูล อยู่ในจุดที่อาจจะเปลี่ยนวัตถุประสงค์ ประมาณว่า “เพื่อการพัฒนาและการสร้างโอกาสให้กับเยาวชน เพื่อยกระดับความเป็นอยู่และความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม” เป็นกองทุนที่จะซัพพอร์ตคนที่อยากเรียน สามารถไปช่วยผู้ประสบภัย คนชรา เด็ก คนที่ไร้โอกาส โดยที่เราตัดสินใจเพียงคนเดียว อยากให้เป็นรูปเป็นร่าง กะว่าจะเปิดไว้ก่อนและค่อยๆ ทำไป ไม่ได้รีบ ณ ตอนนี้คือครอบครัว คือการสร้างเนื้อสร้างตัว แต่การที่เราเปิดและค่อยๆ สะสมผมมองว่าอาจจะเต็มตัวสักอายุประมาณ 50 ซึ่งจะเปิดอย่างเป็นทางการก็ในปีนี้แน่นอน
โปรเจ็คท์ที่ทำกับต่างประเทศ อันนี้ต้องรอเขาคอนเฟิร์มมาอีกทีหนึ่ง แต่เขาคอนเฟิร์มมาแล้ว แต่ต้องให้เกียรติกับผู้ที่มาร่วมนิดนึง คือจริงๆ ก็พูดได้แหละแต่อยากให้เป็นทางเขาพูดก่อนดีกว่า และเราค่อยมาเสริม เกี่ยวกับการอนุรักษ์ เกี่ยวกับการสร้างโอกาสให้กับเด็กๆ ได้มาเรียนรู้ EEC ใน 4 ประเทศ ก็คือมาร่วมกับโครงการของเรา ก็คือโครงการนี้มาร่วมกับ EEC และให้เด็กๆ ได้มารู้เกี่ยวกับทรัพยากรในประเทศไทย 4 ประเทศอะไรบ้าง ต้องรอให้เขาเปิดเผยเองจะดีกว่า
พอออกงานสังคมบ่อย งานในวงการไม่ลดลงครับ ถ้าบอกตามตรงเราก็ไม่ได้เล่นแค่ละครแล้ว พอเราเล่นละครเราอยากที่จะเล่นก็เหมือนอยากจะโยนตัวเราเข้าไปได้เลย เพราะนี่คือความรักของเรา อินเนอร์ก็อยากจะทำให้มันดีเพราะมันคือโอกาส นานๆ ทีจะมีบทดีๆ แบบนี้ เราก็ไม่ได้หายไปไหนจากวงการแน่นอน อาจจะอยากเลือกมากขึ้น
