"ปั้นจั่น" ลั่นทำทุกอย่างเปิดเผย แจงความสัมพันธ์ "ฐิสา" ค่อยเป็นค่อยไป
ถูกวิจารณ์อย่างหนักสำหรับสาว "ฐิสา วริฏฐิสา ลิ้มธรรมมหิศร" ว่าซุ่มคบหลบๆ ซ่อนๆ กับหนุ่ม "ปั้นจั่น ปรมะ อิ่มอโนทัย" หลังฝ่ายชายตามจีบ เพราะล่าสุดมีภาพหมวกใบเดียวกันที่ฝ่ายชายยืมไปใส่ งานนี้เมื่อเจอหนุ่ม “ปั้นจั่น” เจ้าตัวก็ชี้แจงว่า
อ่านข่าวต่อ :
เฉลยแล้ว! “ฐิสา” ปัดกุมมือ “ปั้นจั่น” ผ่านไอจีพร้อมบอกรัก
ทุกอย่างเป็นไปตามที่น้องให้สัมภาษณ์เลย ทุกอย่างเป็นความจริง ผมไปยืมหมวกเขามาใส่ถ่ายรูปจริงๆ ไม่ได้มีอะไรเลย ซึ่งสาเหตุที่ยืมหมวกเขามาใส่ก็เป็นเพราะหมวกมันเข้ากับชุดเราพอดี
ส่วนที่น้องเขาเองก็โดนดราม่าเรื่องหมวกว่าทำไมจะคบหาดูใจกันต้องหลบๆ ซ่อนๆ เรื่องจริงเราก็ทำทุกอย่างอย่างเปิดเผย คุณพ่อคุณแม่ก็รับทราบ พี่ๆ ที่เรารู้จักก็รับทราบ ตอนที่เราไปเที่ยวเราก็ไม่ได้ปิดบัง เราใช้ชีวิตตามพื้นฐานปกติของคนทั่วไป และทุกครั้งที่เราไปไหนมาไหนด้วยกันเราก็ไม่เคยกลับบ้านดึกดื่นมืดค่ำ เรากลับบ้านก่อนฟ้ามืดตลอด
กับเรื่องขอบเขตรูปคู่ ผมเชื่อว่าทุกคนมีกรอบของตัวเอง และด้วยหน้าที่การงานของเรา เราก็คงจะทำทุกอย่างอย่างรวดเร็วเหมือนคนทั่วไปไม่ได้ จะพูดอะไรก็พูด จะทำอะไรก็ทำ มันทำไม่ได้ เพราะถ้าหากมันไม่ประสบความสำเร็จขึ้นมาอย่างที่ทุกคนคิดก็อาจจะมีต่อว่าได้อีก ฉะนั้นเราก็อยากจะทำให้ทุกอย่างมันเป็นไปตามธรรมชาติที่สุด ปล่อยให้มันค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป ง่ายๆ คือไม่อยากโดนดราม่า พร้อมบอกไม่น้อยใจที่น้องยังไม่พร้อมที่จะถ่ายรูปคู่ แต่ถ้าหากเป็นผมตอนสมัยวัยรุ่นหรือเด็กๆ ผมอาจจะมีน้อยใจบ้าง แต่ตอนนี้ผมเข้าใจทุกอย่าง
เวลามีดราม่าเราเป็นห่วง “ฐิสา” ไหมว่าการตัดสินใจของเขาอาจจะเปลี่ยนไป อันนี้ผมไม่รู้นะว่ามันจะมีผลหรือเปล่า แต่สำหรับตัวผมเองเวลามีคนอื่นวิจารณ์เรื่องของผม ผมก็มองว่ามันเป็นเรื่องปกติทั่วไป ซึ่งผมรับได้ แต่ถามว่ามันจะบั่นทอนหรือเปล่า อันนี้ผมคิดว่าผมเองก็มีชั่วโมงบินที่มากพอ ฉะนั้นการอยู่ในวงการนี้ชั่วโมงบินต้องสูง ภูมิต้านทานก็ต้องสูงด้วย หากภูมิต้านทานต่ำเราก็อาจจะต้องพ่ายแพ้ไป ฉะนั้นทุกอย่างมันอยู่ที่การคิดและการกระทำของเราด้วยว่าเราทำอะไรอยู่ แต่เอาจริงๆ นะผมกลับมองว่าเป็นเรื่องดีด้วยซ้ำเวลาที่มีคนวิพากษ์วิจารณ์ผม เพราะมันทำให้ผมรู้สึกว่าเดี๋ยวคอยดูคนเราสามารถเปลี่ยนได้
การที่เราพยายามพิสูจน์ตัวเองไม่ได้หมายความว่าเราอยากจะเอาชนะคนที่วิจารณ์ มันไม่จำเป็นเลยที่จะต้องทำอย่างนั้น เพราะถ้าหากจะสมหวัง มันก็คือตัวผมกับน้องเขาเท่านั้น ไม่ได้เกี่ยวกับคนภายนอกเลย ตอนนี้ผมก็ยังเดินหน้าจีบเขาเต็มร้อยตั้งแต่แรก แต่ตอนนี้เราก็ยังคงดูแลกันแบบเป็นพี่น้องตามปกติ ทุกอย่างมันต้องค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป ถึงแม้ลุคทางกายภาพของผมจะดูเจ้าชู้หรือไม่มีใครเข้าใจผมก็ไม่ได้ซีเรียส
ทุกวันนี้เรายังรู้สึกว่าตื๊อเท่านั้นที่ครองโลกใช่ไหม ผมว่าเป็นเรื่องความเข้าใจมากกว่าเพราะน้องเขาเองก็ไม่ใช่เด็กแล้ว เขาโตพอที่จะพิจารณาอะไรต่างๆ ด้วยตัวเองได้แล้ว ส่วนตัวผมเองก็แค่ต้องทำทุกอย่างให้มันเสมอต้นเสมอปลาย แต่ทั้งหมดทั้งมวลแล้วมันก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะต้องเลือกผม คนเราถ้ามันจะใช่มันก็ใช่ ถ้ามันจะไม่ใช่มันก็ไม่ใช่ครับ ปล่อยให้ทุกอย่างมันเป็นไปตามธรรมชาติดีกว่า
ถามว่าตัวเราเองมีความมั่นใจไหม ที่จริงมันก็เป็นสิ่งที่ผมรู้ตัว แต่ว่าผมไม่สามารถพูดได้ จะมากหรือจะน้อยผมไม่รู้ แต่บางอย่างผมก็อยากจะขอเก็บมันไว้เป็นเรื่องส่วนตัวบ้าง เพราะถ้าพูดไปเดี๋ยวก็กลัวว่าจะหน้าแหก
เราคิดว่าสิ่งที่เราคิดมันเป็นไปในทิศทางที่ดีหรือเปล่า ผมว่ามันต้องดีเพราะในความเป็นพี่น้องเราก็ดูแลกันแบบพี่น้อง มันไม่มีเรื่องที่ไม่ดีหรอก แต่ความสัมพันธ์ทุกวันนี้ก็ยังทำให้เรายิ้มได้ มันก็คือความสัมพันธ์ที่ดี แต่มันก็ต้องค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป ผมเลือกที่จะเดินช้าๆ ดีกว่าเพราะบางครั้งเวลาที่เราเดินเร็วๆ แล้วมันแหกโค้งก็มีบ่อย
