“เบิ้ล ปทุมราช” ทักหา “มาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก” ขอบคุณเฟซบุ๊กที่ทำให้มีชื่อเสียง
ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องราวที่ทำแฟนคลับสนใจเยอะขนาดนี้ สำหรับนักร้องหนุ่ม “เบิ้ล ปทุมราช” หรือ “อาทิตย์ สมน้อย” ที่ล่าสุดได้ทักหา “มาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก” เพื่อขอบคุณเฟซบุ๊กที่ทำให้เขาได้อัดคลิปร้องเพลง จนทำให้เป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียงในทุกวันนี้ โดยเจ้าตัวนั้นเผยว่าอ่านข่าวต่อ :
“เบิ้ล ปทุมราช อาร์สยาม” เล็งบวชทดแทนคุณพ่อแม่ ก่อนเข้ากรมฯ
สำหรับเรื่องเฟสบุ๊คที่ทักไปหา “มาร์ค ชักเคอร์เบิร์ก” ผมไม่คิดว่าจะมีคนสนใจเยอะขนาดนั้น และก็ไม่คิดด้วยว่าพี่มาร์คเขาควจะไม่ตอบเรา ก็เหมือนว่า 2-3 วันที่แล้วพี่มาร์คเขาน่าจะฉลองการแต่งงานกับแฟนเขาในโซเชียลเฟสบุ๊คส่วนตัว มีคนกดไลค์ กดแชร์ทั้งในต่างประเทศและคนไทยของเรา เราก็เลยไปเห็นเขาว่าคนนี้คือคนที่ก่อตั้งเฟสบุ๊คนะ เราเลยย้อนไปถึงตอนที่เรายังไม่ได้เป็นนักร้อง เราแต่งเพลง ทำเพลง อัดคลิปลงเฟสบุ๊ค ถ้าไม่มีพี่เขาทำเหสบุ๊คขึ้นมาเราคงไม่มีโอกาสได้มาเป็นนักร้อง เราเลยทีกไปขอบคุณเขาดีกว่า คือเอาฮา แคปเอามาให้คนกดไลค์ ไม่ได้เขียนภาษาไทยด้วย เขียนภาษาอีสานด้วย “อ้ายครับ ผมดีใจที่ได้เป็นนักร้อง เพราะว่าเฟสบุ๊คของอ้าย ผมฮู้ว่าอ้ายซิบ่ได้ตอบผม แต่ถ้าอ้ายมีโอกาสผ่านบ้านผม ผมจะต้มไก่กิน” อะไรแบบนี้ เขาคงอ่านไม่ออกหรอกครับ เอาฮา
เราก็ภูมิใจในการได้ทำเพลงลงในเฟสบุ๊ค ผมดีใจที่เฟสบุ๊คทำให้ผมได้ ผมไม่ได้มาเหมือนคนอื่น ไม่ได้ประกวด ไม่ได้ไปฝากไว้กับครูเพลง หรือยูนิตที่ใดที่หนึ่งเป็นเด็กเข้าสังกัด ผมเดินทางมาตรงนี้เพราะผมใช้เฟสบุ๊คเป็นเวทีในการแจ้งเกิดตัวเองในโซเชียล คือเขียนเพลงลง แต่งเพลงลง และมีผู้ใหญ่หลายๆค่ายสนใจ และเราเลือกที่จะเดินมาอาร์สยามวันนั้น เราเลยย้อนนึกว่าเฟสบุ๊คนี่แหละเป็นจุดแรกที่ทำให้เรารู้จักหลายๆคนที่เข้ามาให้โอกาสเรา เราเลยอยากขอบคุณพี่มาร์ค เราเดินอยู่บนเฟสบุ๊คตั้งแต่อายุ 16 ปีครับ เอาจริงๆผมเพิ่งเล่นเฟสบุ๊คเป็นตอนอายุ 15-16 เอง ทั้งที่พี่ๆน้องๆในหมู่บ้านเล่นเป็นก่อนผม แต่ผมเพิ่งมาฝึกเล่นตอนอายุ 16 ปี ตอนนั้นยังไม่มีโทรศัพท์ด้วยครับ มีโทรศัพท์ยี่ห้อหนึ่งที่ใช้เปิดไวไฟ และแม่ซื้อไอพอร์ตให้เล่นตอนนั้น ก็ใช้เครื่องนั้นอัด ไอพอร์ตเครื่องนี้ทำเงินให้ผมหลายล้านอยู่นะ ราคาไม่กี่พันที่แม่ซื้อให้ยังดีใจที่แม่ซื้อให้ครับ
ทุกวันนี้บอกว่าไม่ถึงขั้นกับชอบเล่นครับ แต่ติดครับ พูดเล่นๆ มันเหมทอนขาดไม่ได้แล้ว เหมือนเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต แต่ผมก็โพสต์ในเหสบุ๊คเมื่อเช้าว่า จริงๆทุกคนคิดว่าเวลาที่เราโพสต์ในโซเชียล จะคิดว่าเป็นพื้นที่ส่วนตัวเรา มีอะไรเราก็อยากจะลงไป คุณไม่มีสิทธิจะมาว่าเรา แต่จริงๆเฟสบุ๊คมันไม่ใช่พื้นที่ส่วนตัวหรอก ผมว่าเฟสบุ๊คมันเหมือนเป็นหุ่นเชิ่ดที่ทำให้เราใช้จิตวิญญาณของการเป็นมนุษย์ และความคิดของเราให้กับเฟสบุ๊คลงไป ว่าเราจะให้เฟสบุ๊คบังคับอะไรกับสิ่งที่เราคิดมากกว่า เพราะฉะนั้นทุกคนมีสิทธิเหมือนกันคือ ชีวิตจริงของเรานี่แหละคือสิทธิของเรานะครับ เพราะคนที่ไปคอมเมนต์เราอาจจะเป็นทั้งคนที่มีตัวตน เพราะฉะนั้นอย่าไปคิดว่าเฟสบุ๊คเป็นพื้นที่ส่วนตัว มันไม่ใช่หรอก พื้นที่ส่วนตัวของเราจริงๆก็คือตัวเรานี่แหละ เฟสบุ๊คเป็นสิ่งที่ทำให้เรากล้าระบายกล้าพูดมากกว่า มีอะไรอยากจะพูดก็พูดในเฟสบุ๊ค แต่สำหรับผมเฟสบุ๊ค เล่นให้ดีก็ดี ไปในทางที่ดีก็ดีมากสำหรับผม มันเป็นทั้งเวที ทั้งช่องทางการทำธุรกิจต่างๆ ผมเชื่อว่าเฟสบุ๊คกับผมเป็นอะไรที่คู่กันมากๆ ผมขาดเขาไม่ได้หรอก ถึงวันนี้จะเล่นน้อยลงดีกว่าเลิก
โพสต์อะไรต้องระวังมากขึ้น เพราะถ้าพลาดแค่วิเดียวถ้าคนแคปหน้าจอได้ก็ยาวไป ยิ่งทุกวันนี้มันมีเหสปลอมมากขึ้นด้วย ก็ระมัดระวังยากขึ้น เพราะฉะนั้นก็บอกแหนเพลงให้มาติดตามที่เป็นของเราจริงๆดีกว่า ถ้าเราโพสต์ผิดแล้วมันเป็นของเรา เรายังมีโอกาสได้แก้ไข ปรับปรุงและขอโทษ แต่ถ้าเป็นเฟสปลอมไปโพสต์เราไม่รู้ว่าเรื่องไปถึงไหนแล้ว กว่าจะรู้ความจริงคือคนด่าเราแล้ว ต้องพูดจริงๆว่าโซเชียลตอนนี้บางคนไม่อ่าน บางคนเห็นแล้วด่าก่อน เรื่องเป็นยังไงกูไม่รู้แต่กูต้องด่า
ส่วนแฟนเพจผม “เบิ้ล ปทุมราช” ที่มีตัวการ์ตูนจมูก ผมไม่กลัว ผมว่าผมเป็นคนดื้อ แต่ว่าก็ดื้อแบบมีเหตุผลนะ เราอยากดูคนคอมเมนต์เฉยๆ จริงๆไม่ได่อวดว่าตัวเองหล่อแล้วไปข่มขืนเลยต้องยอมไม่ใช่นะ ผมโพสต์ว่า ถ้าเบิ้ล ปทุมราช ไปข่มขืนคุณ สิ่งแรกที่คุณจะทำคืออะไร 1.เหมือนดิ้นให้หลุดแล้วโทรหาตำรวจ 2.กัดลิ้นตัวเองตาย ผมอยากจะอ่านคอมเมนต์ฮาๆ แฟนคลับที่เขาดื้อๆเหมือนกันกับผม ซนๆ คือแฟนคลับผมมีหลายเพศไง หลายวัน เลยอยากอ่านแต่จริงๆไม่ได้มีอะไรมากครับ เอาฮาๆในแฟนเพจเฉยๆ
ดราม่าไม่ค่อยมีหรอก จะมีดราม่าก็คือคนที่มีอคติกับผมมากกว่า จะโพสต์ดีหรือโพสต์ร้ายก็คือดราม่าอยู่ดี เราอย่าไปคิดว่าจะทำให้ทุกคนต้องรักเราทุกคน เพราะฉะนั้นการโพสต์อะไร เอาตรงๆ เราเป็นศิลปิน เป็นนักร้องอยู่ในที่สว่าง หลายคนอ่จจะบอกว่ากูทำอะไรก็ได้ กูก็เป็นคนเหมือนกันนี่หว่า เราก็อยากโพสต์ แต่ไม่ใช่ไง เราอยู่ที่สว่างกว่า จริงๆโซเชียลหรือสังคมไม่ได้บอกให้เราต้องเป็นคนดีซะทุกอย่างให้ทุกคนเขาทำตามหรอก แต่ว่าอะไรที่มันทำได้ สามารถเป็นตัวอย่างได้ก็ควรจะทำ แต่อาจจะไม่ต้องทำหมดจนทำให้ตัวเองรู้สึกกดดันจนไม่อยากเป็นนักร้อง ไม่ขนาดนั้น แต่สำหรับผมผมเชื่อว่าผมก็มีมุมดีๆของผมเหมือนกัน ที่โพสต์ให้คติประจำใจ โพสต์ให้กำลังใจคนที่สู้ฝัน คนที่มีเราเป็นตัวอย่าง มีมุมฮาๆ มีมุมดื้อซนๆของผมเหมือนหัน เพราะฉะนั้นก็พยายามรักผมในแบบ 4 มิติ ดินน้ำลมไฟ นะครับ รักในทุกอย่างทั้งเย็นทั้งร้อนทั้งฝังก็รักให้ได้ทุกอย่าง