"ออม" ยิ้มรับหายจากโรคแพนิคแล้ว ฟุ้งรัก “แอมป์” 2 ปีแฮปปี้ ไร้แพลนแต่ง
หายจากอาการป่วยโรค "Panic Desorder" ที่เกี่ยวกับสารเคมีในสมองไม่บาลานซ์ และไม่ต้องมีตัวกระตุ้นก็ทำให้ใจสั่น เหงื่อออกมือ รวมทั้งยังหายใจลำบาก และเกิดวูบโดยไม่รู้ตัวไปก่อนหน้านี้เรียบร้อยแล้ว สำหรับ "ออม สุชาร์ มานะยิ่ง" ล่าสุดเจ้าตัวก็ออกมาเผยเรื่องนี้ พร้อมอัพเดทความรักกับ “แอมป์ พิธาน องค์โฆษิต” ที่แม้คบหาดูใจเกือบ 2 ปีแต่ไร้แพลนแต่งงาน ว่า
อ่านข่าวต่อ :
“ออม สุชาร์” เปิดใจหลังถูกแฉเคยมีลูกก่อนเข้าวงการ
ก่อนอื่นโดดมาเล่นละคร “Boss & Me ขุนให้อ้วนแล้วชวนมารัก” เป็นเรื่องแรกที่ได้ร่วมงานกับทางช่องวัน และได้เจอกับ “พุฒ พุฒิชัย เกษตรสิน” อีกครั้ง และเป็นเรื่องแรกที่ได้เล่นรีแมคที่เป็นต้นฉบับของจีน ที่ผ่านมาจะเล่นแต่ของทางเกาหลี รู้สึกดีใจดีที่ผู้ใหญ่ให้โอกาส เลือกเรา จะตั้งใจทำให้เต็มที่ ให้คนดูไม่ผิดหวัง ตื่นเต้นทุกครั้งที่ได้ทำงานไม่ว่าจะเป็นงานละครหรือภาพยนตร์เรื่องใหม่ การปรับตัวก็ได้เพราะนักแสดงเคยเจอ เป็นพื่อนกัน และทีมงานหลายคนเคยรู้จักกันอยู่แล้ว
เรื่องนี้เป็นการร่วมทุนไทย-จีน มีแพลนฉายพร้อมกันที่ไทยและจีนช่วงต้นปีหน้า ดีใจมีกระแสข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ที่จีนแล้ว พวกเขาก็ช่วยซัพพอร์ตและอยากดูผลงาน กับงานแสดงที่จีนช่วงนี้ยังไม่มีเพราะถ่ายเรื่องนี้อยู่ถึง 40 ตอน ถ้ามีคงได้แค่โปรเจ็คท์สั้นๆ หรือไปร่วมงานมากกว่า รับมีติดต่อมาบ้างแต่หากเป็นโปรเจ็คท์ยาวก็ยังไปไม่ได้ ส่วนการเป็นนักแสดงอิสระแล้วก็ยังมีงานเยอะเหมือนเดิม การรับงานตัดสินใจด้วยตัวเองมากขึ้นที่จะรับหรือไม่รับ และได้มีการวางแผนเอง บทก็แล้วแต่ทางผู้ใหญ่ให้โอกาส แต่ถ้าคิดว่าเราทำได้ก็ยินดีจะให้ท่านดูบทให้เพราะมองได้ดีกว่าเรา งานก็มีเข้ามาเรื่อยๆ อยู่ที่การจัดการมากกว่าว่าทำได้หรือเปล่า
สำหรับสุขภาพที่ป่วยจากโรคแพนิคก็ไม่ได้เป็นมา 4-5 เดือนแล้ว เป็นการติดตามผลที่ดีเพราะได้ตามกับคุณหมอทุกเดือนตลอดว่าเป็นหรือเปล่า แต่ก็ไม่ได้เป็นมานาน ถ้าเป็นอีกก็คงเป็นเพราะนอนน้อย คิดเยอะ เครียด เพราะโรคนี้อยู่กับเราตลอด กับอาการภูมิแพ้ก็มีบวมบ้างเพราะทานยา อาจมีเอฟเฟคท์ทำให้น้ำหนักขึ้น ยิ่งเล่นเรื่อง “Boss & Me ขุนให้อ้วนแล้วชวนมารัก” ที่ต้องเล่นเยอะทุกฉากก็ต้องทานเยอะ แต่พยายามลดให้เหมือนเดิม โดยทาง “พี่แอมป์” เองก็ไม่ห่วงมากเพราะรู้ว่าไม่ได้เป็นอะไรแล้ว ไม่เหมือนตอนแรกๆ รู้สึกว่าหายใจไม่ได้ ถามว่าฝ่ายชายมีบอกให้ลดงานไหม ก็ไม่ จะคิดเองถ้าไม่ไหวก็ไม่ทำ รู้ขีดความสามารถตัวเองอยู่แล้ว ยิ้มเขาก็ดูแลดีปกติ
ด้านความรักก็ไม่ได้หวานอะไร ปกติรูปคู่ที่ลงก็มีคนถ่ายให้ รับคู่เราไม่ค่อยทะเลาะกัน เวลาอยู่กับใครแล้วไม่ทะเลาะจะแฮปปี้ แต่ถ้ามีเราเป็นคนยอมมากกว่า กับระยะเวลาที่คบกันก็เกือบ 2 ปีแล้ว แพลนข่าวดีเรื่องแต่งงานก็ไม่รู้สึกว่าพร้อมขนาดนั้น ยังต้องทำงานและต้องเรียนรู้กันอีกหลายแง่มุม หากถูกทำเซอร์ไพรส์ขอก็ไม่ได้คิดขนาดนั้น ไม่อยากคิดหรือแพลนล่วงหน้า แค่ทุกวันนี้ดีอยู่แล้วก็พอ มองสิ่งที่ถามกันถึงเรื่องแต่งงานส่วนตัวคิดว่าไม่ได้เป็นปลายทางของชีวิตหรือความรักที่ยั่งยืน ซึ่งโมเมนต์อยากจะใส่ชุดเจ้าสาวแต่งงานก็ไม่ได้เป็นผู้หญิงที่ต้องการอะไรขนาดนั้น ค่อนข้างจะเขินกับเรื่องนี้ซะมากกว่า