เปิดเส้นทางก่อนจะดัง “ออฟ จุมพล” กว่าจะมีวันนี้ผ่านอะไรมาบ้าง
แจ้งเกิดเป็นดาวเด่นประดับวงการ พร้อมมีผลงานออกมาให้ได้ติดตามอย่างต่อเนื่อง สำหรับ “ออฟ จุมพล อดุลกิตติพร” ชีวิตในวัยเด็กและเส้นทางการเข้าสู่วงการบันเทิงของหนุ่ม “ออฟ” จะเป็นอย่างไร วันนี้ “ดาราเดลี่” จะพาไปย้อนวันวานค่ะ
ชีวิตในวัยเด็กก็เป็นเด็กปกติทั่วไปเลย เรียนปกติ แต่จะไม่ค่อยชอบกิจกรรมสักเท่าไหร่ เรียนเสร็จก็จะเตะฟุตบอล ตีปิงปองอย่างเดียว จะเป็นเด็กที่ชอบเล่นกีฬามากๆ แล้วก็กิจกรรมทุกอย่างในโรงเรียนคือเราไม่สนใจใดๆ ทั้งสิ้นเลย อย่ามายุ่งกับเราเลย ก็จะประมาณนั้น
ส่วนความฝันในวัยเด็กก็คืออยากเป็นแพทย์ หมอกระดูก เพราะว่าคุณพ่อคุณแม่ชอบมีปัญหาเรื่องกระดูกตั้งแต่เด็กๆ เราโตขึ้นมาก็เลยอยากรักษาท่าน แต่ว่าด้วยหัวสมองของเราที่มีอยู่มันไม่พอก็เลยหันไปเรียนนิเทศครับ ซึ่งมันคนละทางกับเราเลย ด้วยความที่เราเริ่มโตเราก็จะรู้แล้วว่าเราต้องการอะไร ต้องการเรียนแบบไหน แต่ตอนนั้นเด็กๆ มันคือความฝัน แต่จริงๆ แล้วศักยภาพของเรา เราชอบทางไหนก็ไปทางที่เราชอบดีกว่า เพราะว่าสิ่งที่เราชอบจะทำให้เราทำสิ่งนั้นได้ดีที่สุด
เส้นทางการเข้าสู่วงการบันเทิง เริ่มแรกเลยเข้ามาตอนอายุ 23 ตอนอยู่ชั้นที่ปี่ 4 พี่เอ็กซ์ ผู้บริหารทาง GMM TV ไปเป็นอาจารย์พิเศษที่มหา’ลัยของเราพอดี บังเอิญเราดันไปแกล้งลูกศิษย์ของเขา ส่วนตัวของเราเป็นคนชอบแกล้งคนอยู่แล้ว จากนั้นพี่เขาก็ให้คนมาถามเราว่าอยากไปเป็นพิธีกรไหม แล้วตอนนั้นคือหน้าเขาผมก็ไม่รู้จักว่าเขาเป็นใคร ก็เลยตอบไปว่าถ้าพี่คิดว่าผมทำได้ผมก็ทำได้มั้ง (หัวเราะ) แต่พอสุดท้ายที่เขาเรียกเข้าไปที่บริษัทนั้นก็ถึงได้รู้ว่าตำแหน่งพี่เขาใหญ่โตเหมือนกันนะ ก็เลยได้ผลงานชิ้นแรกก็คือ Five Live Firsh ก็เริ่มรู้จักเพื่อนๆ หลายๆ คน ตอนนั้นมี 6 คนเริ่มพร้อมกันเลย นั่นก็คือผลงานชิ้นแรกสำหรับการออนฯ ทีวีเลย
ส่วนผลงานการแสดงก็บังเอิญเหมือนกัน พี่เอ็กซ์ให้โอกาสเราได้เล่น “รักจริงปิ๊งเก้อ” ตอนนั้นได้เล่นกับน้องคนนึง ตอนที่ออกมาตอนนั้นก็ได้กระแสดีมากๆ ซึ่งเรื่องนี้เป็นการเริ่มแรก ต่อมาก็เป็นเรื่อง Room Alone เป็นซีรีส์รุ่นใหม่ ครั้งแรกก็มีโอกาสได้เล่นกับพี่เอ็กซ์อีกแล้ว ซึ่งต้องบอกว่าพี่เอ็กซ์นี่เรียกว่าป๋าดันผมเหมือนกันนะ ตั้งแต่พาเข้าวงการ ให้โอกาสได้ทำงานต่างๆ ก็ดีใจที่ได้เจอพี่เอ็กซ์ครับ และก็ไม่คิดเลยว่าจะโด่งดังมีชื่อเสียงมาถึงวันนี้ เพราะตอนเด็กๆ ไม่คิดว่าจะมาเป็นนักแสดง มาเป็นพิธีกร เพราะเราไม่ค่อยกล้าแสดงออก พูดน้อย แต่พอได้เข้ามาในวงการบันเทิงก็กลายเป็นคนที่พูดเยอะไปเลย เพราะว่าถ้าเรายิ่งพูดเยอะๆ ในชีวิตประจำวันเราจะได้ฝึกเยอะ
ส่วนไอดอลในวงการบันเทิงก็คือ “พี่โบ ธนากร” พี่เขาคือพิธีกรที่สอนเราเลย อบรมตั้งแต่เข้ามาใหม่ๆ แล้วบุคลิกของพี่เขาดี เหมือนจะทะลึ่ง แต่พี่เขาน่ารักมากจริงๆ ก็เลยยึดเขาเป็นแบบอย่าง แล้วก็จะเป็นแบบนั้นให้ได้ หลังจากนั้นก็มีโอกาสได้ร่วมงานกันอยู่ ทำงานด้วยแล้วสนุกมาก พี่เขาเหมือนพี่ชายที่คอยดูแลเราตลอด ดีใจมากๆ ที่ได้พี่โบเป็นคนสอนงานต่างๆ ให้กับเรา
สิ่งที่คิดว่าทำให้เราอยู่มาทุกวันนี้ก็คือแฟนคลับด้วย เพราะว่าถ้าไม่มีพวกเขาเราก็จะไม่มีคนที่คอยสนับสนุนเรา คอยซัพพอร์ตเรา และคอยให้กำลังใจเรา ซึ่งแฟนคลับก็สำคัญ ส่วนตัวของเราเองก็สำคัญ คิดว่าอย่างละครึ่งเลย ก็ทำตัวให้ดี รับผิดชอบต่องานให้เยอะๆ แล้วก็ตรงต่อเวลา คิดว่าคนสมัยนี้ขาดมากๆ เลยก็คือความตรงต่อเวลา เรารับผิดชอบตัวเองให้ได้ อย่าทำให้คนอื่นเดือดร้อนแค่นี้พอ
สุดท้ายก็ขอบคุณแฟนๆ ทุกคนที่ติดตาม “ออฟ” มา แล้วก็มารู้จักกันในฐานะพิธีกร-นักแสดง ก็ขอบคุณทุกๆ คนมากๆ ที่ชื่นชอบและเป็นกำลังใจให้ แล้วก็สามารถตอบแทนได้ก็ด้วยความจริงใจอย่างเดียว มีแต่ความจริงใจให้ แล้วก็ขอบคุณที่อยู่มาถึงทุกวันนี้นะครับ