ชีวิตจริงยิ่งกว่าละคร เปิดความคิด “กัน อรรถพันธ์” มองกระแสวาย
เป็นอีกหนึ่งนักแสดงที่เข้ามาอยู่ในโลกของหนัง-ซีรีส์วายมานาน สำหรับ “กัน อรรถพันธ์ พูลสวัสดิ์” โดยวันนี้ทาง “ดาราเดลี่” มีโอกาสพูดคุยกับหนุ่ม “กัน” ก็ไม่พลาดที่จะถามถึงมุมมองในฐานะนักแสดงถึงเรื่องของเขา โดยเขาได้เล่าทั้งจุดเริ่มต้นและมุมมองในเรื่องของกระแสซีรีส์วายในตอนนี้ให้ฟังว่า
สำหรับจุดเริ่มต้นเล่นวายครั้งแรก เราเริ่มมาจากเรื่อง “อนธการ” แสดงร่วมกับ “โอบ โอบนิธิ วิวรรธนวรางค์” และได้โอกาสเล่นต่อมาเรื่อยๆ โดยครั้งนั้นยังไม่มีกระแสขนาดนี้ เรารู้สึกว่าตลาดซีรีส์วายมีเพิ่มมากขึ้น และมีสาววายเยอะขึ้น เขาเองก็มีตัวเลือกมากขึ้นจากเดิม กลุ่มของสาววายจริงๆ มีอยู่นานแล้ว เมื่อมีซีรีส์เข้ามาก็ทำให้เขาเหมือนได้เปิดอีกโลกนึง จากเดิมในหนังสือการ์ตูน ในนิยาย หรือว่าตามที่แต่งในเน็ต ตามเว็บบอร์ด ถ้าเป็นซีรีส์อันนี้ทำให้เขาได้เห็นภาพที่ชัดเจนมากขึ้น
ส่วนการรับงานตั้งแต่ “อนธการ” เราไม่คิดว่าชาย-ชายมาคู่กันภาพจะออกมาเป็นยังไง แต่ตอนนั้นที่รับเล่นเพราะรู้สึกว่าบทมันดีมากๆ ท้าทาย และถ้าเราเล่นดีจะมีแต่บวกกับบวก ถ้าคนเห็นจะต้องชื่นชมในการแสดง ก็ทำให้รับเล่น แต่พอมีกระแสก็รู้สึกดี คิดถูกแล้วที่เล่นเรื่องนี้
ต่อมาก็มีงานซีรีส์วายติดต่อเข้ามา กับเรื่อง “Puppy Honey” จะเป็นช่วงซีรีส์วายเยอะมาก จะช่องไหนก็จะต้องมีคู่ชาย-ชาย เพื่อจะให้มีกระแส ตอนนั้นก็ดี ผลตอบรับดีมากๆ โดยในเรื่องนั้นจะเป็นแบบน่ารักใสๆ ไม่ได้ดาร์คอะไรมาก ไม่รุนแรง
เรื่องตลาดซีรีส์วายนั้นมองว่ายังไปได้ต่อ เพราะเอาจริงๆ การที่จะหยิบซีรีส์มาทำก็จะต้องมีคู่พระ-นาง ผู้ชาย-ผู้หญิง แต่นี่จะเป็นอีกหนึ่งทางเลือก คือผู้ชาย-ผู้ชายคู่กัน สมัยนี้เรามองว่าหลายคนมองข้ามเรื่องเพศสภาพไปแล้ว จะมองในตัวเนื้อเรื่องดีๆ อันไหนน่าดู ตอนนี้คนดูเพิ่มขึ้น เปิดมากขึ้น ถ้ามีบทดีๆ ผู้กำกับฯ ที่สามารถนำไปต่อยอดในหลายๆ มิติ เช่น ซีรีส์วายที่เป็นหนังผี ไม่จำเป็นต้องรักอย่างเดียว
เรื่องการเลียนแบบเรามองว่าถ้าเขาไม่ได้ชอบจริงๆ เลียนแบบไปก็ฝืนใจทำไม่ได้ เหมือนดูซีรีส์แล้วจะไปชอบผู้ชายตามอันนี้คงยาก มันขึ้นอยู่กับจิตใจข้างในเขามากกว่า ส่วนตัวเองเมื่อเล่นฉากใกล้ชิดกับผู้ชายก็จะสนิทกันไปเลย ตอนนี้ก็ 3 ปีแล้วที่รู้จัก คุยกัน แชร์กันทุกเรื่อง กล้าเล่นมากขึ้น ด้านการล้อเล่นในสมัยเล่นแรกๆ นั้นไม่เคยถูกล้อ คนที่รู้จักไม่มีใครล้อเลย เรื่องครอบครัวเขาก็เข้าใจ รู้หมด ดูผลงานด้วย เขาเข้าใจว่ามันคืองาน ไม่ได้มองลบ
ด้านความเห็นกับเพศที่สามเรามองว่ามันดี หลายๆ คนได้เปิดมากขึ้น คนที่เป็นเพศที่สามหรืออะไร ทุกคนมีชีวิตของตัวเอง ถ้าสังคมยอมรับมากขึ้นเขาสามารถนำเอาความสามารถของเขาหรือไอเดียดีๆ ออกมา เรามองว่าอย่าไปปิดกั้นเลย ทุกคนเก่งหมด และโลกตอนนี้เปิดมากขึ้น นำจุดเด่นของตัวเองออกมา และพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ ไม่ใช่แค่จะปิดกั้นเพราะเพศสภาพ