"แตงโม" แจงรูปร้องไห้กลางไอจี หลังคาดหวังให้พ่อเลิกบุหรี่ในวันเกิดตน
หลังจากสาว "แตงโม นิดา พัชรวีระพงษ์" ได้โพสต์คลิปร้องไห้กลางไอจีส่วนตัว ถึงสาเหตุที่ "คุณพ่อโสภณ" เลิกบุหรี่ไม่ได้ตามที่สัญญากับตนเอาไว้ในวันเกิด เมื่อมีโอกาสเจอเจ้าตัวก็ถามถึงประเด็นนี้สักหน่อย
วันนั้นจริงๆ ไม่ใช่ไลฟ์สด เป็นช่วงก่อนวันเกิดไม่กี่วัน ด้วยความที่ขอคุณพ่อมานานแล้ว อยากให้เลิกบุหรี่ คุณพ่อไม่สบายเยอะ เป็นโรค เขาก็ค่อนข้างพยายาม แต่เราเอาความหวังไปไว้ที่คุณพ่อเยอะเกินไป คิดว่าจะเลิกได้ในวันเกิดเราแน่ๆ คือสิ่งที่เราคิดไปเอง ความตั้งใจเขาก็มี แต่อาจจะไม่ตรงกับวันเกิดเรา ก็ได้แค่เห็นความพยายามเขาก็พอ แต่ตอนที่ลงคลิปมันเป็นช่วงที่หวังตรงนั้นมากไป เพราะขอมาทั้งชีวิตแล้ว ถ้าคนที่เลิกแล้วต้องไม่มีที่เขี่ยบุหรี่ แต่เห็นวางอยู่ ใจหนึ่งก็คิดว่ามันสกปรก คงยังไม่ได้เก็บ อีกใจก็คิดหรือว่ายังสูบอยู่ เลยแอบเดินไปดู ปรากฏว่าเจอก้นบุหรี่ก็เสียใจมาก หลังจากนั้นก็ลักษณะลูกสาวน้อยใจ มีหลายคนเตือนว่าให้ใจเย็นๆ ให้ดูที่ความพยายามของพ่อ เพราะมันก็พิสูจน์ว่าพ่อรักเราจริงๆ หลังจากนี้ถ้าพ่อจะสูบหรือไม่สูบก็ไม่คาดหวังอะไรอีกแล้ว อะไรที่พ่อทำแล้วมีความสุขให้พ่อทำดีกว่า
ตอนแรกไม่เห็นถึงความตั้งใจของพ่อ เป็นความรู้สึกจับผิดมากกว่า เมื่อไหร่จะเลิกให้ พอถอยกลับมามองเขา การที่เขาเลิกมันทรมาน เลยรู้สึกว่าเราใจร้ายเกินไป เราไม่ได้มีเจตนาทำร้าย หรือเป็นตัวอย่างไม่ดีสำหรับใคร ถึงเราจะมีความงอแงร้องไห้ แต่เจตนาคืออยากให้พ่อแข็งแรง อยู่กับเราไปนานๆ ทำไมพ่อถึงกลับมาสูบ เราถามมาทั้งชีวิตแล้ว เขาสัญญามาตลอดว่าจะพยายาม หลังจากนั้นเรายังไม่ได้คุยกับพ่อ
ตอนลงคลิปไปพ่อต้องเรียกไปคุยแน่ แต่ไปก่อน พ่อหลับไม่รู้เรื่อง ไม่รู้ว่าพ่อรู้หรือไม่รู้เรื่อง แต่มันเป็นข่าว แต่ปลดล็อกในใจเราแล้วว่าไม่ว่ายังไงจะไม่ขอเขาแล้ว เพราะคิดว่าเขาคงจะลดลงไปเรื่อยๆ เราก็วางใจ มองพ่อในมุมที่เขาพยายามทำเพื่อเราดีกว่า เพราะฉะนั้นจะไม่คุยกับพ่อเรื่องนี้อีกแล้ว
ส่วนก่อนหน้านี้พ่อสูบวันละ 3 ซอง บวกกาแฟอีกเกือบ 10 แก้ว เส้นเลือดในสมองจะไม่ตีบก็ยังไงอยู่ แต่ตอนนี้ลดลงเยอะเลย เหลือวันละ 10 มวน เอฟเฟคท์เรื่องสุขภาพเวลาเขาเลิกสูบ เขาไปออกกำลังกาย ก็จะทานเยอะขึ้น สดใสขึ้น ตอนนี้ไม่น้อยใจแล้ว ถ้าลูกบางคนยังเป็นแบบเราอยู่ แต่ถ้าเห็นว่าเขาลดเพื่อเรานั่นคือการทำเพื่อเรา อยากให้ดูเราเป็นตัวอย่างว่าบางทีเรารีบตัดสินแล้วต้องมาเสียใจเอง ตอนนี้เราพยายามชดเชยเรื่องอื่น ให้พ่อออกกำลังกาย กินอาหารเยอะ ใจจริงอยากให้พ่อปรึกษาหมอ แต่แล้วแต่ความสมัครใจของพ่อ ส่วนตัวคิดว่าพ่อรู้ว่าเราเสียใจ ใช้ความรู้สึกเดียวกัน แค่พูดหรือไม่พูดแค่นั้นเอง
