เปิดความรู้สึก “เก้า” หลังมีดราม่า งานบอลช่อง 3 ทำไมไม่ได้ขึ้นรถ?
อีกหนึ่งนักแสดงสาวที่ห่างหายจากจอไปสักพัก สำหรับ “เก้า สุภัสสรา ธนชาต” ที่เธอเองกำลังมีงานละครอีกครั้งในเรื่อง “คมแฝก” ซึ่งล่าสุดเธอได้ร่วมงานบอลของช่อง 3 ทำเอาเกิดดราม่าเล็กๆ ในทวิตเตอร์ที่พูดถึงว่า ทำไมเธอถึงไม่ได้ขึ้นรถแบบรุ่นพี่ของช่อง วันนี้ทาง “ดาราเดลี่” มีโอกาสพูดคุยกับสาว “เก้า” เธอเผยให้ฟังว่า
งานบอลที่ผ่านมาของช่อง 3 รู้สึกดี เพราะเราก็ไม่ค่อยได้ออกอีเว้นท์ พอได้ออกอีเว้นท์ก็รู้สึกดีใจที่ได้เจอแฟนคลับ โดยปกติเราไม่ค่อยมีเวลาอยู่แล้ว เรียนและถ่ายละครไปพร้อมๆกัน หลังเลิกเรียนเราจะไปงานอีเว้นท์ก็จะไปไม่ทัน เป็นเหตุที่ไม่ค่อยได้ออกงาน
ส่วนงานบอลที่ผ่านมาที่เราได้ไปเจอแฟนคลับ ถึงแม้ปกติเจ้าตัวจะมีแฟนคลับไม่เยอะมากนัก แต่ก็มีแฟนคลับหน้าใหม่ๆ เยอะพอสมควร และรู้สึกดีใจมาก เพราะช่วงนี้เราก็หายไปนานจากวงการ ซึ่งไม่มีผลงานใหม่ๆ ออกมาเลย มีแต่พรีเซนเตอร์โฆษณา แต่ไม่มีละครออกมาให้แฟนๆ ติดตามชมเลย ก็ยังดีใจที่มีแฟนคลับหน้าใหม่ๆ มาหา บางคนเราไม่เคยเจอเขาเลย บางคนก็มาจากหาดใหญ่ ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่ายังมีคนที่รักและคอยให้กำลังใจหรือมาหา ถึงแม้อากาศจะร้อนแต่ก็ยังมีแฟนคลับที่ยังมาหาเรา
ด้านที่ได้เจอ “ต่อ” ตอนแรกเราไม่รู้ว่าจะได้เจอ ไม่รู้ว่าเขามางานช่องด้วย ซึ่งเรารู้ตั้งแต่วันซ้อมแล้ว เพราะเห็นสแตนด์เขาอยู่ข้างๆ สแตนด์ตนเอง แต่ก็ไม่รู้ว่าเขามาทำอะไร เพราะตอนซ้อมเดินพาเหรดก็ไม่มีต่ออยู่ในขบวนด้วย เพิ่งมารู้ว่าเขาเป็นโกลฟุตบอล แล้วก็ได้เจอกัน เราเลยถ่ายคลิปสักหน่อย และก็มีทักทายกันบ้าง
ด้านส่วนที่ได้ไปร่วมของงานบอลช่อง เจ้าตัวก็ได้ไปเดินพาเหรดของช่อง และในกระแสทวิตเตอร์ที่ว่าเราไม่ได้ขึ้นรถในขบวนพาเหรดด้วย เพื่อนส่งมาให้ดูตอนที่ออกมาจากขบวน แต่ก็ไม่ซีเรียส เพราะต้องเกริ่นก่อนเลยว่า คนส่วนใหญ่จะเข้าใจว่าเราย้ายมาจากสังกัด “GDH” หรือ “นาดาว” ซึ่งจริงๆแล้วต้องบอกว่า เป็นความโชคดีของตนที่ได้รับโอกาสร่วมงาน และเป็นครอบครัวกับทาง นาดาว พี่ย้ง และ GDH ที่ให้โอกาสอยู่เสมอ ซึ่งก็ไม่ผิดเลยที่คนจะเข้าใจแบบนั้น ทั้งนี้เราเป็นฟรีแลนซ์มาเป็นเวลานานพอสมควรแล้ว เมื่อมีโอกาสดีๆ จากทางช่อง 3 ที่ทำให้ได้คุยกับทางผู้ใหญ่ของช่อง จึงได้มาอยู่สังกัดช่อง 3
ด้วยความที่เจ้าตัวอายุยังน้อย เพียง 22 ปี เราเลยอยากทำงานที่หลากหลาย ท้าทายความสามารถ ท้าทายฝีมือ แล้วตอนที่ถ่ายละคร เราก็ได้เจอนักแสดงที่หลากหลายที่เป็นมืออาชีพ ซึ่งเราก็ได้ประสบการณ์ต่างๆ ที่ได้มาทำสิ่งนี้ ต้องขอขอบคุณช่อง 3 กับบทที่หลากหลายที่เราแสดงอย่าง “คมแฝก” ที่เป็นหนังบู๊ ซึ่งตนเองก็ไม่เคยเล่นมาก่อน ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าถ้าเป็นฟรีแลนซ์แล้วจะมีโอกาสได้มาเล่นแบบนี้ไหม ต่อมา คือ "ปี่แก้วนางหงส์" เรื่องนี้พลิกบทบาทมาก เพราะเราเคยเล่นเป็นสไปรท์ หรือฝุ่น ที่อาจจะมีบทบาทเหวี่ยง วีน หรือแนวคุณหนู แต่เรื่องนี้คือจะเป็นบทร้าย แบบร้ายสุดตัวเลยจริงๆ และอีกชาติหนึ่งก็ดี แบบดีมากๆ มันก็ยากและท้าทายสำหรับเราเลยทีเดียว
และได้เจอกับนักแสดงใหม่ๆ แถมยังได้เล่นละครยุคพีเรียดที่ไม่เคยเล่นมาก่อน ซึ่งก็มีความยากในเรื่องของคำพูด ร, ล มาหมดทุกแบบเลย ซึ่งเราก็เริ่มคิดว่าเป็นโอกาสที่ดีสำหรับเจ้าตัวเอง ย้อนกลับไปในส่วนของดราม่า เราก็ไม่ได้รู้สึกแย่แต่อย่างใด เพราะว่าเรารู้ว่าจุดประสงค์ของเราคืออะไร และรู้ว่าช่องวางแผนให้เราไว้อย่างไร
ต้องบอกก่อนว่าการที่เรามาอยู่ช่องคือเป็นการเริ่มต้นใหม่ทั้งหมดเลย แล้วเราเองยังไม่ได้มีผลงานที่ออกมาทางช่อง ถึงแม้ว่าคนบางคนอาจจะมองว่าเรามีคนรู้จักมาจากที่อื่น แต่ต้องยอมรับว่า กลุ่มคนดูที่เคยติดตามเรากับคนดูของช่อง 3 นั้นไม่ใช่คนกลุ่มเดียวกันเสียทีเดียว เราก็รู้สึกและเข้าใจว่าต้องเริ่มต้นใหม่ทั้งหมดอยู่แล้ว บางคนก็จะไม่รู้จัก เพราะเราก็ไม่ได้มีผลงานจากช่อง ณ ตอนนี้ แต่สุดท้ายเขาจะดูที่ผลงานและฝีมือว่าไปได้ขนาดไหน อาจจะเล่นแล้วดีหรือไม่ดีก็ได้ ในส่วนของละครช่องก็ต้องค่อยๆ ดูเป็นขั้นเป็นตอนไป และพี่ๆ นักแสดงแต่ละคนกว่าเขาจะมาถึงขั้นนี้ได้ก็นานพอสมควร
เราก็ได้มีโอกาส คุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้ใหญ่ทางช่องอยู่บ้าง ท่านก็รับฟังเราอยู่ตลอดและคอยมอบโอกาสดีๆให้เสมอ และอยากให้สังเกตว่า เวลาเรารับงานละครอะไร เราไม่ได้ยึดติดกับบทบาทนางเอก หรือบทบาทใดใด เรารู้สึกว่า ทำอย่างไรที่จะสื่อบทบาทหรือตัวละครให้คนดูรับรู้และเข้าใจในตัวละครมากกว่า ถ้าบทบาทที่เล่นมันท้าทายแบบไม่ใช่ตัวเรา ก็จะรู้สึกสนุก ถ้าเรายึดติดว่าจะต้องเป็นนางเอกเราจะไม่ค่อยรู้สึกว่ามันสนุกกับการทำอาชีพนี้
