ย้อนดูประวัติ “Dolores O’Riordan” เจ้าของเพลงดัง “Zombie”
ล่าสุดวง “The Cranberries” ได้ออกมาแถลงว่านักร้องนำ อย่าง “Dolores O’Riordan” หรือที่รู้จักกันในนามเจ้าของเพลง “Zombie” ได้เสียชีวิตลงอย่างกะทันหันในวัย 46 ปี ทางวงได้ออกมาแถลงข่าวเศร้าถึงการจากไปว่า นักร้องนำของวงได้เดินทางไปที่ลอนดอนเพื่ออัดเสียงในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ส่วนทางด้านตำรวจได้เผยว่า มีคนโทรแจ้งตำรวจให้ไปที่โรงแรมย่าน Park Lane เมื่อเวลา 09.05 น. ของเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (15 มกราคม) หลังพบร่างของหญิงสาววัย 40 ปีเสียชีวิต ซึ่งก็คือนักร้องสาว ทาง “ดาราเดลี่” จึงขอพาย้อนดูประวัติและผลงานของนักร้องผู้ล่วงลับในดวงใจของใครหลายๆ คนให้ติดตามกัน
“Dolores O’Riordan” เกิดเมื่อวันที่ 6 กันยายน ค.ศ.1971 ที่เมือง Ballybricken, Limerick ประเทศ Ireland เธอแต่งงานกับ “Don Burton” อดีตผู้จัดการทัวร์ และเริ่มสร้างครอบครัวกัน โดยมีลูกคนแรก “Taylor” เกิดในช่วงพักระหว่างอัลบั้ม To the Faithful Departed และ Bury the Hatchet ลูกคนที่สอง “Molly” และมีลูกสาวอีกคนอย่าง “Dakota Rain” แต่เหมือนชีวิตคู่ของเจ้าตัวจะไม่ได้สวยงามเท่าไหร่นัก จนกระทั่งทั้งคู่ตัดสินใจหย่าร้างกันในปี 2014 เป็นอันสิ้นสุดชีวิตคู่ร่วม 20 ปี และนักร้องสาวก็กลับไปใช้ชีวิตที่ Ireland อีกครั้ง
ส่วนเส้นทางการเป็นนักร้องมีชื่อของเจ้าตัว ในปี 1990 เธอไปร่วมคัดตัวและเป็นผู้ชนะในการคว้าตำแหน่งนักร้องนำของวงดนตรีที่มีชื่อว่า “The Cranberry Saw Us” ภายหลัง เปลี่ยนชื่อเป็น “The Cranberries” ต่อมาวง “The Cranberries” เริ่มเป็นที่รู้จักตั้งแต่ปี 1993 จากอัลบั้มเดบิวท์ “Everybody Else Is Doing It” ซึ่งขายได้มากกว่า 40 ล้านอัลบั้มทั่วโลก และพาวงของตัวเองสร้างชื่อเสียงไปทั่วโลกผ่านซิงเกิ้ล “Linger” และ “Zombie”
สำหรับเพลง “Zombie” ที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก และดังสุดๆ ในประเทศไทยนั้น มีที่มาจากการที่นักร้องสาวและวงเห็นถึงความขัดแย้งรุนแรงที่ไอร์แลนด์เหนือ แยกตัวจากสหราชอาณาจักร จนเกิดเป็นสงครามย่อมๆ ที่ทำให้มีการสูญเสียผู้บริสุทธิ์จำนวนมากในขณะที่พวกเขาออกทัวร์คอนเสิร์ต จนทำให้นักร้องสาวแต่งเพลงนี้ออกมาในที่สุด และเจ้าตัวก็เปิดเผยว่าเป็นเพลงที่กร้าวที่สุดที่พวกเขาเคยมีมา
หลังจากปล่อยเพลง “Zombie” ออกมาในปี 1994 เพลงก็ทะยานขึ้นชาร์ตอันดับหนึ่งในหลายๆ ประเทศ ทั้ง สหรัฐอเมริกา, ออสเตรเลีย, เยอรมนี และสามารถคว้ารางวัลเพลงยอดเยี่ยมของเอ็มทีวียุโรปเมื่อปี 1995 ชนะแม้แต่เพลง “Best Song” ของ “Michael Jackson”
เธอร่วมงานกับ “The Cranberries” นานถึง 13 ปี มีอัลบั้มออกมาทั้งสิ้น 5 ชุด ได้แก่ Everybody Else Is Doing It, So Why Can't We? (1993), No Need to Argue (1994), To the Faithful Departed (1996), Bury the Hatchet (1999) และ Wake Up and Smell the Coffee (2001) ส่วนอัลบั้มรวมเพลงฮิต Stars - The Best of 1992 - 2002 ออกวางตลาดในปี 2002 ก่อนที่ทางวงจะทำการหยุดพักลงในปี 2003 และแยกวงกันไปในที่สุด
หลังจากนั้นนักร้องสาวได้ร่วมงานกับศิลปินชาวอิตาเลียนในอัลบั้ม Zu & Co. กับบทเพลง "Pure Love" และต่อมาในปี 2005 เธอก็ได้ร่วมงานในอัลบั้ม Tripomatic Fairytales 3003 ในฐานะนักร้องรับเชิญในเพลง "Mirror Lover" และมีผลงานออกมาเรื่อยๆ กับศิลปินหลายท่าน
จนกระทั่งเดือนพฤษภาคม 2007 เธอมีอัลบั้มเดี่ยวชุดแรก “Are You Listening” โดยมีเพลง "Ordinary Day" เป็นซิงเกิ้ลแรก ก่อนจะปล่อย “When We Were Young" เป็นซิงเกิ้ลที่ 2 ออกมา
นอกจากฝีมือการแต่งเพลง และเอกลักษณ์ในการร้องเพลงแล้ว เธอเป็นที่จดจำจากการที่เธอเปลี่ยนทรงผมอยู่เสมอ ตั้งแต่ผมยาวประบ่าไปเป็นผมสั้นกุด และเปลี่ยนสีสันอยู่บ่อยครั้งจนกลายเป็นไอคอนให้หลายๆ ยึดเป็นแบบอย่าง
สำหรับการเสียชีวิตของเธอในวันที่ 15 มกราคม ที่ผ่านมา สมาชิกในวงคนอื่นๆ ได้ออกมาร่วมไว้อาลัยให้กับเธอผ่านทาง Social Media โดย twitter ของวงได้ทวิตไว้ว่า “เธอเป็นนักร้องที่เต็มไปด้วยความสามารถและเราทุกคนรู้สึกโชคดีมากที่ได้ใช้ ชีวิตร่วมกับเธอตั้งแต่ปี 1989 ก่อนเผยว่าครอบครัวของเธอกำลังอยู่ในความโศกเศร้าจากข่าวการจากไปในครั้งนี้ และขอใช้เวลาส่วนตัวกับการไว้อาลัย”
สาเหตุการเสียชีวิตในครั้งนี้ยังไม่เป็นที่เปิดเผยแน่ชัด แต่การสูญเสียอีกหนึ่งนักร้องคุณภาพของโลกก็นำมาซึ่งความโศกเศร้าให้กับเพื่อนร่วมวงการและแฟนคลับ แต่อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าบทเพลงและตัวตนของร็อกเกอร์สาวจะยังอยู่ในหัวใจของแฟนๆ ตลอดไป