"เจษ" โอด อย่าปิดกั้นกันด้วยคำว่าเจ้าชู้
เป็นนักแสดงหนุ่มที่มีข่าวกับสาวๆ แบบโด่งดังไม่แพ้งานแสดงเลยทีเดียว สำหรับ “เจษ เจษฎ์พิพัฒ ติละพรพัฒน์” ที่ก่อนหน้านี้เคยมีรักหวานชื่นกับดาราสาว “ยิปซี คีรติ” ขนิดที่ทำเอาหนุ่มๆ อื่นอิจฉา แต่หลังจากแยกย้ายบ๊ายบายกันไป ก็ไปมีข่าวกับดาราสาว “โม มนชนก” แถมยังโดนข้อหาเป็นมือที่สาม เพราะเป็นช่วงที่ “โม มนชนก” โบกมือลากับ “บี้ สุกฤษฎิ์” มาเช่นกัน
ที่ตกเป็นข่าวอาจจะมีเท่านี้ แต่ที่ไม่เป็นข่าวก็มีเช่นกัน เพราะหลังจากที่ “เจษ เจษฎ์พิพัฒ ติละพรพัฒน์” เลิกรากับ “ยิปซี คีรติ มหาพฤกษ์พงศ์” ก็มีชาวเน็ตแอบจับสังเกตว่าฝ่ายชายชอบไปกดไลค์รัวๆ ดาราสาว “แก๊ป ดลกา รักษนาเวส” นักแสดงจากละครเรื่อง "นางอาย" จนน่าจะมีอะไรพิเศษ แต่พอพระเอกหนุ่มมาจับคู่ในละครกับ “โม มนชนก แสงฉายเพียงเพ็ญ” ในละคร “ชีวิตเพื่อฆ่า หัวใจเพื่อเธอ” ก็เกิดอาการที่ทำให้แฟนๆ จิ้นนอกจอ จนเจอข้อหามือที่สาม ทำให้ “โม-มนชนก” เลิกกับ “บี้ สุกฤษฎ์” ทำให้หนุ่ม "เจษ" ต้องออกมายืนยันว่า จิ้นกันแค่ในละครเท่านั้น เพราะตัวเองมีสาวนอกวงการที่คุยๆ อยู่เลยต้องพา “เจษ เจษฎ์พิพัฒ” มานั่งจับเข่าคุยกันสักหน่อย เพราะข่าวเยอะอย่างนี้ คงมีบ้างที่ถูกมองว่า “เจ้าชู้”
คำว่าเจ้าชู้ เราจะมองว่าภาพลักษณ์เขาเป็นอย่างนี้ แล้วเขาจะเป็นอย่างนี้เลยไม่ได้ ผมก็เลยเป็นคนเปิดโอกาสให้คนทุกคน อย่างคนที่เคยทำผิดมา สมมติมีดาราคนหนึ่งเจ้าชู้มาก เขาอาจจะคุยกับผู้หญิงผ่านมาแล้ว 3 คน แต่ถ้าคนที่ 4 ที่เขาจะไปเจอ แล้วคนทั้งโลกคิดว่าผู้ชายคนนี้เจ้าชู้มาก แล้วทำผู้หญิงเสียใจมา 3 คน เขาคงจะไม่มีวันได้เจอคนที่ 4 ชีวิตเขาคงจะเป็นโสดไปตลอดชีวิต ถ้าเราไม่ให้โอกาสคน ผมคิดว่าคนเราแก้ไขได้ แล้วก็ดูที่ความตั้งใจดีกว่า ดูที่การกระทำในอดีต การกระทำในอดีตมันพอจะให้ระวังได้ แต่ไม่ใช่ทำให้มันมาปิดโอกาสคน ก็จะดูใจร้ายไปนิดนึง
การได้เห็นคน ดูคน วิเคราะห์คน เข้าใจคน มันดีกว่าการที่เราไปมองเผินๆ แล้วตีความเขาไปจากที่เราเจอมา ผมว่ามันค่อนข้างจะปิดกั้นนะ ปิดกั้นคนอื่น ปิดกั้นตัวเองด้วย คือปิดกันตัวเองที่จะเข้าใจ ปิดกั้นคนอื่นที่จะเข้ามานะครับ
